รีวิวนั่งรถไฟชั้น 1 คำถามที่เจอก็คือ รถไฟมีชั้น 1 ด้วยเหรอ แตกต่างจากชั้นอื่นๆ อย่างไร? มันถึงเร็วกว่าเดิมไหม? เป็นคำถามที่มีหลายคนสงสัย โดยเฉพาะเด็กๆ รุ่นใหม่ ที่เกิดมาในยุคที่มีทางเลือกในการเดินทางมากกว่าเมื่อก่อน
หากเป็นเมื่อสัก 20 กว่าปีก่อนหน้านี้ ยุคที่ก่อนจะมี Low Cost Airline ทางเลือกในการเดินทางในประเทศ โดยเฉพาะการเดินทางข้ามจังหวัดไกลๆ ก็มีตัวเลือกไม่มากนัก เช่น รถทัวร์ หรือ รถไฟ ซึ่งเป็นการเดินทางที่มีราคาเอื่อมถึงได้ แต่หากเป็นเครื่องบินล่ะก็ ราคาแพงมาก เพราะในตอนนั้นมีแค่สายการบินเดียวที่ให้บริการ
พูดถึงเรื่องรถไฟ แอดมินมีความผูกพัน กับการใช้บริการรถไฟไทยมาตั้งแต่วัยเด็ก ด้วยที่ตนเองเป็นเด็กต่างจังหวัด เกิดและโตที่ จังหวัดสงขลา และ ขึ้นมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ รถไฟจึงเป็นทางเลือกแรกในการเดินทาง เพราะ ประการแรกราคาไม่แพง ถึงแม้จะถึงช้าหน่อย แต่ก็ปลอดภัยกว่าการเลือกนั่งรถทัวร์มากรุงเทพฯ และประการที่สอง ในสมัยนั้น ถนนหนทาง ไม่ได้ดีเหมือนในตอนนี้ และ ปริมาณอุบัติเหตุ ก็เกิดขึ้นบ่อยครั้งเช่นกัน ทำให้รถไฟจึงเป็นทางเลือกสำหรับแอดมิน และ เพื่อนๆ น้องๆ ที่ขึ้นมาเรียนที่ กรุงเทพฯ กัน
จากประสบการณ์ที่เคยใช้บริการรถไฟไทยตั้งแต่เป็นนักเรียนและนักศึกษา เคยนั่งมาตั้งแต่ชั้น 3 (เมื่อก่อนเป็นเก้าอี้ไม้ และ ต่อมาพัฒนาเป็นเก้าอี้บุนวม แต่ก็ยังแข็งอยู่ดี) แล้วก็มาเป็นชั้น 2 (มีตั้งแต่แบบนั่งอย่างเดียว เอนนอนได้นิดหน่อย แต่มีแอร์ จนไปถึงแบบนั่งและนอนได้โดยมีเตียงชั้นบนและชั้นล่าง) แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ลองนั่งรถไฟชั้น 1 เลย ส่วนนึงก็เพราะเรื่องราคา ก็เลยได้แต่มองตาปริบๆ และก็หวังว่าสักวันนึงคงจะได้มีโอกาส
และแล้วโอกาสก็มาถึง… ต้องรอนานเกือบ 30 ปี กว่าจะได้ลองใช้ รถไฟชั้น 1
เนื่องจากลูกชายของแอดมินปิดเทอม ในช่วงเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยปรกติแล้วช่วงที่ลูกปิดเทอม แอดมินและครอบครัวจะเดินทางไปสงขลาเพื่อไปเยี่ยมคุณแม่ และ ญาติที่นั่น แต่ทริปนี้ คุณภรรยาติดภาระกิจงานสำคัญ ทำให้ทริปนี้ ต้องเป็นทริปของสองพ่อลูกตะลุยกันเอง
แอดมินและลูกชาย ก็เริ่มต้นวางแผนการเดินทาง แทนที่จะเดินทางด้วยเครื่องบิน เราสองคนก็พร้อมใจ ตัดสินใจลองไปด้วยรถไฟบ้างดีกว่า ส่วนนึงลูกชายเองก็ไม่เคยนั่งรถไฟ ก็เลยอยากให้เขาได้เห็น และ ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยลองบ้าง
เอาเป็นว่า ทั้งพ่อและลูกต่างก็ไม่มีประสบการณ์ทั้งคู่ ลองลุ้นดูก็แล้วกัน ว่ารถไฟชั้น 1 จะเป็นอย่างไร? เริ่มต้น รีวิวนั่งรถไฟชั้น 1 รุ่นใหม่ ด้วยการจองตั๋วก่อน
เรื่องของการจองตั๋ว เดี๋ยวนี้ง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก สามารถซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ที่ https://www.thairailwayticket.com/eTSRT/
แต่ถ้าหากเดินทางตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป ทางการรถไฟเขาเปลี่ยนเว็บใหม่ ให้ไปจองกันได้ที่นี่ได้นะครับ https://dticket.railway.co.th/DTicketPublicWeb/home/Home
แต่หากไม่เคยใช้บริการออนไลน์มาก่อน เราก็ต้องสมัครสมาชิกเสียก่อน จากนั้นก็จองตั๋วได้เลย วิธีการสมัครสมาชิก ดูได้ที่ https://dticket.railway.co.th/DTicketPublicWeb/help/#bookticket
สำหรับรถไฟสายใต้ ที่เป็นชั้น 1 ใหม่ล่าสุด ก็ต้องเป็น รถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ ขบวน 31 กรุงเทพ-ชุมทางหาดใหญ่ และ ขากลับก็เป็น ขบวน 32 ชุมทางหาดใหญ่-กรุงเทพ เท่านั้นสำหรับสายใต้
เรื่องของราคา รถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์จะมีแค่ชั้น 1 และ ชั้น 2 ราคาก็แบ่งเป็นประเภทย่อย คือ เตียงบน และ เตียงล่าง (เตียงบนจะราคาถูกกว่า เตียงล่าง) และ ในเว็บ เรายังสามารถเลือกที่นั่งได้อีกด้วย
สำหรับกรณีของแอดมิน เลือกห้องสุดท้าย ติดกับทางไปห้องน้ำ สาเหตุที่เลือกจุดนี้ ก็เพราะสะดวกสำหรับลูกชายในการเดินมาเข้าห้องน้ำ ราคา ก็คือ ชั้น 1 ตู้นอน เตียงล่าง 1,794 + เตียงบน 1,594 รวมเท่ากับ 3,388 บาท สำหรับสองคนพ่อลูก
ในชั้น 1 ห้องจะมี เตียงล่าง และ เตียงบน หากมากันสองคนแบบกรณีของแอดมิน ก็จะได้ห้องเป็นส่วนตัวไปเลย แต่สำหรับบางคน ที่ต้องการเดินทางคนเดียวและอยากได้เป็นห้องส่วนตัว ก็สามารถทำได้ด้วยการเสียเงินเพิ่ม ถ้าจำไม่ผิด 500 บาท เพื่อได้ห้องเดี่ยวไปเลย ราคาก็จะกลายเป็น 2,294 บาท โดยประมาณ
เรื่องของการชำระเงิน ก็ง่าย สะดวก ได้ทั้งผ่านบัตรเครดิต และ บัตรเดบิต ก็ได้
ดูเพิ่มเติม วิธีการจองตั๋วรถไฟทางช่องทางออนไลน์ได้ที่นี่ https://dticket.railway.co.th/DTicketPublicWeb/help/#bookticket
ข้อมูลเพิ่มเติม
รถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ นี้เป็น 1 ใน 4 ขบวนรถด่วนพิเศษรุ่นใหม่ ที่ได้รับพระราชทานชื่อจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับรถด่วนพิเศษของการรถไฟแห่งประเทศไทยในอีก 3 เส้นทาง ได้แก่ อุตราวิถี อีสานมรรคา และอีสานวัตนา
โดยรถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ เป็นขบวนรถด่วนพิเศษในสายใต้ ที่ให้บริการ รถนอนปรับอากาศชั้น 1 รถนอนปรับอากาศชั้น 2 รถเสบียงปรับอากาศ โดยมีความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จอดรับ-ส่งผู้โดยสารเพียงบางสถานีเท่านั้น เปิดเดินรถมาแล้ว ตั้งแต่ วันที่ 2 และ 3 ธันวาคม 2559
โดย รถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ ขาไป ต้องเลือก ขบวน 31 กรุงเทพ-ชุมทางหาดใหญ่ จะออกจากสถานีหัวลำโพงเวลา ประมาณ 14:30 น. และ หากเป็นขากลับ ต้องเลือก ขบวน 32 ชุมทางหาดใหญ่-กรุงเทพ ออกจากหากใหญ่ประมาณ 17:45 น.
พร้อมออกเดินทางไปกับ รถไฟชั้น 1
สำหรับ รถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ จะมีชั้น 1 แค่โบกี้เดียว ที่เหลือจะเป็นตู้นอนชั้น 2 ทั้งหมด โดยชั้น 2 จะมีพิเศษอีกอย่างนึงก็คือ มีโบกี้พิเศษเฉพาะสำหรับผู้หญิงด้วย
สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนไป คือ
- เตรียมตั๋วโดยสาร สามารถปริ้นท์ออกมาแล้วนำไปใช้ได้เลย หรือ จะไปขอออกตั๋วที่ห้องจำหน่ายตั๋วที่หัวลำโพงก็ได้ โดยเอารายละเอียด save ใส่มือถือแล้วไปให้เจ้าหน้าที่เขาตรวจสอบดู
- เตรียมซื้ออาหารการกินไปด้วย เพราะสืบเนื่องจากสถานการณ์โควิด การรถไฟ จึงต้องหยุดให้บริการตู้เสบียงในทุกขบวน นั่นหมายความว่าจะไม่มีอะไรขายเลยในขบวนรถไฟ
แอดมิน และลูกชายก็พลาดในเรื่องนี้ ไม่ได้เตรียมอาหารมื้อเย็นไป ดีว่า ไปถึงก่อนเวลารถไฟออกครึ่งชั่วโมง ก็เลยสามารถหาซื้อของทาน เท่าที่หาได้ที่หัวลำโพง เพื่อเตรียมเอาไว้เป็นเสบียงระหว่างเดินทางได้
- คำแนะนำ ถ้าจะให้ดี ซื้อมาจากข้างนอกดีที่สุด อย่าไปหวังน้ำบ่อหน้า หรือ พึ่งพาหาซื้อที่หัวลำโพง หรือ ตามสถานีปลายทาง เพราะแทบจะหมดลุ้น หากเราเลือกที่จะอยู่ชั้น 1 ค่อนข้างยากที่จะหาซื้อของระหว่างสถานี เพราะบริเวณโบกี้ชั้น 1 จะเป็นแบบส่วนตัว มิดชิด ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาได้
ในรถไฟชั้น 1 เขามีอะไรให้เราบ้าง?
ในตู้ชั้น 1 จะมีประตูทางขึ้นทางลงแค่ทางเดียว แอดมินกับลูกเลือกที่นั่งเบอร์ 23 และ 24 ซึ่งเป็นห้องสุดท้าย อยู่ในสุด คือ ห้องที่ 12 อยู่ติดกับห้องน้ำ แต่ระหว่างห้องนอน และห้องน้ำ จะมีประตูอัตโนมัติ กั้นแบ่งเป็นสัดส่วน
ถ้าหากมากันสี่คน ทั้งสองห้องก็สามารถเปิดห้องหากันได้ เพราะเขามีประตูเชื่อมกันสองฝั่งภายใน ก็ทำให้การเดินทางแบบครอบครัวที่มากันหลายคนสนุกไปอีกแบบ
ในตู้ชั้น 1 เขามี WIFI ให้ใช้ฟรีด้วย “SRT Free WIFI” แต่อย่างที่บอกไป ก็เป็นของฟรี อย่าคาดหวังเรื่องความเร็ว หรือ ความเสถียร บอกได้เลยว่า ช้ามาก ฮา และ หลายๆ ครั้งก็ใช้ไม่ได้
หากจะหวังว่าจะใช้ 4G จากมือถือ ก็ต้องบอกตรงๆ ว่า ใช้ได้บางพื้นที่เท่านั้น เพราะระหว่างทางรถไฟวิ่งไปแล้ว หลายพื้นที่อับสัญญาณ ทำให้ไม่ Work
- ดังนั้น กิจกรรมระหว่างเดินทางที่เหมาะสมกับการนั่งรถไฟ ก็คือ การอ่านหนังสือ หรือ เล่นเกมส์จำพวก Board Games
มาดูในห้องนอนกันบ้าง ว่าในห้องชั้น 1 มีอะไร ให้เราบ้าง?
โดยรวมห้องก็ไม่ได้แคบจนทำให้รู้สึกอึดอัด น่าเสียดายที่ไม่ทันได้ถ่ายรูปที่นั่งในห้องชั้น 1 มีแต่ภาพที่เปลี่ยนจากที่นั่งเป็นเตียงนอนชั้นบน และ ชั้นล่างไปซะแล้ว ในแต่ละเตียงเขาจะให้ผ้าห่ม และ ผ้าเช็ดตัวอย่างละผืน ในห้องจะมีโต๊ะเล็กๆ ติดกับกระจกเอาไว้ให้วางของ ส่วนมาก็วางของกิน และ มีช่องใส่แก้วน้ำ หรือ ขวดน้ำได้สองช่อง
ที่หัวนอนชั้นบนและชั้นล่าง จะมีไฟอ่านหนังสือเอาไว้ให้ ความสว่างหากปิดไฟในห้องแล้ว เพียงพอต่อการอ่านหนังสือไหม? ต้องบอกว่าพอทนได้
นอกจากนี้ ในห้องเขาก็มีปลั๊กไฟ เอาไว้ให้ใช้ด้วย สำหรับใช้งานกับคอมพิวเตอร์ และช่อง USB ใช้สำหรับชาร์จแบตมือถือ หรือ Tablet
- ขอแนะนำว่า อย่าใช้เลยชาร์จแบตมือถือ หรือ Tablet ผ่านช่อง USB ที่เขามีมาให้ เพราะกว่าจะเต็มช้ามากๆ เอา Adapter มาต่อกับปลั๊กไฟแล้วใช้ ชาร์จมือถือ หรือ Tablet จะไวกว่า
ห้องสามารถปิดและล๊อคจากภายในได้ ในห้องจะมีอ่างล้างหน้าส่วนตัว ใช้ร่วมกันสองคน และ และ น้ำดื่มขวดเล็กคนละขวด
- ขอแนะนำ หากเลือกที่จะเดินทางด้วยรถไฟ ซื้อน้ำดื่มมาเผื่อด้วย เพราะที่เขาให้มา ไม่พอดื่มอย่างแน่นอน และ ไม่มีขายอีกด้วย (เพราะสถานการณ์โควิด)
ภายในห้อง ทั้งที่นอนชั้นบน และ ชั้นล่าง เขาจะมีจอ LCD มาให้ เพื่อบอกสถานะว่ารถไฟกำลังจะเดินทางจากสถานีไหน และ สถานีหน้าจะเป็นสถานีอะไร เนื่องจากแอดมินและลูก เดินทางจากต้นสาย คือ สถานีหัวลำโพง ไปสุดสายที่ ชุมทางหาดใหญ่ เลยไม่ต้องกังวล ว่าจะเลยสถานีเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังบอกเวลา ความเร็วของรถไฟ และ มีสื่อต่างๆ ให้ดูด้วย (แต่ไม่มีอะไรน่าสนใจ ฮา)
จอ LCD ยังมีประโยชน์ที่สำคัญอีกอย่างคือ แสดงสถานะของห้องน้ำ ว่าว่างหรือ ไม่ หากเป็นสีเขียวคือว่าง สีแดงคือ มีคนกำลังใช้อยู่ เราจะได้ไม่ต้องออกไปรอคิว หรือ รอเก้อหน้าห้องน้ำ
สำหรับห้องนำ้ ในตู้ชั้น 1 จะมีด้วยกัน 4 ห้อง คือ ห้องน้ำสำหรับผู้ชาย (แบบยืนปัสสาวะ) 1 ห้อง ห้องน้ำสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย 2 ห้อง และ ห้องอาบน้ำ 1 ห้อง
ทุกห้อง สะอาดจริงๆ มีอ่างล้างมือ และ มีกระดาษให้ทุกห้อง ยกเว้น ห้องอาบน้ำ (ห้องอาบน้ำ มีเครื่องทำน้ำอุ่น พร้อมสบู่และยาสระผมแบบเหลวมาให้ด้วย) ส่วนห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันชายหญิง มีสายชำระมาให้ด้วย
เรื่องความสะอาด ถือว่าเป็นเยี่ยม หากเทียบกับประสบการณ์การใช้บริการรถไฟในอดีต ส่วนนึงด้วยเพราะจำนวนผู้โดยสารไม่เยอะ และ พอเป็นชั้น 1 การดูแลเรื่องความสะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ และ หน้าห้องน้ำ ยังมีเจลแอลกอฮอล์ ให้ล้างมืออีกด้วย
เรื่องความปลอดภัย ต้องบอกว่าหายห่วง สบายใจ เพราะชั้น 1 เป็นสัดเป็นส่วนมาก มีทางเข้าออกทางเดียว และ มีเจ้าหน้าที่ประจำตู้คอยเดินตรวจเป็นระยะ ทำให้การเดินทางพร้อมเด็กเล็กมีความอุ่นใจมากขึ้น
เรื่องของการนอน โดยเฉพาะเตียงบน เด็กสามารถนอนเตียงบนได้ (แต่ก็ต้องระมัดระวัง) เพราะเขามีราวกั้น กันตก ลูกชายแอดมิน ถึงแม้ว่าระดับความดิ้นจะมีสูง แต่ก็ปลอดภัย ทั้งขาไปและขากลับ ไม่มีตก
ปัญหาเรื่องของเสียง ถามว่ามีไหม? ก็รถไฟนะ ก็ต้องมีเสียงดังบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่ได้ดังจนถึงขนาดไม่สามารถอ่านหนังสือ หรือ พักผ่อนนอนหลับได้ เอาเป็นว่า ลูกชายแอดมินที่ขึ้นรถไฟครั้งแรก สามารถหลับได้ ถือว่าผ่าน
ปัญหาเรื่องของระบบปรับอากาศ ภายในห้องพักเย็นมาก ถึงแม้จะพยายามปรับด้วยการหรี่ช่องส่งลมเย็นก็แล้ว แต่ก็ยังเย็นอยู่ดี ยิ่งดึกอุณภูมิในห้องยิ่งเย็น ภายในห้องไม่สามารถปรับอุณภูมิได้ ดังนั้นหากเป็นคนไม่ชอบอากาศเย็นมากๆ แนะนำให้ติดเสื้อแจ็คเก็ตและกางเกงขายาว เพื่อเอาไว้ใส่นอนมาด้วย
ปัญหาเรื่องของเวลา รถไฟไทย หากตรงเวลาก็ไม่ใช่รถไฟไทย ยังคง Concept เดิมคือ ช้า ล่าช้า กว่าที่กำหนดเช่นเคย ตามกำหนดการ จะต้องถึงชุมทางหากใหญ่เวลา ไม่เกิน 7 โมงเช้า แต่เอาเข้าจริง ถึงเกือบๆ 10 โมง เหตุที่ช้า ส่วนนึงก็เพราะทราบมาว่า กำลังมีการก่อสร้างรางคู่ ระหว่างทาง จึงทำให้การวิ่งของรถไฟไม่สามารถทำได้เต็มที
ก็ได้แต่หวังว่า เมื่อรางคู่เสร็จ จะวิ่งเร็วกว่านี้สักเท่าตัว เดี๋ยวต้องมาคอยดูกัน อีกปีสองปีข้างหน้า รถไฟไทยจะเปลี่ยนโฉมไปเป็นอย่างไร
บทสรุปของการเดินทาง กับการ รีวิวนั่งรถไฟชั้น 1 รุ่นใหม่ กับรถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ กรุงเทพ – หาดใหญ่
โดยรวม ถึงแม้ว่าระหว่างเดินทางจะพบกับปัญหาบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่การเดินทางด้วยรถไฟ ชั้น 1 ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ โดยเฉพาะกับเด็ก เขาจะได้เรียนรู้ ได้เห็นว่ารถไฟในอีกรูปแบบนึง เป็นอย่างไร?
การได้มีโอกาสได้อยู่กับลูกสองคน ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะนอกจากจะมีประสบการณ์ใหม่ๆ ร่วมกันแล้ว การเดินทางด้วยกันก็เป็นการทำความเข้าใจและรู้จักกันและกันมากขึ้นด้วย เพราะในสถานการณ์ปรกติที่บ้าน เราอาจจะไม่ได้มีเวลาให้กันและกันแบบนี้
การออกมาตะลุยกันแบบทริปสองพ่อลูก จึงทำให้เราได้มีโอกาสคุยกันในเรื่องที่ลูกอยากเป็น เรื่องที่ลูกสนใจจริงๆ ได้มากขึ้น และที่สำคัญ ทุกๆ การเดินทางในรูปแบบใหม่ๆ ที่อาจจะต้องเจอกับอุปสรรคบ้าง ปัญหาบ้าง ก็ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกของเราเช่นกัน เพราะ เขาควรได้เห็น ได้ลองในสิ่งที่เราเคยผ่านมาแล้วบ้าง ควรได้ลองเจอกับปัญหา และได้ลองช่วยเราแก้ปัญหา สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เขามีทัศนคติที่ดี ไม่กลัวกับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย และไม่กลัวกับการที่จะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาในอนาคตได้
ลองดูนะครับ กับประสบการณ์ใหม่ กับรถไฟชั้น 1 รุ่นใหม่ล่าสุดของไทย