
พี่เลี้ยง หรือ Mentor มีความสำคัญมากสำหรับคนทำงานอย่างเรา เพราะพวกเขาสามารถช่วยแนะนำและผลักดันเราให้ก้าวหน้าได้ไวมากขึ้นในอาชีพการงาน
ในวันที่คุณก้าวออกจากมหาวิทยาลัย ไม่ว่าเกรดเฉลี่ยของคุณจะสูงจนได้เกียรตินิยมหรือต่ำจนเกือบจะโดนไล่ออก สิ่งที่ทุกคนต้องเริ่มต้นใหม่และมีเครื่องหมายคำถามมากมายในหัวก็คือ “คุณควรต้องทำอะไรต่อไป?” ถึงแม้ว่าหลักสูตรในมหาวิทยาลัยจะครอบคลุมความรู้ที่ต้องคิดคำนวณหรือใช้การทฤษฎีอะไรก็ตามเพื่อให้เหมาะสมกับการทำงานที่เฉพาะตัวตามสาขาที่คุณจบมา แล้วถ้าทั้งหมดเหมือนจะไปได้ดี แต่ก็ติดอยู่อย่างเดียวว่า จะทำอย่างไรถึงจะก้าวหน้าในอาชีพการทำงานนั้นได้? พอพูดถึงหัวข้อนี้แล้วก็ทำให้คิดไม่ออกจริงๆ ว่าเรื่องนี้มันจะอยู่ในวิชาไหน? หรือ มันควรอยู่ในวิชาใดดี?
“สิ่งที่แรกที่เราควรต้องทำก็คือ การหา พี่เลี้ยง หรือ mentor สักคน”
ภาพในหัวของเราเมื่อได้ยินคำว่า “พี่เลี้ยง” มักเป็นภาพบุคคลที่เฉพาะเจาะจงมาก ซึ่งคนคนนั้นต้องเก่ง ประสบความสำเร็จ มีสิ่งการันตีความเก่งกาจว่าเขาจะสามารถให้คำปรึกษาคุณได้ ซึ่งความจริงแล้วพี่เลี้ยงคนดังกล่าวเป็นเพียงคนที่พร้อมดูแลคุณ ให้คำแนะนำ บอกได้ว่าสิ่งใดควรระวัง และชักจูงให้คุณได้รู้จักกับคนที่คุณควรรู้จักเท่านั้น สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ที่พี่เลี้ยง หรือ อาจจะรวมไปถึงปรึกษาทำ พี่เลี้ยงมักมีหลากหลายรูปแบบ แล้วแต่เรื่องที่คุณต้องความช่วยเหลือ สิ่งที่เขาทำก็คือพวกเขาเพียงแค่หยิบยื่นความช่วยให้เหลือให้แก่คุณอย่างถูกเรื่องเท่านั้น
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 7 พี่เลี้ยง หรือ Mentor ที่คุณควรพิจารณาว่าแบบไหนกันที่เหมาะสมกับคุณที่สุด ที่จะช่วยผลักดันคุณไปสู่ความก้าวหน้าทางสายอาชีพของคุณได้อย่างรวดเร็ว
1. พี่เลี้ยงแบบดั้งเดิม
พี่เลี้ยงแบบดั้งเดิม คือคนที่อยู่ในสายงานหรืออุตสาหกรรมของคุณมากก่อน อาจจะมากกว่าคุณประมาณ 2-3 ปี พวกเขาอาจจะเป็นผู้บังคับบัญชา หัวหน้า หรืออาจารย์ที่ช่วยมองเส้นทางการเรียนและการทำงานให้คุณได้ พวกเขาอาจจะผ่านบทบาทเดียวกันกับคุณในตอนนี้หรือพวกเขาอาจจะอยู่ในบทบาทที่คุณอยากก้าวไปให้ถึงในอนาคตก็ได้ พวกเขามักจะให้คำปรึกษาในเส้นทางเดียวกับที่คุณกำลังเดินอยู่ แค่ช่วยประคองไม่ให้คุณพลาดหลุดออกจากเส้นทางไปก่อนที่จะถึงเส้นชัย
“สนใจคนที่ทำงานเพราะมีแรงบันดาลใจ หรือคนที่ทำงานเพราะอยากจะทำด้วยตัวเอง”
เมื่อคุณเริ่มมองหาพี่เลี้ยงที่เหมาะสมในที่ทำงานให้ลองมองหาใครสักคนที่ทำงานเพราะเขามีแรงบันดาลใจในการทำงานเหล่านั้น หรือทำเพราะอยากทำมันด้วยตัวเขาเองโดยที่ไม่มีใครหรืออะไรมาเป็นเหตุผล คนเหล่านั้นจะให้คำปรึกษาแบบดั้งเดิมซึ่งสามารถเป็นสายสัมพันธ์ที่ยั่งยืนให้แก่คุณในการทำงานไปจนเกษียณได้ เมื่อคุณเริ่มพัฒนาเส้นทางอาชีพของคุณเอง อย่าหวั่นเกรงเมื่อคุณพบว่าคุณอยู่ในเส้นทางที่แตกต่างจากพี่เลี้ยงของคุณ เส้นทางที่คุณกำลังเดินคือเส้นทางที่คุณเลือกเอง และหากคุณเริ่มไม่มั่นใจ คุณแค่เพียงมองหาพี่เลี้ยงคนใหม่ที่มีเส้นทางใกล้เคียงกับคุณและสามารถแนะนำให้คุณเดินทางไปพบกับความสำเร็จได้
2. พี่เลี้ยงตามความสัมพันธ์
การให้คำปรึกษาในรูปแบบที่อิงตามความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้และผู้รับคำปรึกษาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ทั่วไปในวงข้าวกลางวัน เย็น หรือระหว่างทำงานที่ได้โอกาสพูดคุยกันพอดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ เชื้อชาติ ศาสนาหรือลักษณะอื่นๆ ที่จะย้ำให้คุณได้รู้ว่าคุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว สิ่งเหล่านี้สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายองค์กรได้เลยด้วยซ้ำ
“หากคุณอยากจัดปาร์ตี้ที่บริษัท คุณจะเลือกปรึกษาคนที่ไม่เฉลิมฉลองในวันคริสต์มาสไหม?”
เป็นเรื่องยากที่จะนำร่องให้องค์กรให้ความสำคัญกับการเฉลิมฉลองในวันสำคัญอย่างคริสมาสต์ได้ หากคุณเองเป็นคนที่ไม่เคยฉลองวันคริสมาสต์เลยสักปี ดังนั้นลองมองหาคนที่จะปรึกษาที่คุณสามารถมองหาความสัมพันธ์จากพวกเขาได้ ยกตัวอย่างเช่น พวกคุณอาจจะเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวเหมือนกันที่ว่างในวันศุกร์เพราะภรรยาจะมารับลูกไปที่บ้านของเธอ นั่นอาจจะดีมากเลยถ้าคุณจะเริ่มต้นไปโยนโบว์ลิ่งด้วยกันหรือสังสรรค์เล็กน้อยในวันศุกร์หรรษานั้น แต่จะยากมากหากคุณหันไปหาเพื่อนที่ต้องไปรับลูกที่โรงเรียนแทนภรรยาทุกเย็น และกลับไปทานอาหารค่ำอย่างพร้อมหน้ากับครอบครัว มันเป็นการจับที่ปรึกษาที่ไม่ถูกคู่เลยใช่ไหมล่ะ
“เพียงเพราะคุณพูดภาษาเดียวกันไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นฝาแฝดกันหรอกนะ”
เมื่อคุณมองหาพี่เลี้ยงสักคน โดยเลือกจากความสนใจที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณให้เกิดขึ้นได้ อย่าคิดว่าพวกเขาจะสามารถเป็นที่ปรึกษาที่ดีราวกับเป็นเนื้อคู่ของคุณเพียงเพราะพวกคุณพูดภาษาเดียวกันหรือไม่ทานข้าวเช้าเหมือนกัน สิ่งสำคัญคือการได้รู้จักใครสักคนที่อาจจะมีหนึ่งอย่างหรือสองอย่างที่เหมือนกับคุณ คุณสามารถแบ่งกันประสบการณ์ให้กันและกันได้ และรับฟังความคิดเห็นกันอย่างเห็นอกเห็นใจ ที่ปรึกษาตามความสัมพันธ์สามารถให้ความมั่นใจในการก้าวไปข้างหน้าให้แก่คุณได้
3. พี่เลี้ยงที่ปรึกษากลุ่ม
หากคุณยังนึกภาพพี่เลี้ยงที่ให้การให้คำปรึกษาแบบกลุ่มไม่ออก ให้ลองนึกถึงโครงการฝึกงานภาคฤดูร้อนซึ่งในการฝึกงานนั้นจะมีพี่เลี้ยงที่คอยสอนนักศึกษาทุกคนในแผนกนั้นอยู่ แน่นอนว่าพี่เลี้ยงของเราเป็นคนที่ทำงานที่นี่มาก่อน มีประสบการณ์ เป็นผู้นำกลุ่ม และให้คำปรึกษาที่ตรงกับทุกคำถามที่เด็กฝึกงานทุกคนมีในแต่ละวันหรือสัปดาห์
“การให้คำปรึกษาแบบกลุ่มเป็นเหมือนชมรมหนังสือที่ทุกคนมีความสนใจในการทำสิ่งต่างๆร่วมกัน และในขณะเดียวกันก็มีพื้นที่มากพอสำหรับความเป็นตัวของตัวเอง”
คุณสามารถเรียนรู้ได้มากมายจากพี่เลี้ยงและเพื่อนร่วมงานของคุณ ในขณะเดียวกันคุณก็สามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกับพวกเขาไปด้วย เมื่อมีคุณพูดถึงปัญหาที่พวกเขากำลังเผชิญและรับคำแนะนำไป คุณสามารถนำคำแนะนำเดียวกันนี้ไปใช้กับปัญหาของคุณเองได้เช่นกัน และคุณอาจจะพบว่าคุณเริ่มหันหน้าหาพี่เลี้ยงเพื่อขอคำปรึกษาและการสนับสนุนด้วยตัวคุณเองโดยตรงเลยด้วย
4. พี่เลี้ยงที่เป็นเหมือนเพื่อนที่ปรึกษา
บางคนอาจเรียกพี่เลี้ยงในรูปแบบนี้ว่า “มิตรภาพ” หรือความสัมพันธ์ในการทำงานร่วมกัน จริงๆ แล้วคุณสามารถเรียนรู้อะไรได้มากมายจากคนรุ่นเดียวกัน อาวุโสพอกัน หรืออยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ซึ่งนอกจากคำปรึกษาหรือประสบการณ์ที่คุณสามารถแบ่งปันกันได้แล้ว ยังสามารถสร้างความรู้สึกสนิทสนมกันให้เกิดขึ้นได้อีกด้วย
“บางปัญหาก็ต้องการคำปรึกษาจากคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ถึงจะเข้าใจกัน”
คุณอาจจะกำลังเผชิญหน้าอยู่กับลูกค้าที่ซับซ้อน คุณอาจจะว้าวุ่นอยู่กับการจัดลำดับความสำคัญในการทำงาน หรือหาทางออกจากสถานการณ์เลวร้ายตรงหน้าไม่ได้ การขอคำปรึกษาจากเพื่อนที่มีสถานะเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน จะทำให้คุณไม่ต้องอธิบายมากมายแต่ได้คำปรึกษาที่ตรงจุดกลับมา พวกเขาอาจจะเจอสถานการณ์เดียวกันกับคุณมาก่อน หรือสถานการณ์ที่พวกเขากำลังพบเจอ คุณอาจจะเคยเจอมาก่อน มุมมองที่คุณและเพื่อนมองจะใกล้เคียงกันเนื่องจากสถานะหรือหน้าที่ในการทำงานที่คล้ายคลึงกัน จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับคุณและเพื่อนร่วมงานที่จะเป็นที่ปรึกษาให้กันและกัน ในขณะที่มอบความสนิทสนมให้แก่กันด้วย
5. พี่เลี้ยงข้ามสายงาน
บางครั้งเราเองก็แสวงหามุมมองการทำงานที่แตกต่างไปจากมุมมองเดิมที่คุณได้จากสายอาชีพนี้ หากคุณมองอาชีพของตัวเองจากอาชีพที่คุณทำอยู่ คุณอาจจะคิดว่ามันดีจนน่าใจหาย คุณอยากจะทำอาชีพนี้ไปตลอด ถ้าคุณเริ่มขอคำปรึกษาจากเพื่อนร่วมงานในสายอาชีพเดียวกัน คุณอาจได้รับคำตอบที่ไม่ต่างจากคำตอบในใจของคุณนัก เพราะฉะนั้นเมื่อคุณแสวงหาคำตอบจากมุมมองที่แตกต่างออกไป ให้มองหาพี่เลี้ยงข้ามสายงานจึงจะสามารถได้มุมมองใหม่ๆ สำหรับความต้องการในเรื่องนี้
6. พี่เลี้ยงแบบย้อนกลับ
หากเรียกแบบนี้อาจทำให้คุณคิดภาพไม่ออกเสียเท่าไร อธิบายง่ายๆ ก็คือ เมื่อผู้บริหารหรือผู้จัดการต้องการมุมมองจากใครก็ตามที่มือใหม่หรือไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ กับองค์กรเลย เพราะมุมมองแบบนั้นไม่มีที่ผู้บริหารผู้ที่แบกรับทั้งองค์กรไว้เขาย่อมจะมองเห็นแน่ๆ การมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กฝึกงานหรือพนักงานน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามา อาจจะทำให้ผู้จัดการหรือผู้บริหารได้เรียนรู้จักการถ่อมตัว เพื่อเปิดหูเปิดตา หรือเปิดมุมมองที่จะเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ
“อย่าขอคำปรึกษาในการแก้ปัญหาที่พวกเขาไม่เชี่ยวชาญ แต่ให้ขอคำปรึกษาในเรื่องที่คุณไม่สามารถมองเห็นได้จากมุมของพวกเขา”
คุณสามารถมองหาระบบหรือกระบวนการทำงานใหม่ๆ ที่ใช้งานจริงได้จากพี่เลี้ยงประเภทนี้ พวกเขาสามารถช่วยให้คุณได้สำรวจพื้นที่ใหม่ เครื่องใหม่มือ และทักษะใหม่ที่ตัวคุณเองเคยเข้าไม่ถึง การแสวงหามุมมองใหม่เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่เป็นไปได้ โดยไม่ปิดกั้นเป็นสิ่งที่ผู้บริหารหรือผู้จัดการส่วนใหญ่มักมองข้ามไป เพราะฉะนั้นอย่าตัดสินเพียงเพราะพวกเขาใหม่ แต่ให้มองว่าความใหม่ของพวกเขาให้เป็นประโยชน์และสามารถให้อะไรกับคุณได้บ้าง?
7. พี่เลี้ยงแบบ Parasocial
Parasocial คือความสัมพันธ์กึ่งมีส่วนร่วมในสังคม เพราะเป็นเพียงความสัมพันธ์ข้างเดียว แต่อย่าไปกลัว เพราะคุณจะเห็นผู้คนมากมายที่หลงใหลดารา นักร้อง หรือไอดอล พวกเขาต่างเต็มใจ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการรักข้างเดียว แต่คุณจะเห็นได้ว่าการรักข้างเดียวสามารถสร้างความสุขให้กับพวกเขามากขนาดไหน? การให้คำปรึกษาแบบ Parasocial คือการเป็นผู้พูดในที่สาธารณะหรือผู้เชี่ยวชาญที่ส่งต่อคำแนะนำผ่านการสื่อสารในระยะไกล จะเกิดประโยชน์หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับปลายทางจะเลือกรับฟังและนำไปปรับใช้หรือไม่นั่นเอง
บทสรุป
ในตอนนี้คุณอาจจะนึกถึงหน้าเจ้านายที่ทำงาน นึกถึงเพื่อนร่วมงาน หรือ เพื่อนต่างแผนก หรือ เด็กฝึกงานที่คุณเพิ่งสอนงานไปเมื่อวานที่ผ่านมา คุณอาจกำลังจัดหมวดหมู่ให้กับพวกเขาอยู่ ว่าพวกเขาควรเป็นพี่เลี้ยงประเภทไหนสำหรับคุณกันแน่ แต่ก่อนที่คุณจะสนุกกับการจัดหมวดหมู่พวกเขาไปมากกว่านี้ คุณควรสำรวจตัวเองเสียก่อนว่าตัวคุณเองเป็นพี่เลี้ยงแบบไหนด้วย?
ก่อนอื่นเลยคุณต้องพิจารณาอาชีพของตัวเอง ขั้นตอนหรือกระบวนการที่จะสร้างความเชี่ยวชาญในสายอาชีพให้แก่คุณ คุณต้องการใครสักคนที่จะเข้าใจความกดดันหรือไม่? หรือ กำลังต้องการใครที่เชี่ยวชาญเพื่อสอนสิ่งต่างๆ ที่คุณยังไม่รู้เพื่อเพิ่มระดับความเชี่ยวชาญให้แก่คุณเองในตอนนี้
เมื่อตัวคุณเองเริ่มทุ่มเทเวลาให้กับการฝึกฝน ลองมองตัวเองอีกครั้งว่าหากมีเวลา คุณต้องการอะไร อะไรบ้างที่คุณยังขาดไปในการก้าวไปข้างหน้า พยายามค้นหาให้เจอว่าคุณต้องการอะไรในตอนนี้ เมื่อคุณเจอสิ่งที่กระตุ้นคุณให้พยายามมากขึ้นและช่วยให้คุณพร้อมสำหรับความก้าวหน้าทางสายอาชีพ คุณจะได้รับความกระจ่างว่าพี่เลี้ยงแบบใดที่คุณกำลังมองหาอยู่
Reference:
7 Types of Mentors That Can Help You Thrive in Your Career
บทความแนะนำ:
ความสัมพันธ์ของเจ้านายและพนักงาน คือ กุญแจสู่ความสำเร็จของพนักงาน
10 Essential Management Skills – 10 ทักษะการจัดการสำหรับผู้จัดการมือใหม่