ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว – เป็นอีกหนึ่งประโยคสอนใจ เรื่องของ “การอยากประสบความสำเร็จ” เป็นสิ่งที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยครั้งในหลายๆ วงสนทนา เป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนอยากประสบความสำเร็จในชีวิต ธุรกิจ และครอบครัว
เพื่อไปให้ถึงจุดนั้นเราทุกคนต่างก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ประสบความสำเร็จถึงเป้าหมาย แต่เมื่อสำเร็จแล้วหลายคนกลับหยุดการเรียนรู้ ด้วยเพราะคิดว่าเมื่อประสบความสำเร็จแล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ หรือ พัฒนาตนเองอีกต่อไปแล้ว
นี่คือที่มาของ ประโยคที่ว่า “ความสำเร็จดีใจได้วันเดียว” เพราะหลังจากวันที่สำเร็จแล้ว วันรุ่งขึ้นก็อาจจะเป็นวันล้มเหลวของเราทันทีก็ได้ เพราะเราอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา วันนี้เราสำเร็จ เรามีความได้เปรียบ พรุ่งนี้ก็อาจจะมีคนที่เก่งกว่าที่สามารถเอาชนะเราได้เช่นกัน ดังนั้นการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ จึงเป็นที่ขาดไม่ได้เลย สำหรับคนในยุคนี้
คุณ ธนินท์ เจียรวนนท์ ถือเป็นอีกบุคคลตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
เราทุกคนต่างเห็นแต่ผลลัพธ์ที่ท่านทำแต่ไม่มีโอกาสได้ศึกษาวิธีการ และแนวคิดของท่านเลย แล้วท่านมีแนวคิดอย่างไรจึงประสบความสำเร็จล่ะ ?
หนังสือ “ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว” ของ คุณ ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ถือเป็นหนังสือที่ให้แนวคิด วิธีการ รวมไปถึงให้กำลังใจให้กับผู้อ่าน หรือ นักธุรกิจ เรื่องราวของ คุณ ธนินท์ เจียรวนนท์ และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กว่าจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ ต้องผ่าด่านยากๆ และ ความล้มเหลวมาไม่น้อยเช่นกัน
แอดมินได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้ โดยหนังสือได้ถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานของ คุณ ธนินท์ เจียรวนนท์ ตั้งแต่เริ่มต้น ผ่านการล้มลุกคลุกคลาน ผ่านอุปสรรคต่างๆ จนประสบความสำเร็จมาถึงปัจจุบัน การอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีเพียงแค่แนวคิดในการทำธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่มีหลากหลายแนวคิดที่แอดมินสามารถวิเคราะห์และนำกลับมาปรับใช้กับการใช้กับการดำเนินชีวิตได้ ทำให้แอดมินเปลี่ยนมุมมองในหลายๆอย่างกับการทำธุรกิจและการดำเนินชีวิตในหลายๆ เรื่องไปเลยเช่นกัน
“ระบบกินรวบ หรือ ระบบผูกขาด”
เมื่อพูดถึง CP (เครือเจริญโภคภัณฑ์) แอดมินเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงคำว่า ผูกขาด กินรวบ นั่นอาจจะเป็นเพราะวิถีการใช้ชีวิตของคนเรายังต้องอาศัยความสะดวกสบายในการดำรงชีวิตอยู่ และเพื่อการอำนวยความสะดวกให้กับตนเองทำให้ในบางครั้งเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องบริโภคผลิตภัณฑ์และบริการจาก CP เนื่องจาก CP เป็นธุรกิจรายใหญ่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ริโภคได้ดี ก็เลยอาจถูกมองว่า CP ผูกขาดในเรื่องของสินค้าและบริการในหลายๆ ประเภท
“หากเรามองแต่ในด้านลบของเขา เราก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากคนที่ประสบความสำเร็จ”
แอดมินอยากให้ทุกคนเปิดใจที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะในหนังสือมีหลายแง่คิดและมุมมองที่ดีที่กลั่นมาจากประสบการณ์ของ คุณ ธนินท์ เจียรวนนท์ ซึ่งพวกเราสามารถเรียนรู้และนำไป ประยุกต์ใช้ต่อไปได้
จุดเริ่มต้นของ CP (เครือเจริญโภคภัณฑ์)
เจ้าสัวธนินท์ มีพื้นฐานการทำธุรกิจมาจากครอบครัวอยู่แล้วเป็นทุนเดิม คุณพ่อของเจ้าสัวธนินท์เป็นผู้ก่อตั้งห้างเจียไต๋จึง หรือที่รู้จักกันในนาม บริษัทเจียไต๋ ในปัจจุบัน ซึ่งคุณพ่อของเจ้าสัวธนินท์เป็นผู้พัฒนาเมล็ดพันธุ์เอง โดยท่านถือคติในการทำธุรกิจที่ว่า “การทำธุรกิจจะต้องมีความซื้อสัตย์และมีคุณธรรม ไม่เอาเปรียบลูกค้า” และนำมาสอนกับลูกๆทุกคนให้มีความซื่อสัตย์ในการทำธุรกิจ
โดยในวัยเด็กเจ้าสัวธนินท์จะอาศัยอยู่กับคุณแม่และคุณอาเป็นส่วนใหญ่ เพราะคุณพ่อจะต้องบุกเบิกในการทำธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งในครอบครัวคนจีนส่วนใหญ่ในสมัยก่อน ลูกชายจะมีความใกล้ชิดกับแม่มากกว่า และด้วยบริบทที่คุณพ่อของเจ้าสัวธนินท์ต้องไปทำธุรกิจในต่างประเทศ ทำให้เจ้าสัวธนินท์ได้เรียนรู้การเป็น ผู้ให้ จากคุณแม่ คุณแม่ของเจ้าสัวธนินท์ชอบเป็นผู้ให้ “ให้ความช่วยเหลือ ให้อภัยและให้โอกาส”
การที่เจ้าสัวธนินท์ได้เรียนรู้แนวคิด และคำสอนจากการปลูกฝังของคุณพ่อและคุณแม่ทำให้เจ้าสัวธนินท์เติบโตมาอย่างมีคุณภาพในแง่ของแนวคิด การมองหาโอกาส การค้นคว้า และเรียนรู้อยู่เสมอ เปรียบเสมือนกับเจ้าสัวธนินท์เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับการตัดแต่งพันธุกรรมจากคุณพ่อและคุณแม่ให้มีคุณภาพดี ส่งผลให้เติบโตได้อย่างแข็งแรงและมีคุณภาพ
เมื่อครั้งหนึ่งที่เจ้าสัวธนินท์ยังเป็นเด็กต้องไปเรียนในโรงเรียนประจำ ทำให้ทุกอย่างจะต้องจัดการเองทั้งหมด ทั้งเรื่องของการจัดสรรและบริหารเวลา การเรียนก็หาวิธีการเรียนที่เหมาะสมกับตนเองเพื่อให้ได้ผลการเรียนที่ดี อีกทั้งยังแบ่งเวลาในการทำสิ่งที่ตนเองสนใจด้วยการศึกษาหาความรู้จากแบบอย่าง ต้นแบบ ที่ได้เรียนรู้มาจากคุณพ่อในเรื่องการศึกษาหาความรู้ ที่จะต้องศึกษาให้รู้อย่างถ่องแท้ และ เจ้าสัวธนินท์ยังมีนิสัยการเป็นผู้ให้มาจากแม่ จึงทำให้เจ้าสัวธนินท์ได้รับเลือกจากเพื่อนร่วมห้องให้เป็นหัวหน้า โดยการเป็นผู้ให้ไม่ใช่แค่การให้สิ่งของหรือการให้ความช่วยเหลือเท่านั้น แต่ต้องรวมไปถึงการรู้จักให้เกียรติ ให้ใจ ให้การสนับสนุน และให้ความเป็นเพื่อน กับทุกๆคน ไม่แบ่งแยก
ประเด็นนี้ ทำให้แอดมินเกิดทัศนคติมุมมองในเรื่องของการเรียนรู้อะไร ได้หลายๆอย่าง อาทิเช่น
- อย่างแรก คือ หากเราอยากที่จะเรียนรู้ในสิ่งไหนจงเรียนรู้ไปให้สุดความสามารถ ทำอย่างเต็มที่ ทุ่มเท มีความรู้ในเรื่องนั้นๆอย่างลึกซึ้ง และก็ไม่หยุดที่จะเรียนรู้เนื่องจากมีความก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา
- อย่างที่สอง คือ การเป็นผู้นำที่ดีนอกจากจะรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นแล้วจะต้องรู้จักการเป็นผู้ให้อีกด้วย ให้ในที่นี้คือรวมไปถึงการให้เกียรติ ให้ใจกับผู้อื่น และอย่างสุดท้าย คือการจัดสรรเวลา ซึ่งตรงกับตัวแอดมินมากที่จะต้องเรียนไปด้วยและทำกิจกรรมที่ตนเองสนใจไปด้วย นั่นคือการขายขนม ที่จะต้องแบ่งเวลาและจัดสรรเวลาให้ดี เพื่อที่จะสามารถทำทั้งสองอย่างไปด้วยกันได้และทำได้ดีทั้งสองอย่างอีกด้วย
เส้นทางชีวิตของเจ้าสัวธนินท์ไม่ได้มีเพียงแค่นี้ ตลอดระยะเวลาของการเติบโตทุกช่วงวัย เจ้าสัวธนินท์ไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ คิดค้น และพัฒนาธุรกิจของตนเอง ทำให้จากธุรกิจเล็กๆสู่การเป็นธุรกิจขนาดใหญ่และขยายไปทั่วโลก โดยมีหลายหลายแนวคิดที่แอดมินเห็นด้วยหากจะดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
ส่งเสริมเกษตรกร การเลี้ยงไก่ แบบ “Contract Farming”
เจ้าสัวธนินท์ ได้นำเอาหลักการในการเลี้ยงไก่จากสหรัฐฯ แบบ Contract Farming มาปรับใช้ในประเทศไทย เพื่อเป็นการพัฒนาทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของไก่ การพัฒนาการเลี้ยงไก่เป็นอุตสาหกรรม การลดความเสี่ยงที่เกษตรกรต้องแบกรับ และ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทุกคนสามารถมีแหล่งโปรตีนราคาถูกไว้บริโภคได้
จากเมื่อก่อนต้องเป็นผู้มีฐานะดี หรือ มีเงินเท่านั้นถึงจะซื้อไก่มารับประทานได้ แอดมินมองว่าการทำเกษตรแบบ Contract Farming ที่เจ้าสัวธนินท์ทำนั้น ถือเป็นการทำธุรกิจแบบให้ใจก่อน ทำธุรกิจแบบตรงไปตรงมา จริงใจ และ พร้อมที่จะช่วยเหลือเกษตรกร ด้วยการให้ความรู้ ให้มีอาชีพ มีรายได้มั่นคง เปรียบเสมือนกับการสอนคนจับปลาไม่ใช่แค่เอาปลาไปให้
ขยายธุรกิจให้ก้าวหน้าไกล ด้วย “หลักการ 3 ประโยชน์”
คือแนวคิดของการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ เจ้าสัวธนินท์ เน้นย้ำว่า ประเทศที่จะเข้าไปลงทุนนั้นต้องได้ประโยชน์ ประชาชนในประเทศนั้นต้องได้ประโยชน์ และบริษัทก็ต้องได้ประโยชน์ด้วย
ในหนังสือได้ ยกตัวอย่างกรณีที่เจ้าสัวธนินท์ไปลงทุนในประเทศจีน โดยการทำโครงการเลี้ยงไก่ 3 ล้านตัวที่เขตผิงกู่ ซึ่งเป็นการร่วมมือกัน 4 ฝ่าย คือ รัฐบาล ธนาคาร เกษตรกร และ CP โดยโครงการนี้ CP เช่าที่ดินรัฐบาลให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จำนวน 1,600 ครอบครัวและให้เกษตรกรเป็นผู้ถือหุ้น และได้ทำการกู้เงินจากธนาคารได้ 70% ส่วนส่วนอีก 30% CP และรัฐบาลเป็นคนจัดหามาให้คนละครึ่ง เป็นการทำธุรกิจเพื่อช่วยเหลือคนยากจนในประเทศจีนให้มีอาชีพ ช่วยแบ่งเบาภาระรัฐบาลจีน โดยการทำธุรกิจที่นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดมาใช้ และยังให้วัตถุดิบ ให้ลูกไก่ ให้ความรู้ในการเลี้ยงไก่
นอกจากนี้บริษัท CP ก็เป็นผู้ออกค่าเช่าในที่ดิน เมื่อครบ 10 ปี สามารถผ่อนเงินต้นได้หมด ทุกอย่างก็จะเป็นของเกษตรกร โดยการทำธุรกิจครั้งนี้ CP เป็นบริษัทแรกที่การเข้าไปลงทุน หลังจากที่จีนเพิ่งเปิดประเทศได้ไม่นาน คนอื่นก็อาจจะมองว่าจีนยังไม่พร้อมสำหรับการลงทุน
แต่เจ้าสัวธนินท์มองว่า “เราไม่รอให้เขาพร้อม แต่เราจะไปสร้างความพร้อมให้เกิดขึ้น” จึงเริ่มเปิดตลาดจีนด้วยธุรกิจอาหารสัตว์ที่ตนเองถนัด ซึ่งในเรื่องนี้แอดมิน มีความคิดเห็นว่า เจ้าสัวธนินท์คงจะมองว่าถ้าเขาได้ประโยชน์ เราก็จะได้ประโยชน์ไปด้วย แต่สิ่งที่เจ้าสัวธนินท์ได้มากกว่าการทำธุรกิจ ก็คือการสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ และเป็นหลักการในการสร้างคนที่ดีโดยที่สอนวิธีการแต่ละขั้นตอนให้
จะทำอะไรก็ต้อง “เร็วและมีคุณภาพ”
เนื่องจากยุคสมัยนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่ยุคของปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่เป็นยุคที่ปลาเร็วกินปลาช้า แอดมินมองว่า หากจะทำธุรกิจในสมัยนี้จะต้องมีความเร็วเพื่อให้ทันต่อคู่แข่ง โดยสินค้าและผลิตภัณฑ์ก็จะต้องมีคุณภาพด้วยถึงจะชนะคู่แข่งขันในตลาดได้ด้วย
ยกตัวอย่างกรณีของเจ้าสัวธนินท์ ที่เป็นผู้ริเริ่มในการมองเห็นโอกาสในการนำธุรกิจ 7-Eleven มาลงทุนในประเทศไทย
“มองอะไรอย่ามองมุมเดียว”
ซึ่งในตอนที่จะทำการซื้อแฟรนไชส์ 7-Eleven มาทำในธุรกิจประเทศไทยเจ้าของลิขสิทธิ์กลับไม่เห็นด้วย และปฏิเสธที่จะขายให้เนื่องจากมีความกังวลใจว่าเมืองไทยมีรายได้ค่าหัวต่ำกว่า แต่คุณธนินท์มองมุมมองที่แตกต่างโดยการที่ท่านลงทุนไปนั่งนับจำนวนคนแถวถนนพัฒน์พงศ์ที่เดินผ่านแถวนั้นด้วยตัวเอง จนได้ข้อสรุปว่า แม้ว่าคนไทยจะมีรายได้ต่ำกว่า แต่มีคนหนาแน่นกว่า
“ถ้าสหรัฐฯ คนเข้าร้าน 1 คน ในประเทศไทยคนจะเข้าร้าน 10 คน จึงเกิดเป็น 7-Eleven สาขาแรกขึ้นมา” นั้นคือสิ่งที่คุณธนินท์เห็น “มองอะไรอย่ามองมุมเดียว” จนปัจจุบันนี้ไม่ว่าเราจะเดินไปทางไหนก็เห็น ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven อยู่ทุกหนทุกแห่ง ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั้งหมดมี 10,988 สาขา ครองตำแหน่งอันดับ 2 ของโลก ( ข้อมูลปี 2018 ) แอดมินมองว่าแนวคิดนี้ ถือเป็นแนวคิดที่ฉลาดมากในการทำธุรกิจของเจ้าสัวธนินท์ คือการมองหาโอกาสมากกว่าที่จะรอให้โอกาสเข้ามาหา
“ลูกวัวไม่กลัวเสือ”
เจ้าสัวธนินท์มองคนรุ่นใหม่ที่มีความกล้าที่จะลงมือทำธุรกิจใหม่ๆ แม้จะมีความเสี่ยงสูงว่าเป็นลูกวัวไม่กลัวเสือ โดยได้จัดทำหลักสูตร เถ้าแก่น้อย เพื่อเป็นการนำเอาคนรุ่นใหม่เข้ามาเรียนรู้วิธีการทำธุรกิจจาก CP โดยมีการเรียนรู้จากการทำจริง
นอกจากนี้แล้ว CP ก็ยังได้เห็นแนวคิดของคนรุ่นใหม่อีกด้วย ต่างคนก็ต่างเรียนรู้กัน วิธีการของคนเก่งคือเรียนรู้และเปิดรับเอาวิธีการใหม่ๆไม่ยึดติดกับแนวคิดเดิมๆ แอดมินมองว่าเจ้าสัวธนินท์ต้องการที่จะสร้างคน ให้มีความรู้ มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจอย่างแท้จริง
บทสรุป
จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ แอดมินรู้สึกว่า เจ้าสัวธนินท์มีความคิดที่จะเป็นนักธุรกิจตั้งแต่เด็ก อาจจะด้วยพื้นฐานทางครอบครัวของเจ้าสัวธนินท์ที่มีการทำธุรกิจ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในวัยเด็กเจ้าสัวธนินท์จะรู้จักการจัดสรรเวลาและนำเอาเวลาว่างไปศึกษา ค้นคว้าในสิ่งที่ตนเองชอบ ต่างจากเด็กคนอื่นๆที่มีเวลาว่างก็คงจะไปวิ่งเล่นมากกว่า ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้เขียนมองว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าสัวธนินท์ประสบความสำเร็จ จนเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของประเทศไทยได้ และด้วยวิธีการทำธุรกิจของเจ้าสัวธนินท์นั้น ตั้งแต่เริ่มต้นจะเห็นได้ว่าจะเน้นไปในเรื่องของการสร้างคนเป็นหลัก สร้างให้คนมีความรู้ ประสบการณ์ ความสามารถ และการให้ใจกับคู่ค่าในธุรกิจก่อน
หนังสือ “ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว” ทำให้แอดมินได้ฉุกคิดอะไรหลายๆอย่าง ทั้งในเรื่องของการทำธุรกิจและการใช้ชีวิต ยกตัวอย่างในเรื่องของการทำขนมขาย ที่ถึงแม้วันนี้เราจะทำสำเร็จแล้ว ชื่นชมตนเองได้แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อที่จะพัฒนาสูตรขนมให้มีความอร่อย มีคุณภาพ พัฒนาและต่อยอดอยู่เสมอ
“ของที่เราคิดว่าดีที่สุดแล้ว อาจจะไม่ถือว่าเป็นของที่ดีที่สุดในวันพรุ่งนี้ก็ได้”
หากเราคิดว่าเราเก่งแล้วพรุ่งนี้ก็ย่อมมีคนที่เก่งกว่าเราได้ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ เพราะทุกอย่างในโลกนี้ล้วนมีการพัฒนาอยู่เสมอ และไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามก็ต้องทำแบบมีคุณภาพความคู่ไปกับความเร็ว เราจำเป็นต้องทันต่อโลก ทันต่อทุกๆ สถานการณ์ เพราะงานทุกอย่างมีเป้าหมายและเวลาเป็นตัวกำหนด รวมไปถึงการทำธุรกิจ หรือ จะทำอะไรก็ตาม เราจะต้องจริงใจกับลูกค้า และคู่ค้าเสมออย่าเอาเปรียบเขา และต้องใช้ของที่ดีมีคุณภาพในการธุรกิจ
สุดท้ายนี้ หากคุณอยากประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการดำเนินธุรกิจหรือการใช้ชีวิต คุณลองลงมือทำอะไรบ้างแล้วหรือยัง?
และถ้าหากคุณได้ลงมือทำและประสบความสำเร็จแล้ว ขอให้จำไว้ว่า “วันนี้สำเร็จ พรุ่งนี้อาจจะล้มเหลว วันนี้เก่ง พรุ่งนี้ก็มีคนที่เก่งกว่าเรา เพราะฉะนั้นอย่าหยุดที่จะเรียนรู้และพัฒนา เพราะความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว”
ราคา และ หาซื้อได้ที่ไหนบ้าง?
หนังสือเล่มนี้ ราคา 295 บาท กับ 303 หน้า อ่านได้เรื่อยๆ ตัวหนังสือค่อนข้างใหญ่ สบายสายตา เหมาะสำหรับใครที่อยากเรียนรู้ อยากได้แนวคิดของนักธุรกิจระดับโลก หรือ กำลังมองหาจุดเปลี่ยนของชีวิต ขอแนะนำให้อ่านเล่มนี้เลย
หนังสือเล่มนี้ สามารถหาซื้อได้จากร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปได้ หรือ สามารถสั่งซื้อผ่านทาง SE-ED Online Shopping ได้ที่นี่ : https://bit.ly/2VQaghN
หรือ ที่ https://www.matichonbook.com
Co-author: นางสาวสุดารัตน์ ขุนบำรุง นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสต์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร
หนังสืออื่นๆ ที่น่าสนใจ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
ATOMIC HABITS – เปลี่ยนแปลงนิสัยของเราวันละนิด ชีวิตดีกว่าเดิมหลายเท่าตัว