
เรียนรู้จากโรคร้าย เรียนรู้จากความไม่แน่นอน ทั้งสองปัจจัยเป็นเรื่องที่กำลังส่งผลกระทบต่อชีวิต และความเป็นอยู่ของคนส่วนมากในยุคนี้
ในบทความนี้เราจะมาพูดคุยและทำความเข้าใจกันมากขึ้น ในเรื่องของความสำคัญที่ว่า เรียนรู้จากโรคร้าย เรียนรู้จากความไม่แน่นอน เป็นอย่างไร? จากมุมมองของ คุณ ทิพยนิภา (ไกรฤกษ์) สมะลาภา
การเรียนรู้ จากโรคร้าย
จากชีวิตที่เพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบ ต้องกลับกลายเป็นชีวิตที่ยืนอยู่บนความไม่แน่นอนและถูกผลักไสให้เข้าใกล้ความตายมากที่สุด
“มีหลายสิ่งในชีวิตของเราที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด แต่อย่างไรก็ตาม ทุกเรื่องย่อมมีทางออกเสมอ”
คุณหนูแดง – ทิพยนิภา ไกรฤกษ์ สมะลาภา เลือกที่จะใช้โอกาสนี้ในการทบทวนความหมายของการมีชีวิต และเธอได้เปิดโอกาสให้ตนเองเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สุดท้ายสิ่งที่เธอค้นพบสามารถนำทางให้เธอกลับมายืนอยู่บนเส้นทางของตัวเองได้อีกครั้ง พร้อมกับก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมีสติ เข้าใจตนเอง เข้าใจผู้อื่น และแบ่งปันความรักให้แก่โลก
ชีวิตที่มั่นคง มีจริงไหม?
ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เกิดจนกระทั่งดำเนินชีวิตมาถึงอายุได้ราว 26 ปี ชีวิตของ คุณหนูแดง – ทิพยนิภา ไกรฤกษ์ สมะลาภา นับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีถึงดีมาก เธอเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ของตระกูลเก่าแก่ ได้รับความรักจากพ่อแม่และญาติพี่น้อง ถูกเลี้ยงดูมาในสภาพแวดล้อมที่ดี พร้อมกับได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ กล่าวได้ว่า เธอเป็นบุคคลที่มีที่มีความมั่นคงปลอดภัยมากที่สุดคนหนึ่ง
คุณหนูแดง เล่าให้เราฟังว่า “หนูแดงเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ ได้รับการประคบประหงมมาก ไม่ค่อยคิดออกนอกกรอบ ไม่ค่อยจะทำสิ่งที่ผิดแผกแตกต่างออกไปจากสิ่งที่เป็นบรรทัดฐานของสังคมมากนัก เราค่อนข้างจะเป็นคนเรียบร้อย ชีวิตในทุกๆ ด้าน ดำเนินไปในทิศทางที่เป็นปกติตามลำดับ ได้เรียนก็สนุก มีความสุขกับเพื่อนๆ ได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่ดี ได้ทำงานที่เราอยากทำ เมื่อสมัครเรียนปริญญาโทก็ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลก เรียบจบมาก็ได้แต่งงานแล้วก็มีลูก ทุกอย่างในชีวิตมันดีขึ้นตลอด”
แต่แล้ววันหนึ่งขณะที่ชีวิตได้ดำเนินไปอย่างมีความสุข หลังจากที่เธอให้กำเนิดบุตรได้เพียง 20 กว่าวัน คุณหนูแดง ก็ได้รับทราบข่าวร้าย ที่ว่าเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย โดยที่ไม่เคยมีอาการใดๆ มาก่อน เหตุการณ์ดังกล่าวนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่สุดในชีวิตของหนูแดง ทิพยนิภา และได้เปลี่ยนแปลงแนวคิดในการดำเนินชีวิตของเธอไปตลอดกาล
“ตอนนั้นเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย พอทราบก็เป็นระยะสุดท้ายเลย ไม่ได้มีอาการอะไรแสดงออกมาชัดเจนให้เรารู้มาก่อน ก่อนหน้านี้สุขภาพก็ดีมาโดยตลอด ในส่วนหนึ่งรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นไปได้ยังไง มันยากที่จะเชื่อเพราะว่าตอนนั้นอายุเรายังน้อย และไม่ได้มีคนที่เป็นมะเร็งในช่วงอายุ 20 กว่าๆ มากนัก” เธอย้อนถึงความรู้สึกเมื่อทราบข่าวร้าย
รักษาโรค รักษาใจ
คุณหนูแดง บอกว่า เมื่อทราบข่าวร้ายที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต คนที่เธอนึกถึงเป็นคนแรกคือลูกที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นาน ขณะเดียวกันก็นึกถึงบุคคลอันเป็นที่รักทุกคนที่ต้องได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว เมื่อตั้งสติได้เธอจึงเข้าสู่กระบวนการของการรักษาภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ ใช้เวลาเพียง 10 เดือนเธอก็หายขาดจากโรคมะเร็งระยะสุดท้ายได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งเปิดโอกาสให้เธอได้กลับมาทำสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือกลับไปทบทวนชีวิตทั้งหมดที่ผ่านมา
“เรื่องนี้ทำให้เราต้องทบทวนทั้งหมดของชีวิตที่ผ่านมา เพราะมันเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว ชีวิตพลิกผันทันที เราไม่เคยคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปในทางพลิกผันกลับไปทางที่แย่ที่สุดหรือคิดว่าเราต้องมาหวาดกลัวจากการอยู่ใกล้ชิดกับความตายมากที่สุดได้ แต่ว่า ณ วินาทีหนึ่งเราเป็นอย่างนั้น มันทำให้เราได้เห็นว่าชีวิตก็เป็นแบบนี้ ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ทำให้เราได้เห็นสัจธรรมของชีวิต เกิด แก่ เจ็บ ตาย และการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายเกิดขึ้นได้เสมอ
“นอกเหนือจากนั้นคือการที่เราป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายในช่วงที่เราอายุน้อยมาก มันทำให้เรารู้ว่าเราจะประมาทไม่ได้อีกแล้ว และเราจะต้องกลับไปทบทวนทั้งหมดของชีวิตเรา ไม่ว่าจะร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ แนวคิด หรืออะไรต่างๆ ที่ประกอบมาเป็นเรา มีอะไรบ้างที่มีผลเป็นปัจจัยเสริมส่งที่ก่อให้เกิดการป่วยนี้ ทำให้เราได้เตรียมตัวมากขึ้นกับชีวิตต่อๆ ไปว่าเราจะดำเนินไปอย่างไร โดยต้องทำให้ชีวิตมีความกลัวต่างๆ น้อยลง ใช้ชีวิตง่ายขึ้น มีความเข้าใจตัวเอง มีความเข้าใจสิ่งรอบตัว และควรจะมีวิถีอย่างไรให้มีทั้งความสุขมากขึ้นและจะใช้ชีวิตอย่างไรให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นมากที่สุด” ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านการยืนอยู่บนเส้นด้ายบางๆ แห่งชีวิตได้กล่าวถึงสิ่งที่เธอรู้สึกและเรียนรู้ในช่วงเวลานั้น
ดูแลภายในเพื่อเข้าใจภายนอก
ถึงแม้ว่า คุณหนูแดง จะผ่านพ้นวิกฤตของชีวิตมาได้แล้วหลังจากเข้ารับการรักษาตัวเป็นระยะเวลา 10 เดือน หากแต่ผลกระทบจากการรักษายังคงต่อเนื่องมา ขณะเดียวกันก็มีบททดสอบของจิตใจอีกหลายอย่างที่เธอจะต้องเรียนรู้และปรับตัว
“เรารักษา 10 เดือนก็จริง แต่ผลกระทบจากการรักษามันต่อเนื่องมาอีกยาวนานพอสมควร เพราะฉะนั้นเราจึงต้องให้เวลากับการดูแลตัวเองทั้งทางร่างกายและจิตใจเยอะมากทีเดียว เป็นระยะเวลาหลายปีที่เราต้องค่อยๆ ใช้ชีวิตไป ต้องปรับตัวอะไรหลายอย่าง พยายามหาวิถีชีวิตที่เป็นปกติ หาวิธีผ่อนคลายความตึงเครียดจากความเจ็บป่วย ความกลัว หรือร่างกายที่ภูมิต้านทานต่ำลงก็ยังบั่นทอนเราอยู่” เธอเล่าถึงชีวิตที่ดำเนินต่อมา และเสริมว่าหลังจากนั้นไม่นานครอบครัวของเธอมีโอกาสย้ายไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง
“สบโอกาสจากการที่ครอบครัวของเราต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศ การที่ได้ไปออสเตรเลียคราวนั้นทำให้ได้ไปเรียนคอร์สที่ชื่อ Holistic Counseling and Life Care เป็นการดูแลร่างกายและจิตใจในแบบองค์รวม โดยปกติแล้วคอร์สนี้จะจัดขึ้นเพื่อผลิตบุคลากรไปให้คำปรึกษานำพาผู้อื่นไปสู่แสงสว่างให้เกิดความเข้าใจภายในตนเอง ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่หนูแดงได้เข้าใจตัวเองหลายอย่างมาก และมีผลอย่างมากเหลือเกินที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่าชีวิตเปลี่ยนในทิศทางที่ทำให้เราสบายขึ้น มีความสุขมากขึ้น”
เธอบอกว่าเมื่อคนเรามีความเข้าใจในตัวเองจนเกิดความกระช่างชัดในอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้น การใช้ชีวิตมีความราบรื่นมากยิ่งขึ้น
“ทุกๆ อย่างเริ่มจากตัวเรา เพราะฉะนั้นไม่ว่าอะไรข้างนอกจะเกิดขึ้น แท้จริงแล้วไม่มีอะไรสำคัญยิ่งกว่าการที่เราทำความเข้าใจกับภายใน ซึ่งจะส่งผลให้เราจัดการดูแลกับสิ่งที่อยู่ข้างนอกได้ด้วยความสบาย ด้วยความมั่นคง ด้วยความราบรื่น” เธอบอกสิ่งที่ได้เรียนรู้
เปลี่ยนแปลงตนเองเชื่อมโยงผู้อื่น
จากความเจ็บป่วย จากช่วงเวลาแห่งการปรับตัว และช่วงเวลาจากการเรียนรู้ทั้งหมดที่ คุณหนูแดง – ทิพยนิภา (ไกรฤกษ์) สมะลาภา ได้ผ่านมา ทั้งหมดได้ทำให้เธอเติบโตขึ้น มีมุมมองใหม่ๆ ที่ทำให้สามารถดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น และมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งต่างๆ อย่างเข้าใจมากขึ้น
“มีหลายสิ่งในชีวิตของเราที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด แต่อย่างไรก็ตามทุกเรื่องมีทางออกเสมอ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องสงบ มั่นคง และรับฟังทั้งตัวเราและผู้อื่น รับฟังสัญญาณต่างๆ ที่จักรวาลนี้มอบให้ เมื่อนั้นทุกอย่างทั้งหมด ย่อมคลี่คลายลงไปได้ตามครรลองของมัน
“สำคัญมากที่เราจะกลับมาที่ตัวเราในทุกๆ เรื่อง กลับมาที่การตระหนักรู้ในส่วนของความรู้สึก ความคิดความเชื่อ กลับมารับผิดชอบกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น เปลี่ยนแปลงตัวเราจากหัวใจที่คำนึงถึงความเชื่อมโยงความรักความเมตตาต่อกันในโลกใบนี้”
เธอบอกว่าเธอให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ต่อตนเอง เพราะการดูแลตนเองอย่างอ่อนโยนจะส่งผลดีต่อทั้งตนเองและผู้อื่น รวมถึงต่อโลกโดยรวมด้วย
“หนูแดงให้ความสำคัญมากกับเรื่องของความสัมพันธ์ สิ่งนี้จะต้องเริ่มจากความสัมพันธ์ต่อตัวเราเอง เมื่อความสัมพันธ์ที่เราให้กับตัวเราเป็นไปในทางที่เป็นความเข้าใจและความอ่อนโยนจะทำให้เราเชื่อมโยงกับตัวเองอย่างลึกซึ้ง และก่อให้เกิดความสามารถในการเชื่อมโยงความเข้าใจกับผู้อื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเมื่อเรามีความรักความเข้าใจที่แน่นแฟ้นต่อตัวเองและผู้อื่นจะมีพลังมากมายภายในตัวที่พร้อมจะทำสิ่งที่ดีอีกมากมายให้กับโลก”
เรื่องราวทั้งหมดนี้ของ คุณหนูแดง – ทิพยนิภา (ไกรฤกษ์) สมะลาภา จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของการเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสในการเรียนรู้
“สุดท้ายแล้วชีวิตก็ไม่ได้มีอะไรที่ต้องห่วง กลัว และกังวล มันเป็นการเรียนรู้ที่สนุก มันเป็นการเดินทางในแต่ละจุดที่สามารถทำให้รื่นรมย์ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเรา แน่นอนเราต้องเจอกับความทุกข์ เราต้องเจอกับสิ่งที่เราไม่พึงพอใจ แต่นั่นก็จะเป็นการเรียนรู้เป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดสำหรับเรา”
เรื่องราวอ้างอิงบทสัมภาษณ์ของ คุณหนูแดง ทิพยนิภา (ไกรฤกษ์) สมะลาภา
จากโครงการ พื้นที่เรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง (Transformative Learning)
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ โครงการ พื้นที่เรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง (Transformative Learning) สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
โจน จันใด ประสบการณ์ที่เลวร้าย ก็ถือเป็นครูอีกคนนึง ที่ให้บทเรียนที่ยากที่สุดให้แก่เรา
พี่ต่อ-ธนญชัย ศรศรีวิชัย ชีวิตคือการตั้งคำถาม เพื่อให้เรากล้าที่จะท้าทายตนเอง ให้กล้าออกจากจุดเดิมๆ
คุณเหมี่ยว – ปิลันธน์ ไทยสรวง เรียนรู้ผ่านการทำงาน กับผู้คนและชุมชน เพื่อดึงศักยภาพที่พวกเขามีอยู่แล้วออกมา