การใช้อารมณ์นำ เหนือเหตุผล ทำให้ต้องลงเอยกับปัญหามากมายที่ตามมา เช่น ความบาดหมาง ความขัดแย้ง ระหว่างเพื่อนร่วมงาน หรือ การสูญเสียโอกาสดีๆ ไป
ด้วยเพราะคนต่างก็ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นจากปัจจัยภายนอก หรือ ภายใน หลายๆ ปัจจัยก็ควบคุมไม่ได้ เช่น เรื่องการมาของโควิด ปัญหาเศรษฐกิจที่ตามมา ทำให้เกิดการว่างงาน รายได้หดหาย ตกงาน ภาวะเครียด วิตกกังวล กับคนทำงาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวกระตุ้นทางอารมณ์ชั้นดี ที่ทำให้หลายคนที่ควบคุมและบริหารจัดการอารมณ์ของตนเองไม่ได้ ต้องประสบปัญหาในการดำเนินชีวิต
Emotional Intelligence หรือ ภาษาไทย เรียกว่า ความฉลาดทางอารมณ์ จึงเป็นทักษะที่น่าสนใจในยุคนี้ เพราะจะช่วยเราลดปัญหา การใช้อารมณ์นำ ในทุกๆ การตัดสินใจได้ และ ยังช่วยให้เราสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นๆ ในสังคมทำงาน ได้ด้วยเช่นกัน
เพื่อให้เข้าใจในเรื่องของ Emotional Intelligence หรือ ความฉลาดทางอารมณ์ เราลองมาดูตัวอย่างเรื่องราวจากแฟนเพจ ที่เกิดขึ้นในบริษัทแห่งนึง
ดังตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบริษัทแห่งหนึ่ง
ในวันจันทร์ที่ยุ่งเหยิง … ขณะที่โอมกำลังยุ่งกับงานกองโต อันเนื่องมาจากปริมาณงานที่เจ้านายมอบหมายมาให้เขา และในวันนี้ก็เช่นกัน เป็นวันที่เจ้านายใหญ่ จะประกาศว่าใครจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแผนกคนใหม่ (แทนคนเก่าที่ลาออกไป)
โอมทำงานที่นี่มาประมาณ 6-7 ปีแล้ว และเขาก็คิดว่า เขาน่าจะได้ตำแหน่งนี้ เพราะที่ผ่านมาเจ้านายใหญ่ ก็มักจะมอบหมายงานมามากมายให้เขาทำเป็นประจำ และที่สำคัญในแผนกนี้ เขาอาวุโสสูงสุด เขาจึงมั่นใจมากว่า ตำแหน่งผู้จัดการแผนกต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน
แต่เรื่องกลับไม่ได้เป็นอย่างงั้น …. เจ้านายใหญ่ ส่งอีเมล์ประกาศเปิดตัวหัวหน้าแผนกคนใหม่ ซึ่งเป็นคนนอก มาจากบริษัทต่างชาติ ที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการ
โอม เมื่อได้อ่านอีเมล์ ก็โกรธมาก และ รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงกับตบโต๊ะเสียงดัง แล้วลุกเดินออกจากโต๊ะทำงานไป โอมเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปที่ห้องผู้จัดการใหญ่ เพราะ เขาต้องการคำอธิบายเดี๋ยวนี้ ว่าทำไมเขาไม่ได้ตำแหน่งนี้
พอถึงห้องเจ้านายใหญ่ เจ้านายก็ทักทายโอมว่า “มาก็ดีแล้วโอม ผมกำลังอยากคุยกับคุณอยู่พอดีเลย เข้ามาคุยกันในห้องผมเลย”
พอโอมเข้ามานั่งในห้องเจ้านายใหญ่ เขาก็เปิดประเด็นทันที ด้วยการพูดอย่างโมโหว่า “ทำไมเจ้านายถึงไม่ให้โอกาสผม ผมไม่ดีตรงไหน ทำไมไม่มองเห็นค่าของคนในบ้าง คนที่ทำงานหนักเพื่อองค์กรมาโดยตลอด”
“เดี๋ยวๆ คุณใจเย็นก่อน ฟังผมก่อน” เจ้านายพยายามพูดให้โอมใจเย็นลง
“ผมว่า เจ้านายไม่ยุติธรรม ที่ผ่านมาหลอกใช้ผมใช่ไหม ผมไม่ดีตรงไหน” โอมพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“ผมไม่เคยหลอกคุณ คุณคิดไปเองหรือเปล่า ก็คุณมันก็เป็นแบบนี้แหละ ผมถึงให้เป็นหัวหน้าไม่ได้ คุณไม่รู้ตัวบ้างเหรอ ว่าน้องๆ ในทีม ไม่มีใครเขาอยากทำงานกับคุณเลยสักคน”
“เพราะคุณควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เข้ากับคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ เจออะไรนิด อะไรหน่อยก็โวยวาย คุณทำงานก็เน้นเอาแต่ผลงานของตัวเองเป็นหลัก จนน้องๆ ในทีมมาขอย้ายแผนกกันหลายคน เพราะเขาทำงานกับคุณไม่ได้ นี่พวกเขายังบอกผมอีกว่า ถ้าผมให้คุณเป็นหัวหน้า พวกเขาขอลาออกทั้งแผนกเลย”
เมื่อโอม ได้ยินก็ถึงกับอึ้ง และ ก็ตอบกลับมาว่า “ก็น้องๆในทีม ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ผมเป็นมืออาชีพ เน้นที่ผลลัพธ์ ไม่ได้มาทำงานไปวันๆ และ อีกอย่าง ผมเองก็มั่นใจว่า ผมไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้านายว่า”
“ในเมื่อคุณคิดได้แค่นี้ ผมคิดว่าเราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว” เจ้านายพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา บวกกับอาการไม่พอใจเป็นอย่างมาก
โอมก็หันหลังกลับไป แล้วเดินออกจากห้องเจ้านายใหญ่ไป ด้วยความฉุนเฉียว และบ่นงึมงำตลอดทาง
ในเมื่อ โอม ทำแบบนี้ หน้าที่การงานของเขาจะเป็นอย่างไร? ชีวิตการทำงานของเขาจะลงเอยแบบไหนกับที่นี่?
คงไม่สวยงามแน่นอนใช่ไหม… เพราะ คงไม่มีใครอยากทำงานกับเขา และ เขาก็คงไม่อยากทำงานกับใครๆ
ถ้าเป็นแบบนี้ บริษัท เจ้านายใหญ่ หรือ หัวหน้าแผนกคนใหม่ จะเก็บโอม เอาไว้ไหม? จากเรื่องราวของโอม เราเรียนรู้ อะไรบ้าง?
เรื่องของ Emotion หรือ อารมณ์
การใช้อารมณ์เป็นตัวนำ ในทุกๆ การตัดสินใจ (โดยเฉพาะเรื่องการทำงาน) บอกได้เลยว่าพังแน่นอน จริงๆ เรื่องอื่นๆ ของชีวิตก็สามารถทำให้ชีวิตพังได้เช่นกัน
ดังตัวอย่างเช่น อาการน๊อตหลุดของโอม ที่พอไม่ได้อะไรดังใจ หรือ มีคำพูดอะไรก็ตามที่ไม่ชอบ ก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ หรือ ไม่สามารถวางตัวให้อยู่ในจุดที่เป็นมืออาชีพได้ และ ยิ่งไปโต้ตอบระหว่างที่มีอารมณ์ขุ่นมัว ผลที่ตามมา ก็มีแต่เสียกับเสีย เพราะในสภาวะตอนนั้นอารมณ์คือตัวผลักดัน จึงขาดในเรื่องของเหตุผลไปโดยสิ้นเชิง
การคิดเข้าข้างตนเอง ด้วยการมีอคติ โดยมีมุมมองที่เห็นแต่ความสำคัญของตนเองเป็นใหญ่ มันก็สามารถทำลายโอกาส ทำลายหน้าที่การทำงานได้เช่นกัน ดังตัวอย่างเช่น การที่เจ้านายพยายามจะให้ Feedback เพื่อนำไปสู่การปรับปรุง แต่ตัวโอมเอง กลับมองว่า เป็นการตำหนิไปซะงั้น เลยไม่เกิดการปรับปรุง หรือ พัฒนาในจุดด้อยของเขาในตรงนี้
เรื่อง ความฉลาดทางอารมณ์ หรือ Emotional Intelligence จึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับคนทำงาน
ถ้าเราสามารถรับรู้และเข้าใจอารมณ์ของเราได้ บวกกับมีวิธีการและกระบวนการในการควบคุม เราก็จะสามารถดำเนินชีวิตในการทำงาน และ ทำงานร่วมกับคนอื่นๆ ได้ง่าย และ มีความสุขมากขึ้น
และ ที่สำคัญ เรื่อง ความฉลาดทางอารมณ์ หรือ Emotional Intelligence ได้ถูกจัดเป็นทักษะที่สำคัญ ที่คนทำงานต้องมีในยุคนี้ (จัดอันดับที่ 6 ว่าเป็นทักษะที่นายจ้างยุคนี้และยุคหน้าต้องการ – The 10 Top Skills That Will Land You High-Paying Jobs by 2020, According to the World Economic Forum)
ดังนั้น ถ้าเรายังไม่มี หรือ ไม่เรียนรู้ทักษะนี้ คงจะพลาดโอกาสงานดีๆ หรือ โอกาสที่กำลังจะมาถึงแน่ๆ เพราะนับจากนี้เป็นต้นไป ทุกอย่างก้าวของชีวิต เราต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วอีกมาก หากไม่มีทักษะ Emotional Intelligence เอาไว้ช่วยในการบริหารจัดการอารมณ์ ในท้ายที่สุด เราก็จะกลายเป็นทาสของอารมณ์ไปโดยปริยาย
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ Emotional Intelligence สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
Emotional Intelligence ความฉลาดทางอารมณ์ ที่คนอยากประสบความสำเร็จจำเป็นต้องมี
การใช้อารมณ์ ทำให้ชีวิตและหน้าที่การงาน พังลงอย่างง่ายดาย