พัฒนาคนยุค 5.0 สร้างสังคมแห่งภูมิปัญญาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่สำคัญ จาก 6 เวที GCNT Forum 2023 เรื่องราวของ พัฒนาคนยุค 5.0 คืออะไร จะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้จากบทความนี้เลยครับ
27 พฤศจิกายน 2566 : สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (UNGCNT) ร่วมกับสหประชาชาติ จัดงาน GCNT Forum 2023 : พันธมิตรเพื่อพัฒนาคนยุค 5.0 สู่สังคมแห่งภูมิปัญญาที่ยั่งยืน ชวนผู้นำธุรกิจสมาชิก UNGCNT และพันธมิตรในภาคส่วนต่างๆ เพื่อร่วมมือกันขับเคลื่อนศักยภาพทุนมนุษย์ยุค 5.0 โดยมี 5 เวทีเสวนา 5 หัวข้อสำคัญ ได้แก่ (1) การเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนในบริบทประเทศไทยโดยเฉพาะในมิติของคน (2) ปั้นคนให้ก้าวไปข้างหน้าและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (3)เปลี่ยนผ่านคนอย่างเป็นธรรมสู่องค์กรสีเขียว (4) ปลุกศักยภาพคนรับการเปลี่ยนแปลงตลอดห่วงโซ่อุปทาน (5) ยกระดับคน สร้างพลังสังคม และสุดท้าย (6) ตัวแทนเยาวชนได้แชร์มุมมองความยั่งยืนผ่านคนรุ่นอนาคต
1. การเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนในบริบทประเทศไทยโดยเฉพาะในมิติของคน
เปิดเวทีแรก เปิดวิสัยทัศน์ของซีอีโอจากองค์กรสมาชิก UNGCNT ได้แก่
- ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)
- คุณตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย
- คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธาน เจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
ทั้งสามท่านได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกันถึงการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนในมิติของคน โดยเห็นตรงกันว่า เรื่องนี้ต้องทำงานร่วมกัน เป็น DNA เดียวกัน และทำให้ทุกคนเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนแปลง มีฉันทามติไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อก้าวไปด้วยกัน
โดย ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ บริษัท บี.กริมฯ ชี้ว่าเห็นว่าต้องมอง ”คน” ให้เป็นหุ้นส่วนของธุรกิจ ไม่ใช่มองเป็นทรัพยากร
คุณจรีพร จารุกรสกุล บริษัทดับบลิวเอชเอฯ เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนต้องเริ่มที่ “ผู้นำ” และ ผู้บริหารยูโอบี ย้ำถึงการสร้างแรงบันดาลใจและบ่มเพาะพนักงานและพาร์ทเนอร์อย่างสม่ำเสมอ ทั้งด้านเทคโนโลยีดิจิตัลและความยั่งยืน เพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน
คุณตัน ชุน ฮิน ธนาคารยูโอบีฯ เล่าให้ฟังว่า ระบบเศรษฐกิจนับจากวันนี้เป็นต้นไป จะมีเม็ดเงินมหาศาลที่ถูกลงทุนในเทคโนโลยีนวัตกรรมต่างๆ เพื่อนำพาโลกของเราไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ และนั่นคือโอาสที่สำคัญสำหรับทุกคน ทุกภาคส่วน
2. ปั้นคนให้ก้าวไปข้างหน้า และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
เวทีต่อมา เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตัวแทนจากองค์กรสมาชิก UNGCNT ได้แก่
- คุณตวงพร บุณยะสาระนันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการสื่อสารและการบริหารความยั่งยืนองค์กร บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน)
- คุณชู ลิม รองประธานบริหาร ฝ่ายซัพพลายเชน กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย และ มาเลเซีย
- ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด
ทั้งสามท่านได้แลกเปลี่ยนมุมมองในการปั้นคนไปข้างหน้า โดยทุกองค์กรระบุว่า เมื่อกำหนดให้ “ความยั่งยืน” เป็นหนึ่งในกลยุทธ์องค์กร การพัฒนา ”คน” โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จะดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม ต่อเนื่อง และวัดผลได้ ซึ่งจะเริ่มจากภายในองค์กรคือพนักงาน ขยายออกไปยังภายนอกองค์กร
คุณตวงพร บุณยะสาระนันท์ จาก ซีเคพาวเวอร์ฯ แบ่งปันประสบการณ์ ในการสร้างความไว้วางใจและสร้างคุณค่าร่วมกับชุมชน โดยส่งเสริมทั้งด้าน Hardware และ Software เพื่อพัฒนาทักษะและนวัตกรรมที่ต่อยอดจาก “ภูมิป้ญญาท้องถิ่น” สร้างรายได้เพิ่มให้กับชุมชน
“แม้เราจะใช้เทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการผลิตไฟฟ้าแต่ในชุมชน เราเลือกจะทำงานร่วมกับชุมชน สนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะเป็นงานฝีมือ การทอผ้า และต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด”
คุณตวงพร บุณยะสาระนันท์ จาก ซีเคพาวเวอร์ฯ
คุณชู ลิม จาก ยูนิลีเวอร์ฯ ระบุถึงการให้ความสำคัญกับพนักงาน ที่ต้องสร้างทัศนคติให้มองความยั่งยืนเป็นเรื่องเดียวกับการทํางานไม่ใช่เรื่องที่แยกออกจากกัน นอกจากนี้ยังมีการดำเนินงานด้านความยั่งยืนกับลูกค้าในแต่ละท้องถิ่น ผ่านสินค้ากว่า 400 แบรนด์ทั่วโลก
ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ จากหัวเว่ยฯ เล่าให้เราฟังว่ามีการส่งเสริมให้เทคโนโลยีเข้าถึงและเป็นพื้นฐานของชีวิตผู้คน โดยเฉพาะชุมชนและผู้สูงอายุ ด้วยการทำ R&D ให้คนมีความรู้ด้านดิจิทัล และเพื่อให้พวกเขาหล่านั้นสามารถปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีได้
3. เปลี่ยนผ่านคนอย่างเป็นธรรม สู่องค์กรสีเขียว
ในเวทีที่ 3 เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตัวแทนจากองค์กรสมาชิก UNGCNT ได้แก่
- ดร. เนติธร ประดิษฐ์สาร ผู้ช่วยบริหารประธานคณะผู้บริหารรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักความร่วมมือระหว่างประเทศด้านความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จํากัด
- คุณเควิน ตัน (Kelvin Tan) Managing Director and Head of Sustainable Finance & Investment ASEAN ธนาคารเอชเอสบีซี
- คุณณัฐวุฒิ อินทรส ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจี
- คุณอีริค โรเดอร์ (Eric Roeder) Technical Specialist on Green Jobs, Climate Action and Resilience through Just Transition องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) สำนักงานประจำภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก
โดยทั้ง 4 ท่านได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านคนอย่างเป็นธรรม โดย คุณอีริค โรเดอร์ จาก ILO ให้นิยามว่า งานสีเขียว ว่าเป็นงานที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งแวดล้อมและการเสริมสร้างทักษะ สีเขียวให้ทุกคนในสังคม
ดร. เนติธร ประดิษฐ์สาร จากเครือเจริญโภคภัณฑ์ ระบุว่า การเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรสีเขียว ต้องเริ่มด้วยการวางยุทธศาสตร์ กำหนดทิศทางและตัวชี้วัด จากภายในองค์กร ก่อนจะขยายไปยังภายนอก ตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะกำหนดมุมมองการทำงานร่วมกับ AI จนถึงการจัดทำรายงานที่มีตัวชี้วัดที่ชัดเจนและโปร่งใส่
เช่นเดียวกับเอสซีจี คุณณัฐวุฒิ อินทรส เล่าให้เราฟังว่า กำลังเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero โดยขับเคลื่อนการเติบโตสีเขียวจากภายในองค์กรก่อน จากนั้นจึงขยายการขับเคลื่อนออกไปยังส่วนอื่นๆ โดยมี roadmap คือ ESG 4Plus เป็นเป้าหมายร่วมกัน
“การเปลี่ยนผ่านใดๆ ต้องมีความสมดุล เราควรวาง Roadmap บูรณาการแผนความยั่งยืนและแผนธุรกิจเป็นแผนเดียวกัน บนพื้นฐานของความเชื่อมั่น โปร่งใส และตรวจสอบได้”
คุณณัฐวุฒิ อินทรส จาก เอสซีจีฯ
ส่วนเอชเอสบีซี คุณเควิน ตัน แชร์ว่าสถาบันการเงินดูความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และโอกาสในการเปลี่ยนผ่านของลูกค้า โดยเฉพาะ SMEs แต่ขณะเดียวกันก็ต้องฝึกบุคลากรขององค์กรด้วย เพื่อให้เห็นโอกาสงานใหม่ๆ เมื่อก้าวสู่สังคมสีเขียว
4. ปลุกศักยภาพคน รับการเปลี่ยนแปลงตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ในเวทีที่ 4 เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตัวแทนจากองค์กรสมาชิก UNGCNT ได้แก่
- คุณกอบบุญ ศรีชัย ผู้บริหารสูงสุดสายงานกิจการองค์กรและลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จํากัด (มหาชน)
- ดร. วิชัย ณรงค์วณิชย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- คุณสุนทร ยงค์วิบูลศิริ ESG and Sustainability Director บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)
- คุณแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอ็น อาร์ อินสแตนท์โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน)
ทั้ง 4 ท่านได้พูดคุยกันถึงเรื่องของการปลุกศักยภาพคนในห่วงโซ่อุปทาน โดยซีพีเอฟ แบ่งปันว่าการพัฒนาศักยภาพคนเริ่มต้นจากภายในองค์กรเอง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันแล้วจึงขยายไปภายนอก
คุณกอบบุญ ศรีชัย แชร์ให้เราฟังว่า โดยเฉพาะเกษตรกร ซึ่งถือเป็นพาร์ทเนอร์ของซีพีเอฟ โดยมีการเสริมองค์ความรู้และทักษะต่างๆอยู่เสมอ เพื่อให้เติบโตไปด้วยกัน รวมทั้งได้รับประโยชน์จากความยั่งยืนและการช่วยลดโลกร้อนไปพร้อมกัน เช่น ถ้าเกษตรกรหยุดเผาและทำตามระบบของซีพีเอฟ จะได้ราคาขายผลผลิตที่สูงกว่า หรือการตรวจสอบการเผาด้วยเทคโนโลยี และระบบการตรวจสอบย้อนกลับเพื่อให้มั่นใจผลิตผลทางการเกษตรที่รับซื้อจากเกษตรกร ไม่ได้มาจากการบุกรุกป่าหรือการทำลายสิ่งแวดล้อม
“เพื่อเคลื่อนไปในทิศทางนี้ร่วมกัน ซีพีเอฟเริ่มต้นจากคนภายในบริษัท เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนในทุก touchpoint
คุณกอบบุญ ศรีชัย จาก ซีพีเอฟฯ
มีความเข้าใจเดียวกัน แล้วจึงขยายไปภายนอกองค์กร โดยเฉพาะเกษตรกร ซึ่งถือเป็นพาร์ทเนอร์ของซีพีเอฟ”
ดร. วิชัย ณรงค์วณิชย์ จากธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่าได้สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับลูกค้า และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เข้าถึงง่าย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ด้วยกัน โดยได้เตรียมทุน 200,000 ล้านบาทสําหรับธุรกิจที่มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างชัดเจน รวมทั้ง SMEs และ Startup ที่ต้องการลงทุนใน green technology หรือ green product
คุณสุนทร ยงค์วิบูลศิริ จากเอสซีจี แพคเกจจิ้งฯ ได้กำหนดให้มี Supplier Code of Conduct เพื่อกำกับดูแลและพัฒนาซัพพลายเออร์ในห่วงโซ่อุปทาน ให้อยู่บนมาตรฐาน ESG ร่วมกัน ควบคู่ไปกับการจัด Supplier Day อย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยเติมองค์ความรู้ เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และยังมุ่งเน้นด้านความปลอดภัยด้วย
คุณแดน ปฐมวาณิชย์ จากเอ็น อาร์ อินสแตนท์โปรดิวซ์ฯ พยายามสร้าง Food innovation ที่ตอบโจทย์ Net Zero
ทั้งในบทบาทที่เป็นซัพพลายเออร์หรือปลายน้ำของคู่ค้าที่มีเป้าหมายนี้ และในบทบาทที่ต้องดูแลซัพพลายเออร์ต้นน้ำ คือ ภาคการเกษตร โดยมีโครงการ decarbonize ชวนเกษตรกรลดการเผา เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน ด้วยการให้ความรู้และใช้เทคโนโลยีที่เข้าถึงง่ายให้เกษตรกรมีส่วนร่วมดำเนินการ
“ซัพพลายเออร์ปลายน้ำของ NRF คือซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นคู่ค้าที่มีเป้าหมาย Net Zero ขณะเดียวกัน เกษตรกร ก็เป็นซัพพลายเออร์ต้นน้ำของ NRF เราจึงต้องส่งเสริมให้เกษตรกรมีส่วนร่วมกับเป้าหมายนี้ไปด้วยกัน”
คุณแดน ปฐมวาณิชย์ จาก เอ็น อาร์ อินสแตนท์โปรดิวซ์ฯ
5. ยกระดับคน สร้างพลังสังคม
ในเวทีที่ 5 เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตัวแทนจากองค์กรสมาชิก UNGCNT ได้แก่
- ดร.เนตรชนก วิภาตะศิลปิน หัวหน้าสายงานกลยุทธ์องค์กรและด้านการศึกษา บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น และกรรมการและเลขานุการมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี (CONNEXT ED Foundation)
- คุณมีชัย วีระไวทยะ นายกสมาคม พัฒนาประชากรและชุมชน
- คุณรัชสุรางค์ วงศ์กระแสมงคล ตัวแทนเยาวชน
ทั้ง 3 ท่านได้ได้แบ่งปันประสบการณ์ในการทำงานเพื่อยกระดับคน สร้างพลังสังคมโดย
ดร.เนตรชนก วิภาตะศิลปิน จากทรูฯ เชื่อว่ารากฐานของความยั่งยืนคือการศึกษา และหัวใจสำคัญคือการพัฒนาคน จึงริเริ่ม ‘โครงการทรูปลูกปัญญา’ โดยพัฒนาแพลตฟอร์มคลังความรู้คู่คุณธรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เปิดโอกาสให้เยาวชนเข้าถึงองค์ความรู้ได้จากทั่วโลกและเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา และต่อยอดสู่ความร่วมมือในการดึงศักยภาพของ 3 ภาคส่วน รัฐ-ประชาสังคม-เอกชน เป็น Public-Private- Partnership (PPP) จัดตั้งมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี ซึ่งตอนนี้มี 52 องค์กรเอกชนเข้ามาร่วมมือกันยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยให้ทัดเทียมสากลและเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยเรามีเป้าหมายที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและพัฒนาคุณภาพเยาวชนของเราให้เป็นเด็กดีมีความสามารถ จนปัจจุบันเรามีหลากหลายโครงการที่เกิดเป็น domino effect ที่สามารถส่งต่อให้ภาครัฐนำไปขยายผลให้กับโรงเรียนและชุมชนต่อยอดพัฒนาให้เกิดความยั่งยืน
“รากฐานของความยั่งยืนคือการศึกษา และหัวใจสำคัญ คือการพัฒนาคน ทรู ริเริ่มโครงการทรูปลูกปัญญา และร่วมมือกับ 3 ภาคส่วน ขับเคลื่อนมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี พัฒนาการศึกษา สร้างตัวอย่างโมเดลองค์ความรู้ที่ส่งต่อให้ภาครัฐ และสร้าง domino effect ให้เกิดขึ้น”
คุณมีชัย วีระไวทยะ จากสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน แชร์ว่าได้ระบบการศึกษาปัจจุบันดึงคนออกจากชุมชน
จึงต้องนำวิทยาการความรู้และเทคโนโลยีเข้าสู่หมู่บ้านให้มากที่สุด โดยสมาคมฯ ได้พัฒนาโรงเรียนที่สร้างนักเปลี่ยนแปลง เริ่มจากโรงเรียนไปสู่ชุมชน จากชุมชนไปสู่หมู่บ้าน ปลูกฝังให้นักเรียนมีความเป็นผู้ประกอบการ (Entreprenuer) และมีจิตสำนึกที่จะเห็นใจผู้อื่น (Empathy mindset) โดยให้เรียนรู้การทำธุรกิจและพัฒนาโครงการเพื่อสังคมเพื่อขอทุนสนับสนุน รวมทั้งดึงภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วม จนได้รับการยกย่องจากนานาชาติว่าเป็นโรงเรียนที่มีนวัตกรรมมากที่สุด
“ประเทศไทยควรใช้ประโยชน์จากโรงเรียนและครู ซึ่งเป็นระบบที่มีอยู่แล้วของภาคการศึกษา โดยปลูกฝังให้เด็กมี Entreprenuer and Empathy mindset และได้เรียนรู้การทำธุรกิจ และการ Sharing and Giving”
คุณมีชัย วีระไวทยะ จาก สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน
คุณรัชสุรางค์ วงศ์กระแสมงคล ตัวแทนเยาวชน ได้แสดงความคิดเห็นถึงสิ่งที่ตนเองอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะสิทธิของเด็กที่จะได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย มีอากาศและน้ำที่สะอาด รวมทั้งได้รับการส่งเสริมด้านเทคโนโลยี ให้รู้เท่าทันและใช้งานเป็น ตลอดจนเพิ่มการจ้างผู้หญิงให้มากขึ้น ให้มีส่วนร่วมตัดสินใจในการให้ความรู้และแก้ไขปัญหาของเด็กโดยต้องการให้เกิดความร่วมมือตั้งแต่ระดับครอบรัว โรงเรียน ไปสู่ระดับระหว่างองค์กรและระหว่างประเทศที่จะให้ความสนใจสิทธิเด็กเพื่อสร้างสังคมที่มีความสุขและยั่งยืนที่แท้จริง
6. มองความยั่งยืนผ่านคนรุ่นอนาคต
ในเวทีที่ 6 เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตัวแทนจากคนรุ่นใหม่ ได้แก่ คุณณัฐภูมิ พรมสอน, คุณบุณยาพร สายสร้อย และคุณพัชรพล ลี้อิสสระนุกูล โดยทั้ง 3 ท่านสะท้อนว่า GCNT Forum 2023 ทำให้เห็นว่าเยาวชนต้องพัฒนาตัวเองอย่างไร? และเตรียมตัวอย่างไรเพื่อให้คนรุ่นอนาคตเป็นผู้กำกับดูแล AI และยังได้เรียนรู้ว่าแต่ละบริษัทกำลังขับเคลื่อนงานอะไรที่มุ่งไปสู่ความยั่งยืน และแสดงความเห็นว่าทุกคนต่างให้ความสำคัญในด้านการศึกษา รวมถึงการปรับตัวให้รับกับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในด้านการใช้เทคโนโลยี
สนใจสามารถรับชมวิดีโอบันทึกการประชุม พัฒนาคนยุค 5.0 สร้างสังคมแห่งภูมิปัญญาที่ยั่งยืน | GCNT Forum 2023 ของแต่ละเวทีฉบับเต็ม ได้ทาง Social Media ของสมามเครือข่าย โกลบอลคอมแพ็แห่งประเทศไทย (UNGCNT) ได้ที่นี่ www.globalcompact-th.com