พนักงานมีอาชีพเสริม หากเป็นเมื่อก่อนโควิดจะมา การที่พนักงานของบริษัท มีอาชีพเสริม ทำควบคู่ไปกับการทำงานประจำ ก็อาจจะถูกเพ่งเล็ง หรือ อาจถูกมองในแง่ลบได้
ผู้บริหารอาจจะมองว่าการทำอาชีพเสริม ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ทำอาชีพเดียวกัน กับอาชีพที่ทำประจำอยู่ หรือ ไม่ได้ทำในช่วงเวลาทำงานประจำ ก็อาจถูกเหมารวมไปว่า ทำงานประจำไม่เต็มที่ หรือ ไม่มีความเป็นมืออาชีพ
แต่เดี๋ยวก่อน การที่พนักงานต้องการหารายได้เสริม ด้วยการมีอาชีพเสริม ผิดด้วยเหรอ? หากพนักงานคนนั้น สามารถบริหารจัดการชีวิตของเขาได้ดี มีผลงานที่ดีกับงานประจำที่เขาทำ มันผิดด้วยเหรอ?
ผู้บริหารเคยคิดไหม? ว่าทำไม พนักงานถึงต้องมีอาชีพเสริม?
ก็เพราะเงินเดือนที่เขาได้ มันอาจจะไม่พอใช้ หลากหลายปัญหาที่พนักงานอาจจะกำลังประสบอยู่ อาทิเช่น เขาอาจจะกำลังจะแต่งงาน หรือ กำลังจะมีสมาชิกใหม่ในครอบครัว หรือ มีปัญหาที่ต้องใช้เงินมากขึ้น
แล้วจะหารายได้เพิ่มได้อย่างไร จากการทำงานประจำ? จะให้รอโบนัสออก หรือ รอขึ้นเงินเดือน มันคงเป็นไปไม่ได้ พวกเขาจึงต้องหาทางออก ด้วยการหารายได้เพิ่ม ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาที่ว่า พวกเขาจำเป็นต้องมีอาชีพเสริม ทำควบคู่ไปกับงานประจำ
ที่ผ่านมา แอดมินเองก็เห็นน้องๆ หลายคนมีอาชีพเสริม ที่เกิดจากการดิ้นรนหางานทำกันเอง ซึ่งก็มีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น เป็นตัวแทนประกัน (หรือยุคนี้เรียกว่า นักวางแผนการเงิน) ขายสินค้าออนไลน์ โดยงานส่วนมากสามารถทำได้ในเวลาเลิกงาน หรือ ทำได้โดยไม่มีผลต่องานประจำ
แต่การทำอาชีพเสริม ถึงแม้ไม่ได้มีความผิดอะไร แต่ก็ไม่สามารถป่าวประกาศบอกคนในที่ทำงานได้ เพราะพนักงานหลายคนก็กลัวว่า ผู้บริหารจะหาเหตุ เอาผิดพวกเขาได้
เรื่องของ พนักงานมีอาชีพเสริม จึงเป็นสิ่งที่ถูกมองเป็นเรื่องไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร ในมุมมองของผู้บริหาร หรือ องค์กร
แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เพราะการมาของโควิด
ทำให้หลายบริษัทฯ ต้องประสบปัญหาด้วยการมาของโควิด อาการหนักหรือเบาก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้บริหารฯ และตัวขององค์กร ว่าจะรับมือกับเจ้าโควิดได้มากน้อย หรือ สั้นยาวได้แค่ไหน?
ผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยมาก ก็ตรงไปที่พนักงาน เช่น ขั้นตอนแรก คือการลดเงินเดือน ลดกับเป็นขั้นๆ ลดกันตามตำแหน่ง ตำแหน่งสูงๆ ก็โดนเยอะหน่อย หากลดเงินเดือนพนักงานทั้งหมดแล้ว ยังไปไม่ไหว ก็เข้าสู่ขั้นตอนการปลดพนักงาน อาจจะปลดพนักงานในส่วนที่ไม่มีความจำเป็น หรือ พนักงานที่มีอายุงานน้อย หรือ ให้สมัครใจลาออก หากลดเงินเดือนก็แล้ว ปลดพนักงานก็แล้ว แต่องค์กรยังมีปัญหาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็ต้องปิดกิจการ
สิ่งที่น่าตกใจ โควิดเกิดขึ้น และ ใช้เวลาเพียง 4-5 เดือน แต่สามารถทำให้บริษัทใหญ่ๆ ปิดกิจการได้อย่างรวดเร็ว
หากผู้บริหาร หรือ องค์กร เปิดใจให้กว้าง เปิดรับช่องทางอื่นๆ โอกาสรอดน่าจะมีสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าธุรกิจหลักที่ทำอยู่ มันเป็นเรื่องยากที่จะประคับประคองพนักงานต่อไปในระยะยาวได้ ทำไม ไม่ช่วยพนักงาน หรือ หาโอกาส สร้างรายได้ เพื่อช่วยเหลือพวกเขาในช่วงเวลาวิกฤติแบบนี้
ในตอนนี้ แอดมินจะพาพวกเราไปที่ Thai AirAsia ที่นี่ “เขามีนโยบายส่งเสริมให้ พนักงานมีอาชีพเสริม” มาหาคำตอบกันว่า ทำไมผู้บริหารที่นี่ เขาถึงมีนโยบายแบบนี้ และ เขาคาดหวังอะไรจากนโยบายนี้?
แอดมินได้มีโอกาส ได้พูดคุยกับ คุณทอปัด สุบรรณรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร กลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย เกี่ยวกับเรื่อง “นโยบายการทำอาชีพเสริมของพนักงาน”
คุณทอปัด เล่าให้ฟังว่า หลังจากการมาของโควิด AirAsia ประกาศ “นโยบายส่งเสริมให้ พนักงานมีอาชีพเสริม” คือ อนุญาตให้พนักงาน สามารถมีอาชีพเพิ่มจากงานประจำเพื่อเพิ่มรายได้
โดยมีเงื่อนไขว่า พนักงานยังต้องรับผิดชอบทำงานหลักให้เต็มที่ ห้ามใช้โลโก้หรือชื่อเสียงบริษัทเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง โดยที่อาชีพเสริมต้องไม่ขัดต่อกฏหมาย และ ศีลธรรมอันดีงาม และต้องไม่ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของบริษัท
คุณทอปัด ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า “ขั้นกว่า” ของการอนุญาตให้ทำอาชีพเสริม คือ การเพิ่มศักยภาพ upskill และ จัดหางานเสริมในรูปแบบตลาดจับคู่จัดหางานเสริมให้พนักงานไปด้วยเลย โดยมีการจับมือกับพันธมิตร เช่น บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในโครงการ 2nd Job 2nd Chance ในการให้การฝึกอบรมแก่พนักงานของ Thai AirAsia ที่มีความสนใจ จัดให้มีการอบรมด้านอสังหาริมทรัพย์ด้วยการเรียนออนไลน์ 7 หลักสูตรฟรี! พร้อมจัด Workshop ฝึกงานที่โครงการจริง เพื่อสร้างให้เป็นนักขายอสังหาริมทรัพย์ และสามารถสร้างรายได้เพิ่มอีกหนึ่งช่องทาง
นอกจากนี้ AirAsia ก็ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม “Our Market” ตลาดที่ พี่ต๊อก (สันติสุข คล่องใช้ยา CEO Thai AirAsia) บอกว่าเป็นตลาดที่ “เกิดจากความรัก” เพื่อช่วยเหลือโอบอุ้มกัน เป็นตลาดออนไลน์สู่ออนไลฟ์ ที่มีคนขายเป็นพนักงานงาน มีสินค้าเด็ดจากต่างจังหวัด และจากชุมชนทั่วประเทศผ่าน FindFood ที่เด็ดกว่านั้นคือ มีคนขับรถส่งของเป็นพนักงานของเราเอง
คุณทอปัด บอกกับผมว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรารับรู้ได้ว่า AirAsia พยายามอย่างที่สุดในการดูแลพนักงาน ในวันที่บริษัทลำบาก เราเลือกที่จะกระจาย “หน้าที่” ในการช่วยบริษัทประหยัดต้นทุนให้มากที่สุด เข้าใจง่ายๆ คือ “ลดเงินเดือน” พี่ๆ ที่ตำแหน่งใหญ่หน่อย ก็รับ “หน้าที่” หนักหน่อย น้องเล็กๆ ก็รับ “หน้าที่” ลดหลั่นกันลงมา แต่ที่แน่ๆ สถานการณ์ก็ยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แบบไม่มีกำหนด
พี่ต๊อก CEO จึงชวนคิดหา “ทาง” ลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพนักงาน และ ถือว่าเป็นการจัดการความเสี่ยง ESG (Environment |Social |Governance)ให้กับทั้งบริษัท และกับตัวพนักงานเอง หากวันหนึ่งที่เราอาจต้องมีการจัดการที่เข้มข้นกว่าที่ผ่านมา เราจะเตรียมความพร้อมไว้ให้ทั้งบริษัทและพนักงานไว้อย่างดีที่สุดแล้ว
เมื่อรายได้ของบริษัทลดลง รายได้ของพนักงานก็ลดลง สถานการณ์จะดีขึ้นเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ได้
งานหลักของบริษัทคือขายตั๋ว ขายทุกอย่าง เพิ่มสภาพคล่องและแตกไลน์ธุรกิจ งานหลักต้องทำ งานเสริมก็ต้องมี ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ “เรา” สามารถ “ลอยคอ” ให้อยู่รอดผ่านมรสุมธุรกิจครั้งนี้ไปได้
และเพื่อ “รอคอย” วันที่เราไปถึงฝั่ง และวันนั้นพี่โจ (ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานบอร์ด
Thai AirAsia) บอกว่า…เราจะกลับมาแข็งแรงกว่าเดิม
นี่แหละครับ เรื่องราวของ Thai AirAsia กับการฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ กับการส่งเสริมให้ พนักงานมีอาชีพเสริม
แอดมินคิดว่า ถึงเวลาแล้ว ที่ผู้บริหารยุคนี้ต้องกล้าเปลี่ยนแปลง กล้าเปลี่ยนความคิด และออกจากกรอบความคิดเดิมๆ ที่ล้าสมัยหรือใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
การที่ พนักงานมีอาชีพเสริม ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร ตอนนี้เรื่องนี้กลับกลายเป็นเรื่องที่ต้องมี เป็นอีกหนึ่งหนทางสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพนักงานขององค์กร และ รวมไปถึงองค์กรด้วย
เราลองมองหาบริษัท หรือ องค์กรที่สามารถเป็นพันธมิตรกันได้ แล้วเริ่มต้นทำโครงการอะไรดีๆ ที่พนักงานได้ประโยชน์ร่วมกันดูก็ได้ เพื่อต่อไปในวันหน้า หากเราต้องหวนมาเจอวิกฤติอีกครั้ง เราจะได้รอดไปได้ด้วยกัน
#งานเสริมจัดหนัก #งานหลักสู้สุดใจ #2ndJob2ndChance
Co-author: คุณทอปัด สุบรรณรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร กลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย
ภาพประกอบ: ขอขอบคุณ Thai AirAsia และ Ananda Development PCL
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ AirAsia สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
ธุรกิจสายการบิน เขาทำอย่างไร? ให้พนักงานและองค์กรผ่านวิกฤติไปได้ด้วยกัน