พลังจิตใต้สำนึก หรือ The Power of Your Subconscious Mind เป็นหนังสือที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางมากที่สุดเล่มหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นหนังสือที่ตีพิมพ์เอาไว้นานมากแล้ว แต่ก็ยังพบว่าเทคนิคหรือวิธีการต่างๆ ก็ยังสามารถนำมาใช้ได้จริงกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และก็มีฉบับภาษาไทยให้เราได้ซื้ออ่านกันได้อีกด้วย (สังซื้อทางออนไลน์ได้ที่นี่: หนังสือ “พลังจิตใต้สำนึก” ฉบับปรับปรุง)
The Power of Your Subconscious Mind
บางคนอาจบอกชีวิตของเราเป็นชีวิตที่ถูกกำหนดให้หักเหไปตามโชคชะตา ดวงคือสิ่งที่บอกว่าวันนี้เราจะพบเจอเรื่องราวที่ดีหรือร้าย และโชคลาภอาจจะเกิดขึ้นการสุ่มจากพระเจ้า หากเราทำตัวเป็นคนดี เราก็จะได้พบเจออะไรดีๆ ถึงแม้ว่าบางครั้งเราอาจจะบอกว่าโชคชะตาเล่นตลกไปบ้าง ที่ต่อให้ทำดีแทบตาย ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่คุ้มเหนื่อยเอาเสียเลย
แท้จริงแล้วทุกช่วงเวลาของชีวิตเราและการกระทำทั้งหมดของเรา ต่างเป็นสิ่งที่สร้างเหตุการณ์ต่างๆ และผลลัพธ์ที่เราได้มาทั้งสิ้น การตระหนักรู้และจิตใต้สำนึกทำให้เราเข้าสู่พลังของการกำหนดเส้นทางของชีวิตเราเอง เหมือนที่ Dr. Joseph Murphy เขียนไว้ในหนังสือ พลังจิตใต้สำนึก (THE POWER OF YOUR SUBCONSCIOUS MIND) หนังสือที่จะบอกเทคนิคง่ายๆ ที่คุณสามารถใช้พลังแห่งจิตใจสำนึกในการขจัดอุปสรรคแห่งจิตใจที่ขวางไม่ให้คุณไปถึงเป้าหมายของชีวิตาได้อย่างง่ายดาย
“เราเป็นสถาปนิกตกแต่งภายในชีวิตของเราเอง”
ทุกการตัดสินใจของเราส่งผลต่อความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งสิ้น เราไม่ใช่แค่เพียงผู้สังเกตการณ์ที่ทำได้แค่มอง แต่เราคือผู้เข้าร่วมอย่างกระตือรือร้นในการสร้างความจริงต่างๆ ที่เราเห็น หากจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ อาจจะเป็นการบอกว่าในละครเรื่องนี้ คุณไม่ใช่เพียงคนดูทางบ้าน แต่คุณคือนักแสดงที่ควบตำแหน่งผู้กำกับและคนเขียนบทได้เองด้วย เราคือผู้เข้าร่วมที่กระตือรือร้นต่อความเป็นจริงต่างๆ ราวกับลุ้นเลขท้าย 2 ตัวในลอตเตอรี่ ยิ่งไปกว่านั้นเรายังเป็นผู้มีอิทธิพลในการอนุญาตให้เหตุการณ์ดำเนินไปต่อ หรือสร้างเหตุการณ์ใหม่ให้เกิดขึ้นได้อีกด้วย
“ทุกผลลัพธ์ของวันนี้ คือการตัดสินใจจากเมื่อวาน”
หากพูดเช่นนี้ก็จะดูตรงไปตรงมาและเข้าใจง่ายดี เราคิดดีเพื่อให้ความดีเกิดขึ้น แต่บางครั้งผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่สามารถทำให้เราคิดเชิงบวกได้อีกด้วย ความกลัว ความโกรธ ความอิจฉาริษยา หรือความขุ่นเคืองใจมักส่งผลกระทบต่อเราในเชิงลบเสมอ เราวาดภาพเหตุการณ์ที่น่ากลัวและผิดหวังไว้ในใจ แถมเรายังอนุญาตให้มันเกิดขึ้นได้จริงๆ อีกด้วย เทคนิคจาก Dr. Joseph Murphy จะสอนวิธีควบคุมจิตใจสำนึกเพื่อให้เรียนรู้ที่จะต่อต้านความคิดเชิงลบและมุ่งเน้นไปหาสิ่งที่ทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น
“เราเป็นสิ่งที่เราคิดว่าเราเป็น”
เราอาจเคยนึกสงสัยว่าทำไมบางคนถึงพอใจกับชีวิตของตัวเอง ในขณะที่เดียวกันกลับมีคนเอาแต่ตั้งคำถามว่าทำไมเราถึงต้องพบเจอกับชีวิตแบบนี้ ความน่าตลกจะเพิ่มขึ้นตรงที่คนที่ไม่พอใจในชีวิตตัวเองอาจจะมีชีวิตที่เติบโตบนกองเงินกองทอง ไม่ต้องพยายามอะไรมากนัก ในขณะที่คนที่พอใจอาจจะเป็นมนุษย์เงินเดือนหาเช้ากินค่ำก็ได้ ความสำเร็จและความมั่นคั่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับการศึกษาหรือสถานที่ทำงาน สิ่งที่จะบอกว่าเราอยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จน่าพึงพอใจแล้วหรือยังคือ วิธีคิด สิ่งที่เราคิด และตัวชี้วัดที่เรานำมาใช้เป็นตัวกำหนดความเป็นจริงของเราต่างหาก
“ลองมองไปรอบๆ ตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่คุณคิดเมื่อวานกับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้”
รอบตัวคุณในวันนี้อาจจะเติมไปด้วยสิ่งที่คุณคิดเมื่อวาน บ้านหลังนี้ งานที่คุณกำลังทำ และคนที่นอนอยู่ข้างๆ คุณตอนเช้า ทั้งหมดเป็นสิ่งที่คุณเลือกและตัดสินใจมาแล้วในอดีตทั้งสิ้น ทั้งหมดไม่ได้มาจากสิ่งที่คุณเชื่อ แต่ความเชื่อของคุณต่างหากที่นำมาซึ่งผลลัพธ์ทั้งหมดที่คุณได้รับมาในวันนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกความคิดจะสร้างความเป็นจริงใหม่ในชีวิตคุณ ความสม่ำเสมอและการทำซ้ำ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้ความคิดเหล่านั้นเกิดขึ้นมาได้จริงๆ อีกด้วย
“ความคิดไม่เพียงแต่ทำให้ความเป็นจริงของเราเกิดขึ้น แต่ยังกำหนดบุคลิกภาพของเราอีกด้วย”
จิตใต้สำนึกมักตอบสนองต่อความคิดที่มีสติและการเติมเต็มด้วยการกระทำ ความคิดของเราเป็นเหมือนการเริ่มกระบวนการขึ้นมา และเราเลือกได้ว่าจะปล่อยให้มันเป็นเพียงความคิดหรือทำให้มันกลายเป็นความจริง หากเราลองทำความเข้าใจง่ายๆ ว่าความคิดส่งผลต่ออารมณ์ประจำวัน เราคงเคยเห็นในละครว่าเมื่อตัวละครอารมณ์ไม่ดี เหตุการณ์ต่อไปมักไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร หากตระหนักได้ว่าการเปลี่ยนวิธีคิดส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วย เราก็ดูมีความหวังในการคิดถึงความเจริญรุ่งเรืองที่เราต้องการหรือความสุขที่เราจินตนาการไว้
30% ของเวลาในสมอง เราเดินอยู่ในจิตใต้สำนึกโดยไม่ได้มุ่งเน้นไปที่อะไรเลย”
การทำความเข้าใจว่าจิตใต้สำนึก สามารถให้ทุกสิ่งที่เราขอได้เป็นสิ่งสำคัญ ความเป็นไปได้ของการเกิดชึ้นมีอย่างไม่จำกัด ทั้งเวลา สถานที่ และปริมาณ โดยปกติแล้วจะมีช่วงเวลาที่เราสามารถเชื่อมต่อกับจิตใจสำนึกเราได้คือ สภาวะผ่อนคลาย สภาวะเกือบหลับ และสภาวะเกือบตื่น ช่วงเวลาที่สติคุณริบรี่ที่สุดจะเป็นช่วงเวลาที่จิตใต้สำนึกของคุณแสดงตัวชัดเจนที่สุด พยายามวาดภาพในใจของคุณให้ชัดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นรถคันใหม่ การยอมรับ เนื้อคู่ หรือเงินที่คุณอยากได้ จิตใต้สำนึกจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากคุณทำให้ภาพเหล่านั้นชัดเจน เคลื่อนไหวไปตามจินตนาการเหมือนกับละครที่คุณดู เราอาจเรียกมันได้ว่าละครจิตหรือภาพยนตร์จิต
“เมื่อเราขอบคุณสิ่งที่เราไม่มี เราจะขอให้จิตใต้สำนึกเราทำให้มันเป็นจริง”
การรับรู้ความต้องการของคุณเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว เช่น คุณรู้ว่าคุณต้องการบ้านใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม เฟอร์นิเจอร์แพงกว่าเดิม หรือสิ่งที่อำนวยความสะดวกที่ไม่ได้จำเป็น แต่คุณยังคงต้องการมันอยู่ ลองพูดคุยเกี่ยวกับเป้าหมายของคุณในช่วงเวลาปัจจุบัน คุณจำเป็นต้องลองจินตนาการมันอย่างตั้งใจ ลงรายละเอียดให้ชัดไม่ว่าจะเป็นสีของหลังคา ขนาดของโซฟาหน้าทีวี หรือแม้แต่รุ่นของคอมพิวเตอร์ที่คุณอยากได้ สิ่งสำคัญที่สุดของการจินตนาการนี้คือ คุณต้องรู้สึกถึงความสุขที่เกิดขึ้นหากจินตนาการเหล่านั้นเกิดขึ้นจริง ความรู้สึกขอบคุณเป็นอีกวิธีเชื่อมต่อกับจิตใต้สึกนึกและเป็นกุญแจที่จะทำให้ความต้องการของคุณเป็นจริง
“ไม่มีเหตุผลที่จะไม่มองหาชีวิตที่ร่ำรวย สุขภาพดี ตั้งแต่อายุน้อย”
เราเกิดมาเพื่อมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุข เจริญรุ่งเรืองและอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ เราควรตระหนักได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นกฎพื้นฐานของชีวิตไม่ใช่สิ่งที่ได้มาโดยโชคชะตาหรือดวง บางครั้งสิ่งง่ายๆทีเราทำได้อาจเป็นการมุ่งเน้นไปที่สุขภาพของเรา จินตนาการถึงการมีสุขภาพที่ดี กระตุ้นจิตใจตัวเองให้มองหาหนทางสู่การมีสุขภาพที่ดี เพิ่มพลังงานและความแข็งแกร่งในชีวิต ทำซ้ำให้กลายเป็นนิสัยเพื่อสร้างความเชื่อว่าคุณมีสุขภาพที่ดี แล้วคุณจะเห็นได้ชัดเลยว่าจิตใต้สำนึกส่งผลต่อสุขภาพของคุณอย่างไร นอกจากนี้จิตใต้สำนึกไม่เพียงแต่ส่งผลต่อสุขภาพของคุณเท่านั้น ยังส่งผลต่อความร่ำรวย ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และความปรารถนาอย่างเป้าหมายในชีวิตของคุณด้วย
“อายุไม่ใช่เที่ยวบินของปี มันเป็นรุ่งอรุณแห่งปัญญาในใจของมนุษย์”
ด้วยพลังของจิตใต้สำนึก เราสามารถคงความอ่อนเยาว์และความกระหายในการใช้ชีวิตเอาไว้ได้นานขึ้น ซึ่งมันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราได้รับรู้ถึงเวลาที่จำกัดในการใช้ชีวิต ถ้าเราคิดว่าวัยชราเป็นจุดจบของชีวิต เราจะรู้สึกว่าในทุกวันเป็นการเดินทางเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงไปสู่ระดับใหม่ ซึ่งการคิดรูปแบบนี้จะทำให้เราได้ผลลัพธ์ในชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง บางคนเลือกเส้นทางในการใช้ชีวิตหลังจากเกษียณแล้ว พวกเขาเริ่มงานอดิเรกหรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งบางคนอายุก็กลายมาเป็นอุปสรรคในการสนุกกับชีวิต ดังนั้นหากคุณคิดได้ว่าชีวิตเรามีเวลาจำกัด บอกจิตใต้สำนึกของคุณแบบนั้นทุกวัน แล้วจิตใต้สำนึกจะบอกคุณว่าควรทำอะไรเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ได้ผลลัพธ์ที่คุณต้องการ
บทสรุป
จิตใต้สำนึกเป็นสูตรโกงที่ล้ำค่า มันทรงพลังมากจนสามารถเปลี่ยนโชคชะตา และกำหนดผลลัพธ์ที่คุณต้องการได้ ชีวิตของเราในแต่ละวันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณนับถือศาสนาอะไร อธิษฐานบ่อยแค่ไหน หรือจบเกรดอะไรมา แต่มันเกี่ยวกับการควบคุมความปรารถนาและทบทวนมันเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น
จิตใต้สำนึกเป็นช่องทางที่จิตใจพยายามสื่อสารกับเรา สัญชาตญาณ แรงบันดาลใจ ตลอดจนความคิดที่ฉับพลัน ทั้งหมดเป็นการบอกใบ้จากจิตใต้สำนึกที่จะช่วยให้คุณพัฒนาตัวเองไปอยู่ในจุดที่เจริญรุ่งเรืองอย่างทวีคูณแบบที่คุณจินตนาการถึงมาเสมอ ดังนั้นตอนนี้อาจถึงช่วงเวลาที่คุณต้องลองติดต่อกับจิตใต้สำนึกดู เพื่อทำให้มันรู้ถึงความต้องการของคุณ และสร้างอำนาจในการควบคุมและกำหนดอนาคตอย่างไร้ขีดจำกัดของตัวเอง จำไว้ว่าอุปสรรคมักอยู่ในหัวเราเท่านั้น มันลงไปไม่ถึงจิตใจ เพราะฉะนั้นอย่าให้สิ่งที่อยู่ในหัวมาบั่นทอนความต้องการที่อยู่ในใจ
“เราเป็นผู้สร้างชีวิต ไม่ใช่ผู้สังเกตการณ์อย่างไร้อำนาจ”
บทความแนะนำ
EGO is the Enemy – เมื่ออัตตาของคุณ คือศัตรูของตัวคุณเอง