การปฏิวัติความสำเร็จ ในที่ทำงาน : กลยุทธ์สร้างสรรค์ที่ได้แรงบันดาลใจจากหนังสือ Atomic Habits โดย James Clear ที่พวกเราสามารถนำมาใช้ได้จริง
ในโลกการทำงานสมัยใหม่ ความสำเร็จมักขึ้นอยู่กับความสามารถของเราในการสร้างนิสัยที่ดีและกำจัดนิสัยที่ไม่ดี หนังสือขายดีของ James Clear เรื่อง Atomic Habits ได้นำเสนอกรอบแนวคิดที่ช่วยให้เราเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ สามารถนำไปสู่การพัฒนาที่สำคัญในชีวิตส่วนตัวและการทำงานของเราได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม พลังของหนังสือเล่มนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องของนิสัยเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการสนทนาในวงกว้างเกี่ยวกับวิธีการสร้างกิจวัตรเชิงกลยุทธ์ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตให้สูงสุด
ในบทความนี้ เราจะสำรวจกลยุทธ์ใหม่ ๆ และแนะนำโมเดลแนวคิดอย่างง่ายที่ได้แรงบันดาลใจจาก Atomic Habits เพื่อช่วยให้มืออาชีพและพนักงานเงินเดือนประสบความสำเร็จในอาชีพของพวกเขา
1. ทำความเข้าใจแก่นแท้ของ Atomic Habits
Atomic Habits เน้นย้ำถึงพลังของการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างนิสัยที่ยั่งยืน James Clear โต้แย้งว่าการพัฒนาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำอย่างสม่ำเสมอจะสะสมเป็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่งในระยะยาว แนวคิดนี้มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับพนักงานและมนุษย์เงินเดือนที่มักต้องจัดการกับความรับผิดชอบหลายอย่างและมองหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยไม่ต้องปฏิวัติชีวิตทั้งหมด
แต่เราจะนำหลักการเหล่านี้มาขยายต่อเพื่อสร้างแนวทางที่มีโครงสร้างมากขึ้นสำหรับความสำเร็จในที่ทำงานได้อย่างไร? เรามาแนะนำโมเดลแนวคิดใหม่เพื่อช่วยให้มืออาชีพนำหลักการเหล่านี้ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกัน
2. แนะนำ “โมเดล HABIT” สำหรับความสำเร็จในที่ทำงาน
ได้รับแรงบันดาลใจจาก Atomic Habits เราได้พัฒนาโมเดล HABIT เพื่อช่วยให้มืออาชีพสร้างและรักษานิสัยเชิงบวกในที่ทำงานอย่างเป็นระบบ โมเดลนี้มุ่งเน้นที่การสร้างนิสัยแบบต่อเนื่อง (Habit Stacking) การตระหนักรู้ (Awareness) การเลิกนิสัยที่ไม่ดี (Breaking Bad Habits) การวางแผนการปฏิบัติ (Implementation Intentions) และการติดตามความก้าวหน้า (Tracking Progress)
H. Habit Stacking: สร้างกิจวัตรอย่างง่ายดาย
คืออะไร: Habit Stacking คือการเชื่อมโยงนิสัยใหม่เข้ากับนิสัยที่มีอยู่แล้ว ทำให้ง่ายต่อการจดจำและผสมผสานเข้ากับกิจวัตรประจำวันของคุณ แนวคิดนี้ใช้ประโยชน์จากแรงขับเคลื่อนของนิสัยปัจจุบันเพื่อสร้างพฤติกรรมเชิงบวกใหม่ ๆ
วิธีการนำไปใช้:
- ตัวอย่างที่ 1: การจัดการอีเมล
- เชื่อมโยงนิสัยใหม่ของการใช้เวลา 5 นาทีจัดระเบียบกล่องจดหมายของคุณกับนิสัยที่มีอยู่แล้ว เช่น การดื่มกาแฟตอนเช้า ขณะที่คุณจิบกาแฟ ให้ตรวจสอบอีเมลของคุณและจัดหมวดหมู่ลงในโฟลเดอร์
- ตัวอย่างที่ 2: การเรียนรู้อย่างรวดเร็ว
- เชื่อมโยงนิสัยการอ่านหนังสือพัฒนาตนเองสักไม่กี่หน้าเข้ากับช่วงพักกลางวันของคุณ ทันทีที่คุณรับประทานอาหารเสร็จ ให้อ่านหนังสือเป็นเวลา 10 นาทีก่อนกลับไปทำงาน
ทำไมถึงได้ผล: การเชื่อมโยงนิสัยใหม่เข้ากับนิสัยที่มีอยู่แล้วจะสร้างตัวกระตุ้นตามธรรมชาติที่เตือนให้คุณทำนิสัยใหม่ วิธีนี้ช่วยลดภาระทางความคิดที่จำเป็นในการจดจำพฤติกรรมใหม่ ทำให้ง่ายต่อการยึดมั่นในระยะยาว
A. Awareness: ตระหนักถึงตัวกระตุ้นและสัญญาณ
คืออะไร: การตระหนักรู้เกี่ยวข้องกับการระบุตัวกระตุ้นที่นำไปสู่นิสัยทั้งเชิงบวกและเชิงลบ การตระหนักถึงสัญญาณเหล่านี้จะช่วยให้คุณควบคุมสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมของคุณได้ดีขึ้น
วิธีการนำไปใช้:
- ตัวอย่างที่ 1: ลดการรบกวนสมาธิ
- สังเกตว่าทุกครั้งที่คุณได้รับการแจ้งเตือนบนโทรศัพท์ คุณจะเสียสมาธิ สร้างนิสัยในการตั้งค่าโทรศัพท์ของคุณเป็นโหมด “ห้ามรบกวน” ในระหว่างช่วงเวลาทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูงเพื่อลดตัวกระตุ้นเหล่านี้
- ตัวอย่างที่ 2: เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
- ระบุว่าคุณรู้สึกมีแรงจูงใจมากที่สุดในการทำงานที่มีความสำคัญสูงหลังจากการประชุมตอนเช้า ใช้ความตระหนักรู้นี้ในการจัดตารางงานที่สำคัญที่สุดของคุณในช่วงเวลาที่มีพลังงานสูงนี้
ทำไมถึงได้ผล: การเข้าใจว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นนิสัยของคุณ จะช่วยให้คุณออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อสนับสนุนนิสัยที่ดีและลดผลกระทบของนิสัยเชิงลบ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสมาธิของคุณ
B. Breaking Bad Habits: ลดแรงเสียดทานและสร้างแรงต้าน
คืออะไร: การเลิกนิสัยที่ไม่ดีเกี่ยวข้องกับการเพิ่มความยากในการทำพฤติกรรมเชิงลบ ในขณะเดียวกันก็ทำให้พฤติกรรมเชิงบวกง่ายขึ้น แนวคิดนี้มุ่งเน้นไปที่การลดแรงเสียดทานสำหรับนิสัยที่ดีและสร้างแรงต้านต่อนิสัยที่ไม่ดี
วิธีการนำไปใช้:
- ตัวอย่างที่ 1: จำกัดการใช้โซเชียลมีเดีย
- ย้ายแอพโซเชียลมีเดียไปไว้ในโฟลเดอร์ที่เข้าถึงยากขึ้นบนโทรศัพท์ของคุณ หรือลบออกไปเลยในช่วงเวลาทำงาน ขั้นตอนเพิ่มเติมที่จำเป็นในการเข้าถึงแอพเหล่านี้จะเพิ่มแรงเสียดทาน ทำให้คุณมีแนวโน้มที่จะเลื่อนดูโดยไม่ตั้งใจน้อยลง
- ตัวอย่างที่ 2: ลดการผัดวันประกันพรุ่ง
- ระบุงานที่คุณมักจะผัดวันประกันพรุ่งและแบ่งออกเป็นขั้นตอนย่อย ๆ ที่จัดการได้ง่ายขึ้น การลดแรงเสียดทานเริ่มต้นจะช่วยให้คุณเริ่มต้นและทำงานเหล่านี้ให้เสร็จได้ง่ายขึ้น
ทำไมถึงได้ผล: การเพิ่มแรงเสียดทานสำหรับนิสัยที่ไม่ดีช่วยลดความถี่ในการเกิดขึ้น ในขณะที่การลดแรงเสียดทานสำหรับนิสัยที่ดีจะส่งเสริมการนำไปปฏิบัติ วิธีการสองด้านนี้ช่วยให้มั่นใจว่ามีความพยายามที่สมดุลในการเปลี่ยนแปลงนิสัย
I. Implementation Intentions: วางแผนเพื่อความสำเร็จ
คืออะไร: Implementation Intentions คือแผนเฉพาะที่ระบุว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน และอย่างไรที่คุณจะทำพฤติกรรมที่ต้องการ กลยุทธ์นี้เพิ่มโอกาสที่คุณจะทำตามความตั้งใจของคุณ
วิธีการนำไปใช้:
- ตัวอย่างที่ 1: การจัดตารางเวลาสำหรับงานที่ต้องใช้สมาธิสูง
- กำหนดแผนที่ชัดเจน: “ฉันจะใช้เวลา 30 นาทีทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูงที่โต๊ะทำงานของฉันหลังอาหารกลางวันทุกวัน” การระบุการกระทำ เวลา และสถานที่อย่างเฉพาะเจาะจงจะเพิ่มโอกาสที่มันจะเกิดขึ้น
- ตัวอย่างที่ 2: การเตรียมตัวสำหรับการประชุม
- สร้างกิจวัตร: “ก่อนการประชุมทุกครั้ง ฉันจะใช้เวลา 10 นาทีทบทวนวาระการประชุมและเตรียมบันทึกของฉัน” วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจว่าคุณพร้อมเสมอและลดความเครียดในนาทีสุดท้าย
ทำไมถึงได้ผล: แผนที่ชัดเจนและปฏิบัติได้จริงช่วยลดความคลุมเครือและทำให้การเริ่มต้นนิสัยใหม่ง่ายขึ้น เมื่อคุณรู้แน่ชัดว่าต้องทำอะไรและเมื่อไหร่ คุณมีแนวโน้มที่จะทำตามแผนมากขึ้น
T. Tracking Progress: ติดตามและเสริมแรงการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก
คืออะไร: การติดตามความก้าวหน้าเกี่ยวข้องกับการทบทวนนิสัยของคุณอย่างสม่ำเสมอเพื่อดูว่าคุณยึดมั่นในนิสัยเหล่านั้นได้ดีแค่ไหนและปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น เป็นเรื่องของการติดตามการกระทำของคุณและเฉลิมฉลองความสำเร็จของคุณ
วิธีการนำไปใช้:
- ตัวอย่างที่ 1: แอพติดตามนิสัย
- ใช้แอพติดตามนิสัยเพื่อบันทึกพฤติกรรมประจำวันของคุณ ตั้งการแจ้งเตือนเพื่อทำเครื่องหมายนิสัยเมื่อคุณทำเสร็จ ซึ่งจะให้ภาพแสดงความก้าวหน้าของคุณตลอดเวลา
- ตัวอย่างที่ 2: การทบทวนตนเองรายสัปดาห์
- กำหนดเวลาทบทวนรายสัปดาห์เพื่อสะท้อนถึงนิสัยของคุณ ถามตัวเองว่า: อะไรที่เป็นไปด้วยดี? อะไรที่ไม่ดี? ฉันจะปรับปรุงอย่างไรในสัปดาห์หน้า? ใช้เวลานี้เพื่อปรับกลยุทธ์ของคุณและเฉลิมฉลองความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ
ทำไมถึงได้ผล: การติดตามความก้าวหน้าให้ข้อมูลป้อนกลับทันทีเกี่ยวกับนิสัยของคุณ ซึ่งเสริมแรงพฤติกรรมเชิงบวกและช่วยให้คุณยึดมั่นอยู่กับแผน นอกจากนี้ยังช่วยระบุรูปแบบและพื้นที่ที่ต้องปรับปรุง
3. การนำโมเดล HABIT ไปใช้ในชีวิตจริง
สถานการณ์ที่ 1: พนักงานที่ทำงานจากระยะไกล
เอมิลี่ เป็นนักออกแบบกราฟิกที่ทำงานจากบ้าน เธอนำโมเดล HABIT มาใช้โดยเชื่อมโยงนิสัยใหม่ของการฝึกฝนการออกแบบทุกวันกับการดื่มกาแฟตอนเช้า (Habit Stacking) ตระหนักว่าความไม่เป็นระเบียบส่งผลต่อสมาธิของเธอและจัดระเบียบพื้นที่ทำงานทุกวัน (Awareness) วางโทรศัพท์ไว้ในห้องอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวน (Breaking Bad Habits) วางแผนเฉพาะเจาะจงในการอัปเดตพอร์ตโฟลิโอทุกบ่ายวันศุกร์ (Implementation Intentions) และใช้ตัวติดตามนิสัยเพื่อตรวจสอบเป้าหมายรายสัปดาห์ (Tracking Progress)
สถานการณ์ที่ 2: มืออาชีพด้านการขาย
จอห์น ผู้บริหารฝ่ายขายที่ต้องเดินทางบ่อยเพื่องาน เขาใช้โมเดล HABIT โดยเชื่อมโยงการส่งอีเมลติดตามผลกับนิสัยการตรวจสอบอีเมลในตอนเช้า (Habit Stacking) ตระหนักว่าเขามักผัดวันประกันพรุ่งในการโทรศัพท์และจัดตารางให้โทรแต่เช้า (Awareness) ใช้สมุดบันทึกแบบกระดาษแทนดิจิทัลเพื่อลดเวลาหน้าจอ (Breaking Bad Habits) วางแผนการประชุมกับลูกค้าโดยมีวาระและผลลัพธ์ที่ชัดเจน (Implementation Intentions) และทบทวนตัวชี้วัดการขายรายสัปดาห์เพื่อให้แน่ใจว่าเขาอยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง (Tracking Progress)
สถานการณ์ที่ 3: หัวหน้าทีม
แอนนา ผู้จัดการทีมที่ต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของทีม เธอสนับสนุนให้ทีมของเธอสร้างนิสัยใหม่ เช่น การอัปเดตประจำวันต่อจากการประชุมตรวจสอบที่มีอยู่แล้ว (Habit Stacking) ช่วยให้พวกเขาระบุตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดการรบกวนสมาธิ (Awareness) กำหนดกฎของทีมเพื่อลดการใช้อีเมลในช่วงเวลาทำงาน (Breaking Bad Habits) วางแผนการพัฒนาทีมโดยมีผลลัพธ์เฉพาะ (Implementation Intentions) และใช้ซอฟต์แวร์การจัดการโครงการเพื่อติดตามความก้าวหน้าของทีม (Tracking Progress)
4. การประยุกต์นำโมเดล HABIT ไปใช้สำหรับอนาคตของการทำงาน
ในขณะที่สภาพแวดล้อมการทำงานยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โมเดล HABIT ให้กรอบการทำงานที่ยืดหยุ่นสำหรับการสร้างนิสัยที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะทำงานจากระยะไกล จัดการทีม หรือจัดการหลายโครงการ โมเดลนี้ช่วยให้สามารถนำหลักการของ atomic habits ไปใช้ในบริบทการทำงานที่หลากหลาย
บทสรุป
การปฏิวัติความสำเร็จ ในที่ทำงาน : กลยุทธ์สร้างสรรค์ที่ได้แรงบันดาลใจจากหนังสือ Atomic Habits โดย James Clear ที่พวกเราสามารถนำมาใช้ได้จริง จึงเป็นเรื่องของการปฏิวัตินิสัยในการทำงานของคุณไม่ใช่เรื่องของการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง แต่เป็นเรื่องของการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ อย่างสม่ำเสมอ
ใช้โมเดล HABIT เป็นแนวทางในการเริ่มสร้างนิสัยที่ดีขึ้นตั้งแต่วันนี้ การนำหลักการจาก Atomic Habits มาใช้ร่วมกับกลยุทธ์ใหม่ๆ และโมเดลที่ปฏิบัติได้จริง ทำให้เราสามารถค้นพบวิธีใหม่ ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมาย และประสบความสำเร็จในอาชีพของเราได้
หนังสือเล่มนี้ สามารถหาซื้อได้จากร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปได้ หรือ สังซื้อทางออนไลน์ได้ที่นี่: ATOMIC HABITS เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น
บทความแนะนำ
The SPEED of Trust: ความไว้วางใจ สิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้