ควบคุมจิตใจคนอื่น ให้เป็นไปในทิศทางที่เราต้องการ ก็เพื่อวัตถุประสงค์ที่เราอาจจะต้องการการสนับสนุนจากพวกเขา หรือ ต้องการให้เขาเห็นด้วย หรือ อาจจะไม่ต้องการสร้างความขัดแย้ง
ในปัจจุบันการศึกษาด้านจิตวิทยาได้ก้าวไปไกลมากกว่าการรักษาสภาพจิตใจของคนไข้แล้ว มีนักวิทยาศาสตร์มากมายได้ศึกษาจิตวิทยาร่วมกับกระบวนการทางชีวภาพของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นสมองของมนุษย์ อารมณ์ พฤติกรรม และ การตอบสมองต่างๆต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จากการศึกษาสิ่งเหล่านี้ร้ายพอๆ ที่จะเป็นอาวุธลับชั้นเยี่ยมที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการชีวิตประจำวันได้เลย
ควบคุมจิตใจคนอื่น ง่ายๆ เพียงแค่ดีดนิ้ว
ในสังคมการทำงาน ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ใครเห็นด้วยกับเรา ชอบเรา หรือว่าจดจำเราได้ ทุกการกระทำล้วนถูกจับจ้องและเป็นการแข่งขันไปเสียหมด แต่หลังจากที่พวกเราได้อ่านบทความนี้จนจบ แอดมินขอยืนยันเลยว่า ทุกคนจะไม่แพ้ในสงครามในที่ทำงานอีกต่อไป เพราะด้วย 10 เคล็ดลับในการควบคุมความคิดและจิตใจคนอื่น ที่จะทำให้ทุกคนเห็นว่าการได้รับความดีความชอบ ได้รับการยอมรับ และการถูกจดจำ แค่ดีดนิ้วทีเดียวก็สามารถทำได้แล้ว เรามาดูกันเลยว่า 10 วิธี นั้นมีอะไรบ้าง?
1. การเลียนแบบท่าทาง
เมื่อคุณเริ่มต้นการทำงานแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะหนีการพูดคุย เจรจา หรือต่อรองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุณต้องการได้พ้น ไม่ว่าสิ่งที่คุณต้องการจะเป็นการยินยอม การอนุมัติ หรือการขอให้งานของคุณผ่านไปได้ด้วยดี วิธีการที่จะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ต้องการนั้นแสนง่าย คุณแค่ต้องสังเกตดูท่าทางการแสดงออกของเขา ไม่ว่าจะเป็นท่ายืน ตำแหน่งการวางแขน ขา การขยับของกล้ามเนื้อบนใบหน้า หรือการหมุนศีรษะไปทางซ้ายขวา
“สิ่งสำคัญที่สุดคือทำให้แนบเนียน อย่ามากไปจนโดนจับได้”
สิ่งสำคัญของเทคนิคนี้คือ หลังจากที่คุณจับจุดท่าทางของเขาได้แล้ว ให้รอ 30-60 วินาที แล้วค่อยทำอย่างลื่นไหลที่สุด อย่ามากไปจนเขาจับได้ ตามหลักจิตวิทยาแล้วเมื่อคุณชอบใคร คุณจะเผลอทำตัวตามเขาโดยที่คุณไม่รู้ตัว และเคล็ดลับนี้เป็นการกลับมุมมอง จากที่คุณจะสังเกตว่าเขาชอบคุณหรือเปล่า เป็นการสร้างความประทับใจให้เขารู้สึกชอบคุณแทน ซึ่งเหมาะมากสำหรับการสร้างความประทับใจแรกในการพูดคุย
2. เพราะว่า
มันน่าสนใจมากที่คำว่า “เพราะว่า” จะสามารถช่วยให้ทุกอย่างเป็นของคุณได้ ในการร่วมอภิปรายเพื่อเสนองานของแต่ละคน แน่นอนว่ามีงานดีๆมากมายที่ไม่ต่างจากของคุณมากนักมาให้หัวหน้างานของคุณเลือกสรร แต่คุณต้องการให้งานที่ถูกเลือก เป็นงานของคุณ คุณแค่พูดคำว่า “เพราะว่า” และคุณจะได้ตามที่ต้องการ
คำว่า “เพราะว่า” จะทำให้ทุกอย่างเป็นของคุณ
Ellen Langer ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ทำการทดลองเกี่ยวกับทฤษฎีนี้ เธอให้ผู้ร่วมทดลอง เข้าไปถามคนที่ต่อแถวใช้เครื่องถ่ายเอกสารโดยเป็นการขอใช้เครื่องถ่ายเอกสารก่อนใน 3 รูปแบบ คือไม่มีคำว่า“เพราะว่า” มีคำว่า“เพราะว่า”แต่ตามด้วยเหตุผลที่ไม่มีน้ำหนัก และมีคำว่า “เพราะว่า” และตามด้วยเหตุผลที่มีน้ำหนัก พบว่าการขอใช้เครื่องถ่ายเอกสารโดยมีคำว่า “เพราะว่า” มีเปอร์เซ็นต์ได้ใช้เครื่องถ่ายเอกสารมากกว่าการขอโดยไม่มีคำว่า “เพราะว่า” ถึง 93%
3. หยุดเพื่อเรียกความสนใจ
ในการอภิปราย บรรยาย หรือนำเสนอ เราทุกคนต้องการได้รับความสนใจและการถูกจดจำอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเทคนิคในข้อนี้ง่ายนิดเดียว แต่คุณต้องรู้จังหวะที่ถูกต้องในการใช้ นั่นก็คือการหยุด หยุดในเวลาที่ถูกต้อง อย่างเช่นหลังจากการรายงานเรื่องสำคัญ หรือก่อนการเข้าสู้ช่วงวิพากษ์วิจารณ์สำคัญ เป็นต้น
“การหยุดในจังหวะที่ถูกต้อง จะสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่”
การหยุดเช่นนี้จะทำให้คุณดึงความสนใจของทุกคนมาอยู่ที่คุณได้อีกครั้ง แต่เคล็ดลับข้อนี้ยังต้องพึ่งพาปัจจัยในการนำเสนอที่ดีด้วย เช่น ใช้โทนเสียงที่สุขุมแต่มั่นใจ เสียงพอดี ไม่ดังเกินไปหรือเบาเกินไป ไม่พูดเร็วไปหรือช้าไป เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยยกภูมิฐานให้คุณดูน่าเกรงขามและดูมีอำนาจมากยิ่งขึ้น
4. เงียบเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
บ่อยครั้งที่คุณเข้าร่วมการประชุมแล้วไม่เข้าใจเหตุผลของการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆในบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายพนักงาน การปรับสมดุลบริษัท การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของเงินเดือน หรือในบางครั้งก็เป็นเรื่องส่วนตัวอย่างการสั่งเพิ่มงานคุณ อย่างการสั่งให้คุณลงพื้นที่ไปดูงานทั้งที่ไม่ใช่งานของคุณ ไม่ว่าจะถามหาเหตุผลเท่าไร ก็มีแต่จะโดนตำหนิติเตียนกลับมา อีกทั้งยังอาจจะสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่เป็นมืออาชีพให้อีก เคล็ดลับก็คือเงียบเอาไว้ แล้วสิ่งที่ต้องการจะออกมาจากปากของพวกเขาเอง
“ความเงียบ จะทำให้เขาพูดทุกอย่างที่คุณต้องการ”
หลังจากได้รับข้อมูลอะไรที่ขาดรายละเอียดปลีกย่อยไป ซึ่งมันน่าสงสัยเหลือเกิน แต่อย่าเสียเวลาในการถามหา ให้เงียบ มองตาคนที่กำลังพูดอยู่ นี่จะเป็นการความกดดันเล็กๆให้แก่ผู้พูด จนในบางครั้งพวกเขาก็ลนลานเกินกว่าจะควบคุมสิ่งที่อยากจะพูดได้ และสิ่งที่คุณสงสัยมันจะพรั่งพรูออกมาจนหมด โดยที่คุณไม่ต้องถามอะไรเลย
5. เป็นคนแรกหรือคนสุดท้าย
ในการสร้างภาพจำ เคล็ดลับง่ายๆในการเป็นคนนั้นที่ใครต่อใครจำได้ก็คือคุณต้องเป็นคนแรกหรือคนสุดท้ายที่เขาได้เจอ หากคุณได้เข้าร่วมการสัมภาษณ์งานแล้วเขาไม่ได้กำหนดคิวให้คุณละก็ พยายามที่จะไปก่อนเพื่อเป็นคนแรก หรือทำตัวยุ่งๆเพื่อให้ได้เป็นคนสุดท้าย จะเป็นการสร้างภาพจำให้แกผู้สัมภาษณ์ได้ดีมาก
“เขาจะจำคุณได้ แม้ว่าคุณจะทำได้แย่มากก็ตาม”
ด้วยเคล็ดลับนี้แน่นอนว่าเขาเหล่านั้นของคุณจะจำคุณได้ แต่ภาพจำของพวกเขาที่มีคุณอยู่จะดีหรือแย่ก็ขึ้นอยู่กับคุณ พฤติกรรมของคุณ ความสามารถของคุณ และความคิดของคุณจะเป็นตัวกำหนดภาพจำเหล่านั้นว่ามันจะดีหรือแย่
6. เปลี่ยนหนักให้เป็นเบา
ในบางครั้งลางสังหรณ์ของเราก็เก่งจนน่าตกใจ มันอาจจะเตือนให้คุณรู้ว่าในประชุมบ่ายวันนี้ หัวหน้าจะต้องบ่นเรื่องงานที่คุณทำแบบลวกๆส่งไปเมื่อคืนแน่ ในเมื่อหนีไม่ได้ คุณก็ต้องหาวิธีจัดการจากหนักให้เป็นเบา นั่นก็คือนั่งข้างหัวหน้างานไปเลย หันไปในทิศทางเดียวกับเขา แล้วพยายามทำให้เขารู้สึกว่าเขาสามารถคุยกับคุณได้อย่างง่ายๆ คุณนอบน้อมและพร้อมรับฟังความเห็นของเขาอย่างเต็มใจ
“การด่าคนที่นั่งข้างๆ เป็นเรื่องน่าอึดอัดใจ”
ความใกล้ชิดและการนั่งอยู่ในทิศทางเดียวจะทำให้การตำหนิติเตียนเป็นเรื่องที่ทำได้อย่างไม่สะดวกนัก จะเกิดความอึดอัดใจขึ้นมาเล็กน้อย ยิ่งถ้าคุณเป็นคนโปรดหรือเป็นคนที่เขารู้จักนิสัยใจคอว่าคุณไม่ได้ดื้อหรือหัวรั้นอะไร จากคำตำหนิติเตียนที่รุนแรง จะกลายเป็นเบาไปในทันที
7. ถามความต้องการของคนอื่น
การเอาใจง่ายๆที่จะสามารถเปลี่ยนคนที่ห่างเหิน หรือคนที่รู้จักกันครั้งแรกให้กลายเป็นเพื่อนสนิทที่เกิดความผูกพันได้อย่างง่ายๆ เคล็ดลับก็คือการถามความต้องการคนอื่น แล้วช่วยตอบสนองความต้องการให้กับเขา โดยแสดงออกว่าคุณเต็มใจและจริงใจจะทำให้อย่าง มันไม่ใช่เพียงสร้างความผูกพันกับคนอื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำให้เขามีภาพจำดีๆเกี่ยวกับคุณอีกด้วย
“ฉันให้เขายืมหนังสือ เขาขอบคุณฉันอย่างมาก แล้วเราก็กลายเป็นเพื่อนกัน”
เคล็ดลับในข้อนี้รู้จักกันดีในชื่อ Benjamin Franklin effect ซึ่งมันเกิดจากการทดลองของเขาที่ให้ชายหนุ่มคนหนึ่งยืมหนังสือ และพวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนกัน ถ้าคุณได้ลองใช้เคล็ดลับนี้แล้วเขาถามคุณกลับถึงสิ่งที่คุณต้องการ ให้คุณบอกสิ่งที่ต้องการออกไป เขาจะรู้สึกดีกับคุณมากขึ้นทันที เพราะความรู้สึกที่เขาตอบแทนคุณได้มันทำให้เขาชอบตัวเองมากขึ้นเช่นกัน
8. ตั้งไว้แพงเพื่อให้เขาต่อราคา
ในบางสถานการณ์คุณก็ไม่สามารถพูดสิ่งที่ต้องการจริงๆออกไปได้ เพราะรู้ว่าคนตรงหน้าคุณต้องไม่ให้แน่ๆ เพราะฉะนั้นเคล็ดลับที่ทำให้ได้สิ่งทีต้องการคือบอกความต้องการให้ใหญ่เขาไว้ เพราะเขาต้องขอต่อ ขอลดจำนวน หรือลดขนาดความต้องการของคุณแน่ๆ เช่นหากอยากได้เงินค่าจ้างสำหรับโปรเจคนี้เพิ่มสัก 2,000 บาท ให้ลองเอ่ยปากขอเพิ่มสัก 4,000 บาท ดูเป็นจำนวนที่สูงและต้องโดนต่อแน่ๆ ซึ่งคุณก็แค่รับบทใจดียอมให้เขาต่อ จนเหลือ 2,000 ที่คุณต้องการ
9. พยักหน้าเพื่อให้เขาเห็นด้วย
การพยักหน้าเป็นการแสดงถึงการเห็นด้วยหรือการยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายสื่อ เคล็ดลับนี้คุณไม่ได้จะพยักหน้าเพื่อเห็นด้วยกับเขา แต่คุณจะพยักหน้าเพื่อให้เขาเห็นด้วยกับคุณ เพียงแค่มองตาเขา ฟังสิ่งที่เขาพูด หลังจากที่เขาจบ ให้คุณพูดสิ่งที่คุณต้องการมองตาเขา และพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ซึ่งเมื่ออีกฝ่ายเห็นคุณทำแบบนี้สมองของเขาจะถูกกล่อมให้เห็นด้วยกับคุณ เพราะเชื่อว่าสิ่งที่คุณพูดไปเป็นทิศทางเดียวกับเขา
“ถ้าพยักหน้าเยอะไป แผนนี้จะล้มเหลวทันที”
เคล็ดลับที่ให้ปฏิบัติตามก็ต้องมีความพอดี อย่ามุ่งแต่จะพยักหน้าในสิ่งที่เขาพูด หรือพยักหน้าในตอนที่คุณพูดสิ่งที่ต้องการ ก็อย่าจดจ่อกับการพยักหน้าอย่างเดียว แต่จดจ่อกับสิ่งที่คุณสื่อด้วย ทำทุกอย่างให้ดูแนบเนียนที่สุด แล้วคุณจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
10. วาดรูปสามเหลี่ยมด้วยตา
บางครั้งการจบบทสนทนาโดยไม่เสียมารยาทก็เป็นเรื่องยากเหลือเกิน ในการบังเอิญพบใครสักคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน หรือการพบใครที่เป็นการนัดหมายแบบมีเวลาจำกัด แต่จำกัดแค่ของฝั่งคุณก็เป็นเรื่องยากที่จะขอปลีกตัวออกมาก่อน ยิ่งถ้าอีกฝ่ายยังไม่หยุดพูดละก็ คงคิดว่าต้องเสียมารยาทกันบ้างแล้วล่ะ
“ตาข้างที่หนึ่ง ตาอีกข้าง หน้าผาก”
เคล็ดของการจบบทสนทนาโดยที่คุณไม่ต้องเสียมารยาท และไม่ต้องพูดอะไรสักคำเดียวก็คือ ให้คุณมองไปที่ตาข้างหนึ่งของผู้พูด จากนั้นมองตาอีกข้าง แล้วเลื่อนสายตามองขึ้นไปที่หน้าผากของเขา คุณจะได้รูปสามเหลี่ยมพอดี ใช่เลยการวาดรูปสามเหลี่ยมด้วยตาเป็นเคล็ดทางจิตวิทยา ที่จะทำให้อีกฝ่ายจบบทสนทนาโดยไว โดยที่คุณไม่ได้ทำอะไรเสียมารยาทเลยสักนิด
บทสรุป
ตอนนี้พวกคุณก็มีเคล็ดลับทั้ง 10 ข้ออยู่ในมือแล้ว แม้จะฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่เคล็ดลับเหล่านี้เป็นวิธีการที่ได้จากการศึกษาจิตวิทยากับกระบวนการทางชีวภาพซึ่งทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่ามันทำได้จริง และวิธีการในแต่ละข้อ ล้วนส่งผลต่อสมองของพวกเขาโดยที่บางทีพวกเขาเองก็อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ คงไม่เกินจริงถ้าจะพูดว่าเคล็ดลับเหล่านี้สามารถควบคุมความคิดคนได้จริงๆ หากอยากให้ใครสักคนเห็นด้วยกับคุณ ชอบคุณ หรือจดจำคุณได้ ก็อย่าลืมเอาไปลองทำกันดูนะ
10 Simple Tricks to Manipulate People’s Mind
บทความแนะนำ : วิธีจับคนโกหก เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนตรงหน้าเรากำลังโกหกเราอยู่?