เราคงเคยได้มีโอกาสเห็นคนที่เก่งๆ คนที่มีความสามารถในที่ทำงาน แต่ดันมา พลาดเพราะเรื่องอารมณ์ เลยทำให้ต้องเสียโอกาส และอนาคตที่ดีไป
พลาดเพราะเรื่องอารมณ์ จึงเป็นต้นเหตุของปัญหาในการทำงาน หรือ เป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนต้องจบเส้นทางของอาชีพ หรือ หนักไปกว่านั้นอาจถึงขั้นทำลายอาชีพของตนเองได้เช่นกัน
ดังตัวอย่างเรื่องราวของน้องสาวคนนึง ซึ่งในอดีตถือว่าเป็นดาวรุ่งแห่งวงการโฆษณาเลยก็ว่าได้ แต่ชีวิตการทำงานของน้องเขา ดันจบลงแบบไม่สวย ทั้งๆ ที่ตัวน้องเองก็เป็นคนเก่ง มีความสามารถ…. แต่น่าเสียดายที่ต้องมาลงเอยแบบนี้
เรื่องของน้องหนิง
น้องหนิง เป็นเด็กจบใหม่ กับดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 1 ได้เริ่มต้นทำงานที่แรกกับบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งได้ประมาณ 3 เดือนกว่าๆ โดยบุคคลิกภายนอก น้องหนิง เป็นคนน่ารัก เป็นคนที่พูดจาดี และ มีอัธยาศัยที่ดีกับคนรอบข้าง
“ภายนอกดูดี แต่ภายใน จิตใจของเขาอาจจะเป็นอีกแบบก็ได้”
แต่พออยู่มาวันนึง หลังจากที่น้องหนิง โดนตำหนิเรื่องการทำงานไม่เรียบร้อย จากเจ้านายและจากพี่ๆ ร่วมงานในที่ประชุม
น้องหนิง ก็ออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยง เถียงเจ้านายและ พี่ๆ ร่วมงานด้วยน้ำเสียง และคำพูดที่รุนแรง ราวกับว่าเป็นคนละคนเลย แถมยังโยนความผิดของงานที่ผิดพลาดกลับไปให้คนอื่นอีก เช่น โทษลูกค้าว่าให้ข้อมูลไม่ครบ และ ไม่เคลียร์เอง และ ก็โทษทุกคนว่า ไม่เข้าใจในเรื่องที่น้องเขาคิด หาว่าทุกคนหัวโบราณ และ อื่นๆ
ผลที่ตามมา น้องหนิงจบไม่สวย โดนจดหมายเตือนเรื่องพฤติกรรมและโดนถูกพักงานไป 1 อาทิตย์
แต่หลังจากครบกำหนดพักงาน น้องหนิง ก็ไม่กลับมาทำงานที่นี่อีกเลย และก็ไม่มีใครสามารถติดต่อน้องหนิงได้อีกเลย ถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับเธอ
จริงๆ ก็น่าเสียดาย คนมีความสามารถอย่างน้องหนิง น่าเสียดาย กับ งานดีๆ และ โอกาสที่ได้ทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก
ในโลกของการทำงาน ทุกคนมีโอกาสผิดพลาดกันได้เสมอ และ เราจะพัฒนางานของเราที่เกิดจากความผิดพลาดให้ดีขึ้นได้อย่างไร หากเราไม่เริ่มต้นจากการยอมรับฟังคำติชม หรือ feedback จากคนอื่นๆ
เรื่องของน้องหนิง เป็นอีกตัวอย่างที่แสดงให้เห็นในเรื่องของปัญหาของการควบคุมอารมณ์
ในที่ทำงาน เรามักจะเห็นกรณีคล้ายๆ กับน้องหนิงได้เช่นกัน ที่ พลาดเพราะเรื่องอารมณ์ อาทิเช่น คนที่มีปัญหาในเรื่องการควบคุมอารมณ์ ในยามที่ต้องเจอกับสิ่งที่ไม่พอใจ หรือ เรื่องที่ไม่พอใจ หรือ เจอคำพูดที่ตนเองไม่ถูกใจ การแสดงออกของคนเหล่านี้ ก็จะต่างจากตอนที่อยู่ในสภาวะปรกติอย่างสุดขั้ว กลายเป็นคนละคนไปเลย
ผลที่ตามมา ก็อาจจะเหมือนกรณีของน้องหนิง หรือ บางรายอาจจะแย่ กว่าคือหมดอนาคตกับการทำงานที่นี่ไปเลย หรือ ถ้าแย่กว่านั้นก็อาจจะต้องถูกไล่ออกไปเลยก็เป็นได้ ผลลัพธ์ของการไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ จึงมีแต่เสียกับเสีย
“เพราะอะไร คนเราถึงมีปัญหาในเรื่องของการควบคุมอารมณ์?”
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ อาจจะเกิดตั้งแต่ตอนเป็นเด็กว่าในตอนเป็นเด็กนั้น เราได้เรียนรู้และได้ฝึกในเรื่องการควบคุมอารมณ์ และการแสดงออกของอารมณ์ในแบบที่ถูกต้องมารึเปล่า สิ่งเหล่านี้ควรเริ่มต้นจากระดับครอบครัว เพื่อที่เราจะสามารถเข้าใจรู้เท่าทันอารมณ์ของเราและแสดงออกอารมณ์ของเราได้อย่างเหมาะสม
ดังนั้น เรื่องของ ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) จึงเข้ามามีบทบาทที่สำคัญมาก เพราะเป็นทักษะที่สำคัญ ที่ควรเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่ในวัยเด็ก และ ครอบครัวมีส่วนเป็นอย่างมากในการผลักดันให้เกิดการเรียนและการฝีกฝนทักษะนี้
ในงานวิจัยของ Daniel Goleman ได้มีการพิสูจน์แล้วว่า หากในวัยเด็กมีการฝึกฝนทักษะในเรื่องของความฉลาดทางอารมณ์ เด็กจะมีแนวโน้มที่มีสุขภาพกายและจิตใจที่ดีกว่าคนทั่วไป และ มีความสามารถในการหารายได้ หรือ มีตำแหน่งงานที่ดี ที่สูงกว่าคนทั่วๆไป
รวมไปถึงคนที่มีความฉลาดทางอารมณ์จะมีแนวโน้มในการทำผิดกฏหมายน้อยกว่าคนทั่วไปสูงมาก
จากการวิจัยนี้ จึงเป็นการตอกย้ำว่า ทำไมเด็กถึงต้องเรียนรู้เรื่องของความฉลาดทางอารมณ์เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เด็กๆ ได้เรียนรู้เรื่องของความฉลาดทางอารมณ์แล้ว สิ่งที่พวกเขาจะได้ ยกตัวอย่างเช่น
- Self-Awareness : เด็กจะเข้าใจความรู้สึกและอารมณ์ที่เกิดขึ้นของตนเอง และรู้ว่าอารมณ์ของเขามีผลกระทบอย่างไรต่อคนอื่น
- Self Motivation : เด็กจะมีความมั่นใจมากขึ้น ที่จะผลักดันตัวเขาเองไปสู่เป้าหมาย หรือ สิ่งที่เขาตั้งใจเอาไว้
- Manage Stress : เด็กจะเข้าใจและรู้ว่าอะไรเป็นต้นเหตุ หรือ สาเหตุของความเครียด หรือ ความกดดันที่เกิดขึ้นกับเขา และ เขาก็จะมีความสามารถในการหาวิธีรับมือและจัดการกับมันได้
- Making Good Decision : เมื่อเด็กสามารถรับรู้และเข้าใจอารมณ์ของตนเอง ความสามารถในการตัดสินใจของพวกเขาก็จะดีขึ้น
- Building Empathy : เด็กจะเข้าใจคนอื่นมากขึ้น และรู้ว่าการกระทำและพฤติกรรมของเขา จะมีผล อย่างไรต่อความรู้สึกและอารมณ์ของผู้อื่น
- Communicating Effectively : เมื่อเด็กมีทักษะในเรื่องของความฉลาดทางอารมณ์แล้ว พวกเขาก็จะสามารถสื่อสาร พูดคุย หรือ แสดงพฤติกรรมกับคนอื่นๆ ได้อย่างชัดเจน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Building Relationships : เด็กก็จะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างได้ดี และ ได้ง่าย มากขึ้น
สิ่งเหล่านี้ คือ ประโยชน์ที่สำคัญ ที่เด็กๆ จะได้จากการมีทักษะในเรื่องของความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)
ถ้าน้องหนิง เขาได้รู้ ได้เรียน ได้ฝึกฝนทักษะนี้ ตั้งแต่ในตอนเป็นเด็ก หรือ ตอนเป็นนักศึกษา ผลคงไม่ลงเอยแบบนั้นแน่นอน เพราะ น้องหนิง ก็จะรู้ทันทีว่าน้องเขาจะจัดการกับอารมณ์ที่ขุ่นมัว อันเนื่องมาจากการโดนตำหนิอย่างไร และ น้องหนิงก็จะเลือกวิธีการที่เหมาะสมในการโต้ตอบกับเจ้านาย และ พี่ร่วมงาน แทนที่จะไปเปิดศึกทะเลาะกับเขา ซึงการทำแบบนั้นก็มีแต่ผลเสีย และ เป็นการแสดงออกถึงความไม่เป็นมืออาชีพอีกด้วย
ถ้าเราไม่อยากลงเอยแบบน้องหนิงที่ พลาดเพราะเรื่องอารมณ์ หรือ ไม่อยากให้ลูก หรือ หลาน หรือ คนใกล้ชิดของเราต้องเป็นแบบนั้น หรือ ต้องไม่มีความสุขในการทำงาน หรือ ในการดำเนินชีวิตเราต้องแนะนำพวกเขา หรือ แม้กระทั้งตัวเราเอง ให้มาเพิ่ม มาเรียนทักษะเรื่องนี้ กันตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่มันจะสายเกินไป
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ Emotional Intelligence สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
การใช้อารมณ์นำ ทุกๆ การตัดสินใจ อาจทำให้ชีวิตต้องติดหล่ม
Emotional Intelligence ความฉลาดทางอารมณ์ ที่คนอยากประสบความสำเร็จจำเป็นต้องมี
การใช้อารมณ์ ทำให้ชีวิตและหน้าที่การงาน พังลงอย่างง่ายดาย