คุณนิติกร บุญแปง ก็มีจุดเริ่มต้นชีวิตการทำงานที่เหมือนกับใครหลายๆ คน แต่มาวันนึงเขาก็ต้องมาเจอกับจุดเปลี่ยนที่จำเป็นต้องพาตัวเองออกจากการเป็นพนักงาน กลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจ เรามาเรียนรู้เส้นทางและวิธีการจากพนักงานประจำ สู่เจ้าของกิจการ ว่าเค้ามีแนวคิดแบบไหน? กับ คุณนิติกร บุญแปง เจ้าของร้านแว่นตา D.D EYES OPTIC (ลำลูกกา) กันได้ในบทความนี้
ถ้าเราลองมองย้อนกลับไปสัก 20-30 ปีที่แล้ว ชื่อเรียก “แว่น” หรือ “สี่ตา” คงเป็นชื่อที่เราตั้งให้กับเพื่อนสักคนที่ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน หรือแค่ติดเกมคอมพิวเตอร์เฉยๆ จริงๆแล้วคาแรกเตอร์ใส่แว่นแบบนั้นบางครั้งถูกมองว่า “เนิร์ด” เสียด้วยซ้ำ เพราะถ้าใช้สายตาเยอะจนใส่แว่นได้ก็คงต้องอ่านหนังสือมาหลายเล่มมากๆแน่
แต่ผิดแล้วนี่คือยุคที่ค่าเฉลี่ยการอ่านหนังสือของคนไทยเพิ่งเกิน 8 บรรทัดมาเมื่อปี 61 นี่เอง แถมเรายังมี “สี่ตา” เต็มบ้านเต็มเมืองเสียด้วย เมื่อแว่นตากลายเป็นความต้องการอันดับต้นๆที่คนต้องการมาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวัน คงไม่แปลกใช่ไหมถ้าใครสักคนจะอยากเปิดร้านแว่นขึ้นมา
ในตอนแรกนี้แอดจะพาทุกคนไปทำความรู้สึกกับร้านแว่นที่ไม่ได้ดูแลคุณเหมือนญาติสนิทมิตรสหายหรือพ่อแม่ แต่เขาจะดูแลคุณราวกับว่าคุณคือตัวเขาเองเลย แอดกำลังหมายถึงร้าน DD Eyes Optic ศูนย์เลนส์ โปรเกรสซีฟเฉพาะทาง ของ คุณนิติกร บุญแปง
จุดเริ่มต้นร้านแว่น
คุณนิติกร เล่าว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับร้านแว่นตามาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเลย คุณนิติกรจบมหาวิทยาลัยคณะรัฐศาสตร์การปกครอง แต่ในขณะที่เรียนอยู่นั่นเห็นว่ามีเวลาว่างจึงเริ่มมองหางานพิเศษทำ และโชคดีเจอกับป้ายประกาศรับสมัครพนักงานประจำร้านแว่นตา ซึ่งทางร้านก็รับคุณนิติกรเข้าทำในตำแหน่งพนักงานประจำด้วย โดยอนุญาตให้ไปเรียนหรือไปสอบได้
“การทำงานทำให้เปลี่ยนชีวิตและความคิดเราไป”
คุณนิติกร เล่าว่าตัวเขาตัดสินใจเรียนรัฐศาสตร์การเมืองการปกครองด้วยความชื่นชอบในความยุติธรรม แต่จากการใช้ชีวิตและระบบชนชั้นในสังคมทำให้รู้สึกว่าสังคมขาดความยุติธรรม ซึ่งเกิดจากการเมืองการปกครองที่ดำเนินไปอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากเรียนจบคุณนิติกรเลือกจะทำงานเกี่ยวกับแว่นตาไปอีก 4-5 ปี ก่อนจะอิ่มตัวด้วยความหนักอึ้งที่เรียกว่า “ความมั่นคง”
“โฟกัสว่าจุดมุ่งหมายในการใช้ชีวิต ถ้าเรามีลูกโตขึ้นมาจะทำอย่างไรให้ครอบครัวมั่นคงยิ่งขึ้น”
ชีวิตที่กำลังก่อร่างสร้างตัวล้วนต้องการความมั่นคง คุณนิติกรจึงลองออกมาทำธุรกิจของตัวเองแต่ปรากฎว่าไม่ประสบความสำเร็จ จึงทำให้ตัวเขาเองเริ่มมองหาสิ่งที่ถนัดอย่างแท้จริง ซึ่งเมื่อเจอแล้วยังต้องถามตัวเองต่อไปว่าถนัดแล้วเรารักมันหรือไม่ เพราะธุรกิจหรืออาชีพที่จะสร้างความมั่นคงให้กับเราได้ ตัวเราเองต้องสามารถมั่นคงที่จะทำมันไปเรื่อยๆได้เช่นกัน
“ธุรกิจที่เกี่ยวกับแว่นตาเป็นการทำงานที่ตรงกับอุปนิสัยของผม”
ธุรกิจที่เกี่ยวกับแว่นตาเป็นการทำงานที่ต้องอาศัยความรับผิดชอบสูง ต้องการความเที่ยงตรง ความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ผู้ให้บริการต้องสามารถให้บริการลูกค้าทุกคนได้ 100% ไม่สามารถทำครึ่งๆกลางๆได้ ถ้าคิดจะทำแล้วต้องเต็มที่ในการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งคุณนิติกรเองมีนิสัยความเที่ยงตรงและมีความรับผิดชอบสูงบวกกับการทำธุรกิจแว่นตายิ่งทำให้กลายเป็นคนละเอียดขึ้นไปอีก ทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการร้านต้องตอบสนองได้อย่างครบถ้วน
“การเริ่มจากร้านเล็กๆ ไปก่อนมันทำให้เราเรียนรู้จากจุดที่ไม่มีอะไรเลย”
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเมื่อจะทำธุรกิจอะไรสักอย่างให้ทำใหญ่ไปเลยเพราะถือว่าเราเต็มที่ แต่กลับคุณนิติกรไม่ใช่แบบนั้น เขาเริ่มจากร้านเล็กๆไปก่อน ค่อยเติบโตไปเรื่อยๆ เวลาทำธุรกิจจะตั้งงบในการทำอย่างจำกัดเมื่อให้ตัวเองได้เรียนรู้จากจุดที่ไม่มีอะไรเลย ซึ่งจะทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจได้ชัดเจนที่สุด เมื่อมันเขยิบมาอีกจุดหนึ่ง ตัวเราจะรู้ดีที่สุด ในวันที่มีลูกค้า เครื่องมือพร้อม และมีลูกค้าที่หลากหลาย ตัวเราจะรู้ดีที่สุดว่าเราแข็งแกร่งขึ้นมาแค่ไหน
เป้าหมายที่วางไว้
คุณนิติกร อธิบายว่าธุรกิจแว่นตาเป็นธุรกิจที่เติบโตด้วยตัวเองอยู่แล้ว เนื่องจากพฤติกรรมตาติดจอของคนในปัจจุบัน ไม่ว่าจะด้วยความบันเทิง การสื่อสาร หรือการทำงานก็ตาม ทุกคนจำเป็นต้องใช้ตาเพ่งเล็งหน้าจอสี่เหลี่ยมเป็นเวลานาน และในอนาคตมีแววที่จะใช้กันมากกว่านี้ด้วย เพราะฉะนั้นธุรกิจนี้คงต้องอยู่ไปอีกนาน
“วงการแว่นตาไม่ใช่แค่สั้น ยาว เอียง”
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าร้านแว่นตาไม่ได้มีไว้สำหรับการตัดแว่นให้คนสายตาสั้น ยาว หรือเอียงเท่านั้น ตอนนี้ร้านแว่นตาเป็นเหมือนคลินิกสุขภาพเกี่ยวกับดวงตา ที่นอกจากจะวัดสายตาแล้วยังมีการตรวจสุขภาพตาอย่างต้อกระจก วัดความดันลูกตาว่ามีความเสี่ยงในการเป็นต้อหินไหม ดูกระจกหนาบางแค่ไหน ทำเลสิคได้หรือไม่ หรือเป็นโรคตาล้าหรือไม่ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ร้านแว่นตาสามารถให้ความช่วยเหลือได้และหากมีสิ่งใดผิดปกติทางลูกค้าจะได้สามารถเข้ารับการรักษาจากจักษุแพทย์ตามโรงพยาบาลหรือคลินิกได้ทัน
วิธีการคัดเลือกบุคลากร
จากในวันที่เป็นเด็กมหาวิทยาลัยทำงานประจำในร้านแว่นตาสู่การเป็นเจ้าของร้านแว่นตาด้วยตัวเอง คุณินิติกรเล่าว่าการเรียนรัฐศาสตร์มีส่วนช่วยในการดูบุคลากรและทีมงานาในร้านแถมยังมีส่วนในการตัดสินใจเลือกคนมาร่วมงานอีกด้วย
“คนที่มีความกตัญญู เขาจะมีพื้นฐานของความเสียสละ”
ร้านแว่นตานอกจากจะต้องการบุคลากรที่มีทักษะสูง มีความรับผิดชอบ และสามารถแก้ปัญหาของลูกค้าได้อย่างครบถ้วนแล้ว วิธีการคัดเลือกผู้ร่วมงานของคุณนิติกรอีกอย่างหนึ่งคือการมองหาคนที่มีความกตัญญู เพราะคุณนิติกรเชื่อว่าคนที่มีความกตัญญูเขาจะมีพื้นฐานของความเสียสละ เมื่อพวกเขาอยู่กับส่วนรวมเขาจะรู้จักช่วยเหลือ เห็นอกเห็นใจผู้อื่นและทำให้ระบบการทำงานในร้านเป็นไปอย่างรักใคร่กลมเกลียวกัน นอกจากนี้สิ่งสำคัญสำหรับการทำงานในร้านเลยคือ ลูกน้องทำอะไร คนเป็นเจ้าของก็ต้องทำด้วย
ความประทับใจ
คุณนิติกร เล่าว่าธุรกิจแว่นตาเป็นธุรกิจที่ชอบ เพราะสามารถทำให้ลูกค้าที่เข้ามาได้ปลดเปลื้องในเรื่องของความไม่สบายใจแล้วมีรอยยิ้มกลับบ้านได้ ตัวผู้ให้บริการเองก็สบายใจที่ได้แก้ปัญหาให้เขาอย่างครบถ้วน ไม่มีติดใจหรือค้างคา บางคนอาจจะบอกว่าการตัดแว่นให้ลูกค้าจะต้องคิดเสียว่ากำลังตัดแว่นให้พ่อแม่ ซึ่งก็ถูก แต่ตัวคุณนิติกรยึดหลักที่ว่า ตัดแว่นให้ทุกคนเหมือนเราตัดแว่นให้ตัวเอง
“ถ้าเราทำให้เขาดีที่สุดแล้ว ถึงผลที่ออกมาจะยังไม่ดีก็ให้ปล่อยวางแล้ววันต่อไปเริ่มต้นใหม่”
สิ่งที่คุณนิติกร บอกทีมงานทุกคนในร้านเสมอมาคืออย่าให้มีอะไรค้างคากันในแต่ละเคส แม้ว่าเราจะพยายามให้บริการและแก้ปัญหาให้ลูกค้าอย่างดีที่สุดแล้ว แต่หากยังเกิดความผิดพลาดหรือลูกค้าไม่ได้พึงพอใจในการทำงานของเรา 100% ให้นำกลับไปปรับปรุงและอย่าเก็บไว้ในใจให้ตัวเองรู้สึกแย่ ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ให้โฟกัสที่งานเอาไว้ เรามาทำงานเพื่อรับเงิน เราไม่จำเป็นต้องรองรับอารมณ์ของใครหรือแม้แต่อารมณ์ตัวเอง วันต่อไปต้องปล่อยวางแล้วเริ่มต้นใหม่ อย่าเก็บมาเป็นความทุกข์
ทำไมเลือก Essilor?
คุณนิติกร อธิบายว่าในการทำธุรกิจ จำเป็นต้องมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันท่วงที ซึ่งทาง Essilor มีการสนับสนุนในเรื่องของการแก้ปัญหาให้กับร้านแว่นตาทันที ยกตัวอย่างเช่น หากเลนส์มีปัญหาจะมีการรับผิดชอบเคลมเลนส์ให้ฟรี นอกจากนี้ยังมีระบบการขนส่งและระบบหลังร้านที่ดี ทางร้านจึงไม่ตรงกังวลในเรื่องเหล่านี้ ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างอุ่นใจเลย เพราะในการเติบโตทางธุรกิจเราโตคนเดียวไม่ได้ เราต้องโตกับคนที่พร้อมด้วย และ Essilor ก็พร้อมทุกอย่าง ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครบถ้วน และเพิ่มโอกาสในการขายได้อีกด้วย
ฝากถึงลูกเพจมนุษย์เงินเดือนพันธุ์ใหม่
ในทุกการทำงานมักมีอุปสรรคมาทดสอบเราเสมอ ไม่ว่าเราจะทำงานประจำหรือมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ในวันที่เราเจอคนแย่ๆให้คิดไว้ว่าเราเองก็อาจจะเคยเป็นคนแย่ๆในเรื่องราวของคนอื่นเช่นกัน เราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดเห็นของคนอื่นได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือการเรียนรู้และยอมรับว่ากรรมของแต่ละคนแตกต่างกันไปตามการกระทำ ถ้าเราเข้าใจเรื่องตรงนี้ได้เราจะกลายเป็นคนที่ไม่ตัดสินคนอื่น ซึ่งจะทำให้สบายใจมากในการร่วมงานกับใครก็ตาม เมื่อเราไม่ได้เอาจุดโฟกัสไว้ที่คนอื่นเราก็จะหันกลับมาโฟกัสที่งาน สุดท้ายแล้วงานมันก็คือเงิน ผลลัพธ์ที่เราทุกคนทำงานเพื่อให้ได้มา
“เรื่องของเมื่อวานคือเรื่องของเมื่อวาน เมื่อคุณลืมตาตื่นมาในวันนี้ นี่คือการเริ่มต้นใหม่ แล้วสิ่งดีๆจะเข้ามาหาคุณเอง”
ร้านแว่นตา D.D Eyes Optic ศูนย์เลนส์โปรเกรสซีฟเฉพาะทาง
ที่อยู่: เลขที่ 52/39 หมู่5 ตลาดกลางลาดสวาย (ลำลูกกา คลอง4) ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัด ปทุมธานี
โทร: 092 6840550
ชีวิตชัดชัด ของอดีตเด็กช่าง สู่ เจ้าของธุรกิจแว่นตา l Vision Mission