การคิดบวก คือ การคิดที่มองสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยความเข้าใจ และยอมรับในส่ิงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี หรือ ไม่ดีที่เกิดขึ้นกับเราก็ตาม โดยเฉพาะการคิดบวกในสถานการณ์ที่เป็นลบ จะช่วยให้เรามองเห็นหนทาง และ โอกาสในการแก้ไข หรือ ทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้เสมอ
ดังเรื่องราวของบุคคลสำคัญของเราในตอนนี้ก็เช่นกัน สำหรับเขา การคิดบวกคือ หัวใจสำคัญสำหรับทุกๆ ภารกิจของชีวิต
ถ้าเอ่ยถึง Genie Records แฟนเพลงหลายคนจะรู้จักในฐานะค่ายเพลงที่รวบรวมวงดนตรีและศิลปินวงร็อคระดับแนวหน้าของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น Bodyslam, Paradox, Big Ass, Potato, Retrospect, ป้าง – นครินทร์กิ่งศักดิ์ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่มีกี่คนที่จะรู้ว่าเบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินและค่ายเพลงแห่งนี้ คือ พี่นิค – วิเชียร ฤกษ์ไพศาล ผู้ก่อตั้งและอดีตผู้บริหารแห่ง Genie Records ที่ปลุกปั้นค่ายเพลงแห่งนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น
เส้นทางของ พี่นิค – วิเชียร ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาผลักดันตนเอง จากที่เป็นเด็กฝึกงานในกองถ่าย จนกระทั่งเป็นหนึ่งในผู้ปฏิวัติวงการเพลงของเมืองไทย ทั้งหมดนี้เกิดจากความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และการมีสมรรถนะในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในตนเอง
เดินตามความจริง
พี่นิค – วิเชียร ฤกษ์ไพศาล ไม่ได้ดำเนินชีวิตไปตามความฝัน แต่ก้าวเดินไปตามความจริง เขาเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะไม่ดีนักและได้รับรู้ถึงความลำบากของครอบครัวมาตั้งแต่เด็กๆ สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมและทำให้ตระหนักตลอดมาว่า เขาจะต้องทำให้แม่มีชีวิตที่ดีขึ้นและมีความสุขมากกว่าที่เคยเป็นมาตลอดชีวิต
“คนมักจะพูดว่าถ้าอยากมีความสุขให้ทำงานที่ตัวเองรัก หรือถ้าอยากประสบความสำเร็จในชีวิตต้องรักงานที่ตัวเองทำ แต่สำหรับผมแล้วผมอยากจะบอกกับทุกคนว่าถ้าอยากจะประสบความสำเร็จและมีความสุขในชีวิตอย่างแท้จริง คุณต้องทำงานเพื่อคนที่เรารัก ผมเป็นคนรักแม่ ผมจึงมีเป้าหมายในชีวิตว่าผมจะทำทุกอย่างเพื่อท่าน แม่จึงเป็นบุคคลที่ยึดโยงให้ผมอยู่ในศีลธรรม แม่เป็นคนที่ทำให้ผมมีทุกวันนี้” พี่นิค เล่าถึงแนวคิดในการดำเนินชีวิตของเขา
พี่นิค มีความฝันว่าอยากเรียนด้านศิลปะ แต่เมื่อสอบเข้าเรียนที่วิทยาลัยเพาะช่างไม่ติด ก็ได้หันเหไปเรียนสายสามัญเพราะอยากเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยศิลปากร แต่เมื่อถึงเวลาเอนทรานซ์ ได้เลือกคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง จึงได้เข้าเรียนที่นั่น และทำกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมมากมาย ทั้งเล่นละครและทำงานศิลปะต่างๆ จนพูดเล่นว่า เรียนคณะรัฐศาสตร์ สาขาการละครและศิลปะ
เรียนรู้จากจุดต่ำสุด
หลังจากเรียนจบ พี่นิคได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งคณะละครมะขามป้อม ซึ่งทำงานขับเคลื่อนสังคม ผ่านการทำงานละครและสื่อต่างๆ เขาสนุกกับการทำงานเพื่อสังคมอยู่หลายปี ต่อมาด้วยข้อจำกัดในการดำเนินชีวิต จึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเส้นทางการทำงาน ด้วยการเข้าไปเรียนรู้งานในกองถ่ายทำภาพยนตร์ โดยเริ่มจากงานตำแหน่งเล็กๆ เพื่อเรียนรู้การทำงานให้ได้มากที่สุด เขาอธิบายถึงความมุ่งมั่นและใฝ่รู้ในการทำงาน จากจุดเริ่มต้นของการทำงานในวงการบันเทิงว่า
พี่นิค บอกกับเราว่า ด้วย การคิดบวก “สิ่งที่ผมเรียนรู้มาตลอด คือ ทักษะในการทำงานศิลปะ ไม่ได้มีสอนในตำรา เราสามารถเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ระหว่างการทำงานได้ด้วย ในช่วงแรกหลังจากออกจากมะขามป้อม ผมไปทำงานเป็นพนักงานในกองถ่ายทำรายการโทรทัศน์ซึ่งเป็นงานระดับล่างสุดในบริษัท แต่เราเป็นคนสู้ เพราะฉะนั้น ผมจึงทำงานเต็มที่เพื่อเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างจากการทำงานให้ได้มากที่สุด เรียนไปเรื่อยๆ ใช้วิธีครูพักลักจำ บางครั้งก็เรียนจากเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องที่เขาจบด้านนิเทศศาสตร์มา ผมก็เลยได้ทั้งปฏิบัติจริงไปด้วยเรียนรู้ไปด้วย รวมถึงไปหาหนังสือเกี่ยวกับนิเทศศาสตร์มาอ่านด้วย ซึ่งไม่นานก็เข้าใจวิธีการทำงานทั้งหมด”
กล้าเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ เสมอ
ด้วยการมีเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิตทำให้ พี่นิค เป็นคนที่มีแรงขับเคลื่อน เพื่อพาตนเองเข้าสู่เป้าหมายอยู่ตลอด เขาสามารถไต่เต้าจากเด็กในกองถ่าย มาเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ จนกระทั่งได้เป็นผู้กำกับมิวสิควิดีโอของบริษัทแกรมมี่ ซึ่งในสมัยนั้น การทำมิวสิควิดีโอยังเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับวงการเพลงไทย โดยเริ่มจากการวิเคราะห์ก่อนว่ามิวสิควิดีโอทำหน้าที่อะไร คำตอบที่ได้ คือมีหน้าที่ทำให้เพลงเพราะขึ้น จึงทำงานเหมือนสร้างหลักสูตรเฉพาะตัวขึ้นมา
“มิวสิควิดีโอ คือการนำภาพมาประกบกับเพลง คือการใช้ทฤษฎีทางศิลปะหลายๆ อย่างมารวมกันแล้วประมวลผลออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวที่กำกับด้วยบีตของดนตรี ผมทำไปด้วยความคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรผิด เพราะตอนนั้นก็ไม่เคยมีใครทำอะไรลักษณะนี้มาก่อน ผมลองผิดลองถูก ผสมผสานหลายๆ อย่างเข้าไป แต่ว่าตลอดเวลาที่ทำก็ต้องค่อยๆ ประมวลให้เป็นสูตร เป็นกติกา”
หลังจากที่ พี่นิค ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับมิวสิควิดีโออยู่อยู่พักใหญ่ แกรมมี่ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อคุณเต๋อ เรวัต พุทธินันทน์ จากไป มีการปรับโครงสร้างภายในบริษัทใหม่ นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งในชีวิตของพี่นิคด้วย
“ช่วงนั้นผมมีความรู้สึกว่าตัวเองน่าจะสามารถประยุกต์ความรู้ทุกๆ อย่างที่มีมาพัฒนาองค์กรได้ ช่วงนั้นเป็นยุค IMF พอดี เศรษฐกิจช่วงนั้นย่ำแย่มาก คนทำธุรกิจบาดเจ็บกันไปหมด บนถนนแทบไม่มีรถวิ่ง เราเข้าใจสถานการณ์ตอนนั้นดี เพราะฉะนั้น ทุกอย่างที่เราทำเราจึงทำอย่างเขียมมากๆ จะซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง เรายังคิดแล้วคิดอีกสร้างทุกอย่างเหมือนเป็นค่ายเพลงที่เราลงเงินทุกบาททุกสตางค์เอง ทำทุกอย่างด้วยจิตวิญญาณของเราอย่างแท้จริง”
และนี่ก็คือ จุดกำเนิดของ Genie Records ค่ายเพลงย่อยในเครือแกรมมี่ ซึ่งในเวลาต่อมาเป็นค่ายเพลงที่ประสบความสำเร็จในอันดับต้นๆ ของบริษัท สามารถสร้างผลงานเพลงและศิลปินที่โด่งดังเป็นจำนวนมาก อดีตผู้บริหาร Genie Records เล่าถึงการทำงานในอดีตว่า
“พอเริ่มทำงานเราขาดทุนอยู่แค่ 2-3 เดือนแรกเท่านั้นครับ ซึ่งเป็นเรื่องปกติเพราะเรายังไม่ได้ผลิตงานออกมาแต่เมื่อจบสิ้นปีแรก Genie Records มีกำไร 17 ล้านบาท ด้วยอัลบั้มที่หลายคนคงรู้จัก คือ อัลบั้มประเทือง ของไท ธนาวุฒิ ซึ่งก็เป็นงานที่เกิดจากการไม่ยอมแพ้ของเรา ด้วยการอยู่บนพื้นฐานของความคิดที่ว่ามันต้องเป็นไปได้”
ทุกปัญหาคือโอกาส
จากเด็กยากจนที่ต้องขวนขวายสู่การมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม สู่ผู้เป็นหนึ่งในตำนานของวงการดนตรีไทย ปัจจุบันคุณนิคได้อำลาตำแหน่งผู้บริหารของ Genie Records แล้ว เขาได้ผ่านประสบการณ์ต่างๆ มาอย่างโชกโชน และได้สรุปแนวคิดในการทำงานที่สำคัญให้กับคนรุ่นใหม่เอาไว้ว่า
“การคิดบวก เป็นหัวใจสำคัญสำหรับทุกๆ ภารกิจของชีวิต และทุกๆ ปัญหาล้วนคือโอกาส”
พี่นิค ย้ำเสมอว่า ทัศนคติ หรือ Mindset ที่เกิดจาก การคิดบวก ของคนเรานั้น สำคัญมาก โดยเฉพาะทัศนคติต่อการมองปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้เป็นการเรียนรู้ เพราะทุกปัญหา คือ โอกาสให้เราได้พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เป็นความท้าทายที่รอให้เราเผชิญหน้า และถ้าเราผ่านมาได้เราก็จะเติบโตขึ้นและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เมื่อวันหนึ่งย้อนกลับไปมองประสบการณ์ที่ผ่านมา เราจะพบว่าการงานที่เราสร้างมานั้นได้กลายเป็นตำนานที่น่าจดจำ และเป็นสิ่งที่ทำให้เราเป็นเราในวันนี้
เรื่องราวของ พี่นิค – วิเชียร ฤกษ์ไพศาล ก็คงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างให้กับพวกเรา ในเรื่องของการเปลี่ยนมุมมองในเรื่องของการเรียนรู้ โดยเฉพาะในเรื่องของความสุข อย่างที่ พี่นิค ได้กล่าวเอาไว้ว่า ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จและมีความสุขในชีวิตอย่างแท้จริง คุณต้องทำงานเพื่อคนที่เรารัก
“ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จและมีความสุขในชีวิตอย่างแท้จริง แค่เรารักงานที่ตัวเองทำคงไม่พอ เราต้องทำงานเพื่อคนที่เรารักด้วย”
และอีกเรื่องนึงที่สำคัญ นั่นก็คือ
“การเรียนรู้ไม่ใช่ตำรา แต่การเรียนรู้สร้างตำรา และ เราสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ในระหว่างการทำงานได้อีกด้วย”
ตัวอย่างดีๆ ที่มาจาก การคิดบวก จาก พี่นิค – วิเชียร ฤกษ์ไพศาล แสดงให้เห็นแล้วว่าเรื่องของการเรียนรู้มันไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ และ ความสุขของเราสามารถสร้างได้ตลอดเส้นทางของการเรียนรู้
เรื่องราวอ้างอิงบทสัมภาษณ์ของ พี่นิค – วิเชียร ฤกษ์ไพศาล
จากโครงการ พื้นที่เรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง (Transformative Learning)
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ โครงการ พื้นที่เรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง (Transformative Learning) สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
พี่อ้อย – นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล หรือ “ดีเจพี่อ้อย” ความลำบากและอุปสรรค ก็เป็นครูที่ดีอย่างหนึ่ง เพราะเมื่อเราผ่านมันไปได้ เราก็จะมีการเติบโตต่อไปได้
คุณสิงห์-วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล การเรียนรู้ ว่าเราไม่รู้ ด้วยการให้โอกาสตนเองได้ลองทำ