ทำธุรกิจอย่างยั่งยืน ในยุคนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะยุคนี้เป็นยุคที่กำลังเผชิญหน้ากับปัญหา ความท้าทาย และความเสี่ยงมากมายหลายด้าน ลำพังการทำธุรกิจ เพียงแค่มุ่งหวังแต่ผลดำเนินงานทางการเงินเพียงอย่างเดียวเหมือนในอดีต พิสูจน์แล้วว่า ไม่มีทางยั่งยืนได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น การทำธุรกิจอย่างยั่งยืน จึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่หลายๆ องค์กร ทั้งในและต่างประเทศต่างก็หันมาให้ความสำคัญ โดยการดำเนินธุรกิจจะต้องโปร่งใส คำนึงสิ่งแวดล้อม สังคม และ กำไร รวมไปถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของเรา
บ้านปู…. บริษัทพลังงานแห่งอนาคต
การนำพาองค์กรขนาดใหญ่ไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน มันคงไม่ได้เป็นเรื่องง่ายอย่างแน่นอน การนำพาองค์กรไปข้างหน้าท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงย่อมต้องการความแข็งแกร่งของผู้นำ แอดมินได้มีโอกาสพูดคุยกับ CEO หญิงแกร่งแห่ง บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) “คุณสมฤดี ชัยมงคล” ผู้นำองค์กรคนล่าสุดของบริษัท บ้านปู ที่นำพาบริษัทฯ ก้าวสู่การเปลี่ยนผ่าน จากธุรกิจถ่านหิน สู่การเป็น “บริษัทพลังงานแห่งอนาคต”
“กุญแจสู่ความยั่งยืนมิใช่อยู่ที่ผู้นำเพียงอย่างเดียว แต่ความสำเร็จในวันนี้มีรากฐานมาจาก วัฒนธรรมที่แข็งแกร่งของคนบ้านปู”
คุณสมฤดี เล่าให้ฟังว่า บ้านปูให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนในระดับนโยบาย มายาวนานมากกว่า 15 ปี โดยให้ความสำคัญกับการดูแล 3 เรื่องหลัก นั่นก็คือ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) สิ่งแวดล้อม (Environment) และ สังคม (Social)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรื่อง ทำธุรกิจอย่างยั่งยืน นี้ทวีความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ในมุมมองของนักลงทุน จนทำให้เกิดแนวการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) ขึ้น กล่าวคือ เป็นแนวคิดการลงทุนที่คำนึงถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ของธุรกิจ โดยนักลงทุนทั้งในปละต่างประเทศจะใช้หลักการของ ESG ควบคู่กับการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน ของธุรกิจ เพื่อพิจารณาเลือกลงทุนในบริษัทนั้นๆ
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ก็เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG เช่นกัน มีการขับเคลื่อนและพัฒนาในเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม และทำมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ บริษัทฯ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนอีกครั้งในปี 2563 ด้วยการได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ติดต่อกันเป็นปีที่ 7
โดย บริษัท บ้านปู ยังคงรักษาสถานะผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานถ่านหินและพลังงานเพื่อการใช้งาน (Coal and Consumable Fuels) ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้รับคะแนนประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนสูงสุดอีกด้วย ซึ่งทำให้มาตรฐานของบ้านปูสูงขึ้นทุกปี และได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยบ้านปูได้นำเรื่อง ESG ไปผนวกไว้ในกลยุทธ์องค์กรที่เรียกว่า Greener, Smarter และได้ Transfrom จากธุรกิจถ่านหิน ไปสู่ธุรกิจพลังงานที่หลากหลายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
Banpu Heart วัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรง
แน่นอนว่าในการเปลี่ยนผ่าน (Transform) องค์กรขนาดใหญ่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย คุณสมฤดีบอกกับเราว่า ความท้าทายของบ้านปู คือ การทำอย่างไรให้คนทำงานใน 10 ประเทศ อยู่บนเป้าหมายเดียวกันและมีความมุ่งมั่นที่จะไปสู่วิสัยทัศน์เดียวกัน ซึ่งการมีวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งที่เรียกว่า Banpu Heart ที่ประกอบด้วย ใจรัก สร้างสรรค์ และมุ่งมั่นยืนหยัด
ทำให้คนบ้านปูมีเป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกันและร่วมแรงร่วมใจกันเปลี่ยนแปลง
Passionate ใจรัก
- ก้าวไปให้สำเร็จ : ใช้ศักยภาพและความเป็นมืออาชีพ เพื่อความสำเร็จและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
- เราทำได้ : ให้คุณค่าของความคิดต่างและส่งเสริมกันและกัน เพื่อสร้างสิ่งที่เหนือความคาดหมายโดยไม่ลังเล
- ปราดเปรียวและเปลี่ยนแปลง : สร้างทีมงานที่แข็งแกร่งเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- ห่วงใยและแบ่งปัน : รับในความแตกต่างและเห็นคุณค่าระหว่างกันอย่างจริงใจ
Innovative สร้างสรรค์
- ก้าวล้ำนำหน้า : สร้างประโยชน์สูงสุด ด้วยการคิดไปข้างหน้าและลงมือทำอย่างชาญฉลาด
- คิดจริงทำจริง : คิดค้น ทดลองและพัฒนากระบวนการ ผลิตภัณฑ์และบริการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- เรียนเร็วทำเร็ว : กล้าคิดกล้าทำ เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน
Committed มุ่งมั่นหยัดยืน
- ยึดมั่นความถูกต้อง: ทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ
- สานพลังสร้างเครือข่าย: สร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งเพื่อประโยชน์และความสำเร็จร่วมกันของทุกฝ่าย
- พัฒนาอย่างยั่งยืน: มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
คุณสมฤดี ยังกล่าวอีกว่า เมื่อนำวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ไปรวมกับการกำกับกิจการที่ดี การบริหารจัดการและกลยุทธ์ ที่ชัดเจน และมีกระบวนการในการทำงานไม่ซับซ้อน รวมทั้งมีการสื่อสารระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้การเปลี่ยนแปลง (Transform) องค์กรเป็นไปได้
ยิ่งไปกว่านั้น การที่บ้านปูให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนใน “ระดับนโยบาย” ทำให้พัฒนามาตรฐาน การทำงานในเรื่องนี้อย่างจริงจังทั้งเรื่องการดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล และการบริหารจัดการที่มุ่งสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม โดยนำหลักการทั้งในระดับประเทศและระดับสากลมาปรับใช้ในการกำหนด
กลยุทธ์ด้านการพัฒนาความยั่งยืน อาทิ การนำเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs – Sustainable Development Goals) ของสหประชาชาติ มาประกอบการกำหนดประเด็นของการพัฒนาที่ยังยืนขององค์กร
ตลอดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บ้านปู ได้ขยายธุรกิจไปยังพลังงานสะอาดมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงการลงทุนตาม กลยุทธ์ Greener & Smarter อย่างชัดเจน โดยมีเป้าหมายว่าจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพลังงานสะอาดให้มากกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2568 เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกพลังงานยุคใหม่ ที่เน้นการกระจายของการผลิตและจำหน่ายพลังงานแบบไม่รวมศูนย์ (Decentralization) การบริหารจัดการพลังงานผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล(Digitalization) และ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization)
โดยมี “บริษัท บ้านปูเน็กซ์ จำกัด” เป็นบริษัทเรือธง (Flagship) ในการลงทุนและพัฒนาในธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงาน อาทิเช่น การดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน การให้บริการวางระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด การออกแบบและผลิตรถยนต์ไฟฟ้า การผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ระบบกักเก็บพลังงาน และระบบจัดการเทคโนโลยีพลังงาน
Tone from the top ก้าวผ่านวิกฤต ด้วยสปิริตของผู้นำ
เมื่อถามถึงการปรับตัวท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 คุณสมฤดี เปิดใจว่า บ้านปูมีธุรกิจอยู่ในจีนและญี่ปุ่นอยู่แล้ว จึงมีการปรับตัวมาก่อนที่โรคระบาดจะเข้ามาในประเทศไทย โดยมีกลไกการบริหารจัดการที่ชัดเจน ทั้งระดับ Incident Management Team และ ทีมบริหารกิจการในภาวะวิกฤต ที่เรียกว่า Crisis Management Team ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มี
การฝึกซ้อมสถาณการณ์จำลองกันเป็นประจำอยู่แล้ว และ มีการปฏิบัติงานตามแผนบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ หรือ Business Continuity Plan กันอย่างจริงจังมาโดยตลอด โดยมีการตั้งศูนย์กลางในการสื่อสารในเรื่องราวต่างๆ กันอย่างต่อเนื่อง
ยกตัวอย่างเช่น การสื่อสารในเรื่องที่เน้นที่การสร้างขวัญกำลังใจให้พนักงาน เช่น มีการจัดสายด่วนให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยากับพนักงาน นอกจากนี้ คุณสมฤดี กล่าวย้ำอีกว่าเมื่อเกิดวิกฤต Tone from the top สำคัญมาก เพราะ “ความเป็นผู้นำ” จะทำให้องค์กรก้าวข้ามวิกฤตได้
การที่จะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้ ต้องไม่ใช่แค่ CEO คนเดียว แต่ต้องเป็น Leadership Team ที่มี Mindset ที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ที่จะกำหนดแผนงานหรือทางเดินเพื่อให้องค์กรผ่านพ้นวิกฤตให้ได้
วันนี้คนบ้านปูจะได้รับการบ่มเพาะความคิดว่า Never normal เพราะทุกอย่างจะไม่มีอะไรปกติอีกแล้ว เพราะฉะนั้น เราต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ไม่ต้องรอให้เกิดวิกฤต และทำงานด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งและมั่นคง Beyond resilience เมื่อมีอะไรมากระทบเรา มีความฉับไวที่จะลุกขึ้นมายืนได้สูงกว่าเดิม และ สามารถก้าวไปให้ไกลได้กว่าเดิม
ประการสุดท้าย ที่สำคัญที่สุด คือ One goal, One team ทุกคนในองค์กรต้องมีเป้าหมายเดียวกัน และไปด้วยกันทั้งทีม
คุณสมฤดีกล่าวทิ้งท้าย เอาไว้อีกว่า “ในโลกยุค Never Normal การเดินหน้าสร้างการเติบโต จะต้องทันกับตลาด พฤติกรรมของผู้บริโภค และเทรนด์พลังงานแห่งโลกอนาคตที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ก็ต้องยืนหยัดก้าวข้ามความท้าทายที่คาดเดาไม่ได้ บ้านปู จะเดินหน้าด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง สู่อนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน Smarter Energy for Sustainability) ในระยะยาว”
วิดีโอ บทสัมภาษณ์ คุณสมฤดี ชัยมงคล – CEO บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)
บทความแนะนำ : ทำธุรกิจให้ยั่งยืน แบบ X3 กับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)