ตามหาอาชีพที่ใช่ หรือ งานในฝัน มักเป็นประเด็นที่หลายคนสนใจ และ ก็อยากรู้ เพราะใครๆ ก็คงอยากเริ่มต้นการทำงานกับอาชีพที่ใช่ และ งานที่ตนเองชอบ แต่ในความเป็นจริง กลับไม่เป็นแบบนั้น อาจด้วยเพราะเราเองก็ยังไม่รู้ว่า งานในฝัน หรือ งานที่เราอยากทำที่แท้จริง คืออะไร?
แล้วเราจะเริ่มต้นอย่างไร กับการ ตามหาอาชีพที่ใช่ หรือ งานในฝัน
อาชีพที่ใช่ หรือ งานในฝัน หากใครก็ตามได้ทำงานแบบนี้จริงๆ ถือว่าโชคดีมาก คงจะมีความสุขทุกวัน อยากตื่นเช้าเพื่อไปทำงาน และ อยากพัฒนาตนเอง เพิ่มขีดความสามารถของตนเองเพื่อให้ผลงานออกมาดีย่ิงๆ ขึ้นไป
แต่ก็มีอีกหลายคน อาจจะยังเลือกไม่ได้ มีงานอะไร ก็ต้องเริ่มทำไปก่อน หรือ บางคนอาจจะใช้เวลากว่าค่อนชีวิตในการ ตามหาอาชีพที่ใช่ หรือ งานในฝัน แต่ก็ยังไม่เจอเลยสักที
แอดมินได้มีโอกาส อ่านบทความ 7 lessons about finding the work you were meant to do เขียนโดย Kate Torgovnick May นักเขียนจาก TED.com แอดมินมองว่า บทความของ Kate มีแง่มุมที่มีประโยชน์ เลยอยากเอามานำเสนอ ให้เป็นวิธีการ อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับ คนที่กำลังตามอาชีพที่ใช่ หรือ งานในฝัน
ในบทความของ Kate เธอได้ให้ความหมายของอาชีพหรืองานที่ใช่ เอาไว้ว่า “เป็นงานที่เราตั้งใจจะทำมันโดยที่เช้าวันจันทร์ของเราจะไม่ได้รู้สึกอยากตายที่ต้องตื่นไปทำงาน แต่รู้สึกยินดีทุกวินาที ที่จะได้ตื่นเข้ามาเพื่อไปเจอกับมันอีกครั้ง”
ในบทความของ Kate เธอได้เขียนเล่าเรื่องเกี่ยวกับการตามหาอาชีพที่ใช่ ซึ่งเป็นเรื่องราวจากหนังสือของ Dave Isay ผู้ก่อตั้ง StoryCorps เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่เป็นพื้นที่ในการแบ่งปันเรื่องราว ความเชื่อ และประสบการณ์ชีวิตแก่กัน
“เราต้องไม่ใช่แค่หาอาชีพที่ใช่ แต่เราต้องสู้เพื่อมัน”
Isay เล่าว่า การต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอาชีพที่ใช่ ถือเป็นการต่อสู้ที่คุ้มค่ามาก โดยส่วนใหญ่เมื่อเราเจอมันแล้ว เรามักจะต้องทำการตัดสินใจครั้งใหญ่ และจำเป็นต้องเสียสละบางอย่างเพื่อให้ได้มันมา
เพราะอาชีพที่ใช่ เราจะรู้สึกว่ามันคุ้มค่า เมื่อเรามีเช้าวันจันทร์ที่สดใส และดีใจที่จะได้ออกไปเจอกับมันอีกครั้ง ดูแล้วเป็นเรื่องราวอีกมุมของการทำงานที่ดูมีความสุขมากเลยใช่ไหม? เพราะความรู้สึกและความต้องการแบบนี้นั่นเอง เราถึงจำเป็นต้องหาอาชีพที่ใช่ อาชีพที่เราจะสามารถอยู่กับมันไปได้ทั้งชีวิต
ด้วยเหตุที่เราต้องการหางานที่ใช่นี้เอง Isay จึงได้นำเสนอแนวทางเป็น 7 วิธีการ ในการเอาชนะ (อย่างยากลำบาก) เพื่อค้นพบอาชีพที่ใช่ เอาไว้ดังนี้
1. อาชีพที่ใช่ คือ จุดร่วมของสิ่งที่เราทำได้ดี เห็นคุณค่าของมัน และเชื่อว่างานที่ทำ จะช่วยทำให้ชีวิตคนดีขึ้น
จุดร่วมของ 3 สิ่งนี้ (งานที่เราทำได้ดี งานที่ทำให้ชีวิตคนดีขึ้น และ งานที่เรายินดีและมีความสุขที่จะทำ) คือ อาชีพที่ใช่สำหรับเรา ที่จุดนี้ เราเรียกว่า Calling คือ งานที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด
“ปิดเสียงพูดคุยของเพื่อน ครอบครัว และสังคมที่คอยบอกว่า เราต้องทำอย่างไร เข้าไปให้ลึกในตัวของเรา หาความจริงที่เราก็รู้อยู่แล้วภายในนั้น”
แต่การหาอาชีพที่ใช่ มันไม่ได้ง่าย เหมือนกับการเดินไปตามท้องถนนแล้วเจอเลย แต่มันก็ไม่ได้ยาก ถึงขนาดที่ต้องเดินทางไปทั่วโลกเพื่อตามหามัน เราสามารถหามันได้โดยใช้ตัวเราเป็นตัวแปรในการหามัน โดยเราต้องตัดความคิดเห็นคนรอบข้างออกไปเสียก่อน ตัดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หรือ การถูกยัดเยียดความเห็นของพวกเขา (ผู้หวังดี แต่ไม่เข้าใจในตัวเรา) ออกไปก่อน เพราะยิ่งเราไปรับฟัง ยิ่งแย่ ยิ่งทำให้เราไม่กล้าออกตามหางาน หรือ อาชีพที่เราต้องการจริงๆ
เราต้องหาสิ่งที่เป็นตัวเราจริงๆ อะไรที่เราทำได้ดีจริงๆ อะไรที่เราเล็งเห็นถึงคุณค่าของมัน และ จะดีเป็นอย่างยิ่ง หากงานนั้นมันช่วยทำให้ชีวิตผู้คนดีขึ้นได้ด้วย
2. อาชีพที่ใช่ มักมาพร้อมกับประสบการณ์ที่ยากลำบาก
ในตอนที่เงียบที่สุด เราอาจจะได้ยินเสียงความต้องการของตนเองได้ชัดเจนมากที่สุดก็ได้ เพราะชีวิตของเรามักไม่ค่อยมีเวลาที่เราได้เงียบ หรือ ได้หยุดนิ่ง เพื่อรับฟังเสียงในใจของเราเอง
“ประสบการณ์ช่วยเตือนให้เราเห็นความตายชัดเจนขึ้น และหลายครั้งที่มันช่วยทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง”
Isay เล่าว่า บางทีความชัดเจนของเรา อาจจะเกิดขึ้นในตอนที่เรากำลังประสบพบกับเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตก็ได้ เขาได้ยกตัวอย่าง เรื่องราวของ Ayodeji Ogunniyi ขึ้นมา และเล่าว่า ระหว่างที่ Ayodeji กำลังเรียนหมอ พ่อของเขาถูกฆ่าตาย ด้วยเหตุการณ์นี้เอง ทำให้เขาได้ค้นพบตนเองว่า เขาอยากเป็นครู และทุกครั้งที่เขาเดินเข้าไปสอนในห้องเรียน เขาจะรู้สึกว่าพ่อเดินมากับเขาเสมอ
3. อาชีพที่ใช่ จะทำให้เรากล้าหาญ
“อาชีพที่ใช่ จะถูกจุดไฟด้วยความหวัง ความรัก และความท้าทาย”
อาชีพที่ใช่ มักมาในสถานการณ์ที่ยากลำบาก สถานการณ์ที่อยู่ในสถานะที่ยากจะยอมรับ แต่เราก็จะได้รับความกล้าหาญในการฟันฝ่าสิ่งต่างๆ เพื่อไปให้ถึงมันจนได้ ถึงแม้จะมีอุปสรรค มีความล้มเหลว มีเสียงคนรอบข้างที่ไม่เห็นด้วย แต่เราจะสามารถผ่านมันไปได้ เราจะมีแรงจูงใจมากพอในการข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆที่ถาโถมเข้ามาได้
4. บางที เราก็อาจจะโดนผลักดันเข้าไปเจออาชีพที่ใช่
Isay เล่าเรื่องราวของ Sharon Long เธอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในคณะอักษรศาสตร์ โดยที่ในหลักสูตรมีหมวดหมู่วิชาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ที่เธอต้องเก็บหน่วยกิตให้ครบ ที่ปรึกษาของเธอแนะนำให้เธอลงเรียนในวิชา นิติมานุษยวิทยา เพราะเป็นวิชาที่ง่ายที่สุดในหมวดนั้น ในวินาทีที่ Sharon นั่งลงบนเก้าอี้ห้องเรียน และอาจารย์เริ่มสอน คล้ายกับมีระเบิดตู้มอยู่ในหัวของเธอ แล้วเธอก็คิดได้ว่า…นี่แหละ คือสิ่งที่ฉันต้องการจะทำ
เหตุการณ์นี้ ก็คงคล้ายๆ กับใครหลายคน เช่น ต้องถูกบังคับให้ไปทำงานที่ไม่ชอบ (ทั้งๆ ที่ก็ไม่เคยทำมาก่อน) แต่พอได้เริ่มทำกลับรู้สึกชอบ และ อยากทำมาก
5. สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการเจออาชีพที่ใช่ก็สำคัญ
อาชีพที่ใช่ ไม่ใช่งานประเภทเมื่อถึงจุดหมายแล้วจบ
แต่มันคืองาน หรือ กิจกรรมที่เกิดขึ้นแบบต่อเนื่อง ซึ่งการดำเนินการของมันจะไม่มีที่สิ้นสุด การไล่ตามหามัน อาจจะทำให้เราต้องย้อนกลับไปคิดถึงตอนเรียน ตอนฝึกงาน หรือตอนเริ่มธุรกิจครั้งแรก แต่การดำเนินการเหล่านี้ไม่เคยจบสิ้น เมื่อเราได้เริ่มแล้ว มันจะถูกต่อยอดไปเรื่อยๆ ยังมีผลลัพธ์อย่างเช่น ในเรื่องความก้าวหน้าและความสำเร็จที่รอเราอยู่
6. อายุไม่ใช่ข้อจำกัดของการค้นหา หรือ เริ่มต้นกับอาชีพที่ใช่
เพราะการหาตัวเองจนเจอ ไม่ได้ถูกกำหนดไว้ว่าอายุเท่าไรถึงจะเจอ หรือต้องหาให้เจอก่อนอายุเท่าไร?
“การทำงานในอาชีพที่ใช่ เป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าพึงพอใจที่สุด และเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำที่สุดที่คนเราสามารถมีได้ ดังนั้นอย่าเพิ่งยอมแพ้”
Isay เล่าให้ฟังว่า ตอนเขาอายุ 21 ปี เขาได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มการก่อเหตุจลาจล Stonewall ในตอนที่เขาเริ่มกดปุ่มบันทึกการสัมภาษณ์ เขารับรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องการจะเป็นนักข่าว ต้องการที่จะสัมภาษณ์ผู้คนไปตลอดชีวิตของเขา และเขาก็รู้สึกโชคดีมาก ที่เขาสามารถหามันเจอตั้งแต่ที่อายุยังน้อย เพราะเขายังเหลือเวลาอีกมากกับการหมกหมุ่นเกี่ยวกับอาชีพที่ใช่ ที่เขาตามหามาตลอด 21 ปีของเขา
ร่องรอยของงานที่ใช่ อาชีพที่เราอยากทำ ซ่อนอยู่ในทุกๆ กิจกรรมในการดำเนินชีวิตของเรา เราอาจจะต้องหัดเป็นนักสืบ คอยสังเกต คอยแกะรอย สิ่งที่เราได้ทำ ได้มีประสบการณ์ เพื่อค้นหาอาชีพที่ใช่สำหรับเรา
7. อาชีพที่ใช่ มักไม่ได้มาพร้อมค่าตอบแทนที่สูงในครั้งแรก
เรื่องเงิน หรือ เรื่องรายได้ สำคัญก็จริง แต่ก็อย่าลืมว่า อาชีพที่ใช่ อาจจะไม่ได้ เริ่มต้นด้วยค่าตอบแทนที่สูงตั้งแต่แรก คนส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นทำงานกับงานที่ให้ค่าตอบแทนสูงก่อน เพราะแน่นอนว่าในปัจจุบันเงินมักเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนเราอยู่ได้ จนบางคนก็เลือกที่จะทิ้งความฝันของตัวเองไปเพื่อเงิน แต่ก็มีบางคน พวกเขาเลือกลาออกจากงานที่ให้ค่าตอบแทนสูงไป หางานที่ค่าตอบแทนต่ำกว่า แต่ได้รับความพึงพอใจมากกว่า เพราะนี่คือ งานที่ใช่สำหรับพวกเขา
“ทำงานน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ได้เงินสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นี่แหละ คือความฝัน”
ในหนังสือของ Isay ยังมีการเล่าเรื่องราวการตามหาและการพบเจอ Calling หรืองานที่ใช่ของคนอีกมากมาย ซึ่งเขาได้รวบรวมเรื่องราวดีๆเหล่านี้ไว้มากมาย แล้วใส่หนังสือที่ชื่อ Calling: The Purpose and Passion of Work
โดยในตอนท้ายของหนังสือ เขาได้ทิ้งคำกล่าวไว้ว่า “ไม่มีเศรษฐีเงินล้าน พันล้าน หรือคนดัง ไม่มีใครมีผู้ติดตามในทวิตเตอร์จำนวนมาก มีเพียงเรื่องเล่าที่จะสอนเราได้มากเลย เกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่”
บทสรุป
ใครๆ ก็อยากทำอาชีพที่ใช่ หรือ งานในฝัน และ คงไม่มีใครอยากจมอยู่กับความทุกข์ในงานที่ไม่ใช่ไปตลอดทั้งชีวิต ทุกคนล้วนมีความฝัน ความต้องการ ซึ่งบางครั้ง มันก็ถูกเปลี่ยนแปลงไป โดยสิ่งแวดล้อมรอบข้างที่เข้ามากระทบเรา จนกลบความต้องการที่แท้จริงของเราเอาไว้จนมิด
ลองหาเวลาอยู่คนเดียว ทบทวนเหตุการณ์ และ เรื่องราวที่ผ่านมา ลองถามตัวเอง เพื่อดึงความต้องการที่แท้จริงออกมา ตามหา calling ของตัวเราเอง แล้วลองต่อสู้เพื่อมันดูสักตั้ง หมั่นพัฒนาตนเองอยู่เสมอ แล้วเราก็จะประสบความสำเร็จไปทิศทางที่เราได้เลือกเอง
“การต่อสู้ในเส้นทางที่เราได้เลือกเอง จะเป็นการต่อสู้ที่คุ้มค่าและน่าจดจำเสมอ”