ต้นแบบของโรงพยาบาลสนาม แห่งแรกของไทย คือที่นี่ ที่โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ จากจุดเริ่มต้น ที่มีแค่ 308 เตียง มาวันนี้ กลายเป็น 470 เตียงแล้ว
ในตอนที่แล้ว หลังจากที่เราได้ฟังเรื่องราวจุดเริ่มต้นการรับมือโควิด-19 ของบุคลากรทางการแพทย์และ การใช้หัวใจทำงานจากพี่แหวน หรือคุณปริศนา ปทุมอนันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาลไปแล้ว
ในตอนนี้แอดมินจะพาพวกเรามาทำความรู้จักกับโรงพยาบาลสนามแห่งแรกของประเทศไทยกัน ว่ามีความเป็นมาอย่างไร? และ ทำไมทีนี่ โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ถึงได้เป็น ต้นแบบของโรงพยาบาลสนาม ให้กับโรงพยาบาลสนามอื่นๆ ในปัจจุบัน
แอดมิน จะพาทุกคนไปพบกับ ผศ.นพ.ฉัตรชัย มิ่งมาลัยรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ผศ.นพ.ฉัตรชัย จะมาเล่าให้เราฟัง ว่าจากวันแรก ที่มีแค่ 308 เตียง สู่การรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในวันนี้ ได้มากถึง 470 เตียง เรื่องราวที่ผ่านมาเป็นอย่างไร?
ทำไม เราจำเป็นต้องมีโรงพยาบาลสนาม?
ผศ.นพ.ฉัตรชัย มิ่งมาลัยรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ บอกกับเราว่า ถ้าโรงพยาบาลหลักรับคนไข้โควิด-19 เข้าไปทั้งหมด โรงพยาบาลจะเต็มและอาจจะทำให้คนไข้อื่นๆได้รับผลกระทบไปด้วย ทางโรงพยาบาลจึงเกิดไอเดียเปลี่ยนอาคารสถานที่ให้เป็นโรงพยาบาลสนาม ดึงตัวบุคลากรทางการแพทย์เข้ามาช่วย แล้วจึงเกิดเป็นโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ขึ้นมา เพื่อรองรับคนไข้โควิด-19 ที่ไม่มีอาการ ไปจนถึงมีอาการแต่ไม่รุนแรง หากมีอาการรุนแรงจึงส่งตัวไปที่โรงพยาบาลหลัก ซึ่งการมีโรงพยาบาลสนามทำให้โรงพยาบาลหลักว่างและพร้อมรับคนไข้ที่อาการหนักอยู่เสมอ
“เรารับคนไข้โควิด-19 ทุกคน ทุกเคส เข้าโรงพยาบาลของเรา”
ผศ.นพ.ฉัตรชัย เล่าว่า หนึ่งในความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจของบุคลากรทางการแพทย์ในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ของประเทศไทยคือ การควบคุมเชื้อและการมีอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งในตอนนี้ ประเทศที่สามารถทำแบบนี้ได้ ก็มีเพียงประเทศจีนและประเทศไทยเท่านั้น
การมีโรงพยาบาลสนาม ทำให้ประเทศไทยมีโมเดลการรักษาในรูปแบบที่รับคนไข้โควิด-19 ทุกคนเข้ามาดูแลรักษาภายในโรงพยาบาล ไม่ว่าอาการจะหนักหรือเบา คุณมีสิทธิ์ได้เข้ามาอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดทุกคน การควบคุมเชื้อจึงดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและยับยั้งการแพร่เชื้อของคนภายในประเทศในรอบแรกได้ในที่สุด
“308 เตียง เป็นเลขมงคล หรือเปล่า”
อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจของโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ นั่นก็คือ มีจำนวน 308 เตียง หลายคนมักถามว่า ตั้งใจหรือเปล่าที่จะให้มีแค่ 308 เตียง?
ผศ.นพ.ฉัตรชัย เล่าให้เราฟังว่าความจริงให้เราฟังว่า อันที่จริงแล้ว สถานที่ ที่ทางโรงพยาบาลเปลี่ยนให้มาเป็นที่รองรับผู้ป่วยโควิด-19 นั้น เคยเป็นหอพักมาก่อน ซึ่งมีทั้งหมด 308 ห้อง พอดี ทางโรงพยาบาลก็เลยเปลี่ยนห้องทั้งหมดให้เป็นโรงพยาบาลสนาม และด้วยเหตุที่เลขลงท้ายด้วยเลข 8 ก็ให้ความรู้สึกเป็นเลขมงคล ซึ่งก็ดีเหมือนกัน
ความเข้าใจผิด เกี่ยวกับภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลสนามที่คนเห็นผ่านสื่อต่างๆ
มุมมองของคนภายนอก ที่มองเข้ามายังโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ส่วนใหญ่คิดว่าดูไม่ดี ดูไม่ปลอดภัย เพราะสื่อที่ออกไปไม่ได้แสดงให้เห็นทุกด้านของการทำงานอย่างแท้จริง
ผศ.นพ.ฉัตรชัย บอกกับเราว่า ความจริงแล้ว ทางโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ มีการวางระบบควบคุมที่ได้มาตรฐาน ทั้งสำหรับคนไข้และบุคลากรทุกคนที่เกี่ยวข้อง เรามีการประเมินทุกวัน มีการตรวจสอบตั้งแต่คนไข้ บุคลากร จนถึงขยะที่มาจากโรงพยาบาล แม้แต่น้ำเสียหรือน้ำทิ้งที่ระบายออกจากโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ก็ต้องผ่านการบำบัดให้ปลอดภัยเสียก่อน
“ระหว่างตลาดตั้งใกล้บ้าน กับโรงพยาบาลสนามตั้งใกล้บ้าน โรงพยาบาลสนามปลอดภัยกว่า”
สาเหตุเพราะ โควิดจะน่ากลัวก็ต่อเมื่อเราไม่รู้ว่าใครเป็น หรือ ใครติดมาบ้าง? แต่ภายในโรงพยาบาลสนาม เรารู้ว่าใครเป็นบ้าง ทำให้เราสามารถป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อได้ แต่หากเป็นในตลาด อาจจะมีผู้ป่วยโควิด-19 เดินจับจ่ายใช้สอย สวนกันไปมา โดยที่เราเองก็อาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ ซึ่งตรงนี้เอง ที่ทำให้เกิดความเสี่ยง และมีการติดเชื้อด้วยสาเหตุเหล่านี้เป็นจำนวนมาก
ปัญหาของโรคนี้ที่แท้จริงคือ โรคทางใจ ไม่ใช่ทางกาย
คนไข้โควิด-19 ส่วนใหญ่ มักจะมีอาการทางจิตใจหนักกว่าอาการทางร่างกาย เพราะหลังจากที่ติดเชื้อ คนไข้จะมีความเครียดสูงมาก อันเรื่องมาจากอาการวิตกกังวลในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น “ฉันจะตายไหม?” “ลูกๆ จะอยู่อย่างไร?” หรือ “ครอบครัว จะเป็นอย่างไรบ้าง?”
ทางโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ได้เล็งเห็นถึงปัญหาตรงนี้ ทางเราจึงได้จัดตั้งทีมจิตแพทย์ เอาไว้คอยช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา เพื่อเยียวยาสภาพจิตใจ ให้แก่ผู้ป่วย โควิด-19 ทุกคน
สิ่งที่น่ากลัวคือการแพร่เชื้อ ไม่ใช่อาการจากเชื้อ
ถ้าเปรียบเทียบโควิด-19 กับโรคอื่นๆแล้ว ถือว่าโควิด-19 มีอาการที่เบากว่าโรคอื่นๆ แต่สิ่งที่ทำให้มันน่ากลัวมาก นั่นก็คือ การแพร่กระจายของเชื้อนี้เป็นไปอย่างรวดเร็ว และสามารถติดกันได้อย่างง่ายดาย แค่ยืนต่อแถวซื้อของข้างๆ กัน หรือ ติดกัน ก็สามารถติดเชื้อโควิดกันได้ง่ายๆ
ดังนั้น เราจำเป็นต้องมีโรงพยาบาลสนาม เพื่อควบคุมผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคนเอาไว้ เพื่อที่จะไม่ให้ออกไปแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น เพราะถ้าเราสามารถควบคุมการแพร่เชื้อได้แล้ว แค่มีทรัพยากรเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นบุคลากร เตียง ยา วัคซีน ก็สามารถรักษาโควิด-19 ให้หมดไปได้
โมเดล ต้นแบบของโรงพยาบาลสนาม
โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ถือเป็นโมเดลต้นแบบให้กับโรงพยาบาลสนามอื่นๆ เพราะเมื่อมีคนติดเชื้อโควิด-19 ขึ้นในพื้นที่ไหน พื้นที่นั้นก็จะเกิดโรงพยาบาลสนามขึ้นตามโมเดลของโรงพยายาบาลสนามธรรมศาสตร์เพื่อควบคุมการแพร่เชื้อโควิด-19
ผศ.นพ.ฉัตรชัย เล่าว่า โรงพยาบาลสนามจะมีอยู่จนกว่าคนไข้จะมีจำนวนลดน้อยลง และหากจำนวนคนไข้เพิ่มสูงขึ้นอีก ก็สามารถเปิดโรงพยาบาลสนามขึ้นมาใหม่ได้ เพราะ “โรงพยาบาลสนามเป็นการบริหารจัดการทรัพยากรที่ลงตัว” เพื่อช่วยควบคุมและยับยั้งการแพร่เชื้อโควิด-19 ให้หมดไป
หลังจากที่เราได้รับทราบเรื่องราวของความเป็นมาของโรงพยาบาลสนามธรมมศาสตร์กันแล้ว แอดมินจะพาพวกเราไปรู้จักโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ในมุมมองของ คุณกุ๊ก หรือ พว.ณัฐนรี แสงจันทร์ พยาบาลวิชาชีพที่ทำงานในโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์มาตั้งแต่แรกเริ่มกัน
ความตั้งใจแรกในการก่อตั้งโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์
คุณกุ๊ก พว.ณัฐนรี เล่าให้เราฟังว่า โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ก่อตั้งมาเพื่อช่วยเหลือตามจุดต่างๆที่เกิดการแพร่ระบาด โควิด-19 เพราะเดิมทีการก่อตั้งโรงพยาบาลสนามจะก่อตั้งในพื้นที่ที่เกิดการระบาด และในตอนนั้น จังหวัดสมุทรสาคร กำลังเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างหนัก ทำให้กลุ่มผู้บริหาร ลงความเห็นในการก่อตั้งโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ เพื่อช่วยเหลือทุกพื้นที่การระบาดของเชื้อโควิด-19
“แค่บอกว่าจะเปิดโรงพยาบาลสนาม เราก็พร้อมเปิดภายใน 24 ชั่วโมง”
ในตอนที่ตัดสินใจจะเปิด ทางโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้มีการจัดหาบุคลากร ทีม อุปกรณ์ทางการแพทย์ สถานที่ มีการปิดหรือลดจำนวนงานบางส่วนเพื่อดึงบุคลากรจากส่วนต่างๆ มาช่วย เพราะโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ไม่ได้เปิดมาเพื่อดูแลรักษาโรคโควิด-19 อย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องดูแลทั้ง “กาย จิตใจ และสังคม” ของผู้ป่วยทุกคนด้วย
บุคลากรทุกคน เป็นบุคลากรจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ที่ส่วนใหญ่เป็นอาสาสมัครมาด้วยใจ ที่อยากจะทำหน้าที่ในส่วนนี้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นหมอ พยาบาล นักจิตบำบัด นักสังคมสงเคราะห์และเจ้าหน้าที่อื่นๆ เมื่อทุกคนมาทำด้วยใจ งานจึงสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างรวดเร็วเพราะทุกคนรู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง
“แต่ละคน มาคนละนิดคนละหน่อย ถ้าเรามีใจร่วมกัน เราจะทำได้”
คุณกุ๊ก พว.ณัฐนรี เล่าให้เราฟังว่า ในการทำงานตรงนี้ บุคลากรทุกคน มีความสำคัญทั้งหมด ทุกทีมงาน มีการชื่นชมกัน ช่วยเหลือกัน ให้กำลังใจกัน ไม่ว่าจะเป็นใคร ตำแหน่งใดก็ตาม ไม่เว้นแม้กระทั่งวันหยุด ทุกคนก็พร้อม ที่จะสละเวลาพักผ่อนส่วนตัวเพื่อมาช่วยเหลือทีม เพื่อให้งานสามารถเดินหน้าต่อไปได้ พวกเราทุกคน มีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์เพื่อต่อสู้กับโควิด-19
บทสรุป
โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ก่อตั้งขึ้นด้วยความเต็มใจในการบริการและดูแลรักษาคนไข้ โควิด-19 ทุกคน บุคลากรทางการแพทย์ตลอดจนถึงแม่บ้านมีความภาคภูมิใจในการร่วมเป็นด่านหน้าสู้กับโควิด-19 และยืนยันที่จะยืดหยัดต่อสู้ร่วมกับทุกคนไปจนกว่าโควิด-19 จะหมดไป จากวันที่มีแค่ 308 เตียง สู่ 470 เตียง เพราะเชื่อว่า “ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกัน เราจะสามารถผ่านมันไปได้ด้วยกัน”
….
ติดตามรับชมเรื่องราว เบื้องหลังวิกฤติและการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ในการรับมือกับสถานการณ์โควิด ได้กับรายการ Unmask Story เรื่องเล่าหลังแมสก์ ของ บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
นับหนึ่ง สู่การเป็นต้นแบบของโรงพยาบาลสนาม|โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
หรือ จะเลือกรับฟังข้อมูลเพิ่มเติมในรูปแบบของ Podcast:
ติดตามชมรายการ UNMASK STORY
กับ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
ได้ทุกวันเสาร์ เวลา 20:00 น.
ทาง Facebook เพจ @มนุษย์เงินเดือนพันธุ์ใหม่
และ ช่องทาง Social Media ของ The Practical