อาหารปันสุข โครงการดีๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อป้องกันการเกิดขยะอาหาร โดยส่งต่ออาหารคุณภาพดีที่หมดอายุการขายไปให้เพื่อนร่วมโลก อย่างเช่น น้องๆ ในสวนสัตว์ และยังเผื่อแผ่ไปถึงสัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์ เรื่องราวที่มาที่ไปเป็นอย่างไร มาติดตามเรื่องนี้กันได้จากบทความนี้
การกิน คือเรื่องปากท้องที่ใกล้ตัวทุกคน ทุกวันนี้ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้มนุษย์สามารถผลิตอาหารหล่อเลี้ยงผู้คนได้อย่างเพียงพอหรืออาจเรียกว่า “เกินพอ” ส่งผลให้เกิดปัญหาใหญ่อย่าง “การสูญเสียอาหาร” เพราะในขณะที่การผลิตอาหารใช้ทรัพยากรและปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากมาย แต่อาหารปริมาณมากกว่าครึ่งที่ผลิตขึ้นทั่วโลก กลับถูกทิ้งขว้างและไม่เคยถูกบริโภคเลยด้วยซ้ำ ผักผลไม้ที่วางขายอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต เมื่อหมดอายุการขายไปแล้ว จะกลายเป็นของไม่มีราคาและถูกทิ้งเป็นขยะอาหารโดยอัตโนมัติ ทั้งที่จริงๆ แล้ววัตถุดิบจำนวนไม่น้อยยังอยู่ในสภาพดีเยี่ยม ยังมีคุณค่าทางสารอาหารครบถ้วน และยังสามารถบริโภคได้
“โครงการ อาหารปันสุข” จึงเกิดขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดขยะอาหาร โดยส่งต่ออาหารคุณภาพดีที่หมดอายุ
การขายไปให้ผู้ที่ต้องการ ซึ่งในที่นี้ คือ สัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์ เนื่องจากวัตถุดิบที่หมดอายุการขายนั้นมีหลายระดับ โครงการจึงใช้หลักการเรียบง่ายที่ว่า หากวัตถุดิบยังมีคุณภาพดีเยี่ยม ก็ส่งไปให้คนกิน แต่หากคุณภาพด้อยมาลงเล็กน้อย คนกินไม่ได้ ก็ส่งไปให้สัตว์กินเสียเลย
The Practical ชวนคุณตามภารกิจส่งต่อผักผลไม้ให้น้องสัตว์ จากโลตัสย่านรังสิตสู่ Mini Zoo ธัญบุรี พร้อม คุณปิ่น-ปริญญาภร กลิ่นเทศ ผู้จัดการแผนกความยั่งยืนองค์กร (Corporate Sustainability Manager) ธุรกิจโลตัส หัวเรี่ยวหัวแรงหลักผู้อยู่เบื้องหลังโครงการนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น และเป็นผู้เชื่อมต่อเครือข่ายโลตัสสาขาต่างๆ เข้ากับสวนสัตว์และสถานเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าทั่วประเทศ
เมื่ออาหารคน กลายเป็นอาหารสัตว์
ที่โลตัส สาขารังสิตคลอง 4 เมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นชั้นวางวัตถุดิบเรียงรายไปด้วยผักผลไม้สดใหม่อย่างที่คุ้นเคย อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานของโลตัสสาขานี้พิเศษกว่า ตรงที่ในแต่ละวัน พนักงานจะคัดแยกวัตถุดิบที่หมดอายุการขายออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ นั่นคือ พืชผักผลไม้ที่บริจาคให้คนและบริจาคให้สัตว์ เพื่อลดปริมาณวัตถุดิบขายไม่ได้ที่ต้องทิ้งไปยังพื้นที่ฝังกลบ
คุณปิ่นอธิบายว่า การผลิตอาหารใช้ทรัพยากรมาก และเมื่อถูกทิ้งลงในพื้นที่ฝังกลบ ก็กระทบสิ่งแวดล้อมเต็มๆ เพราะการทับถมของขยะอาหารก่อให้เกิดก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลเสียกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 20 เท่า แถมกองขยะอาหารยังส่งกลิ่นเหม็น และเต็มไปด้วยพาหะนำโรคอย่างหนูและแมลงวันอีก
“ขยะอาหาร เป็นปัญหาที่ทั่วโลกกำลังร่วมมือกันแก้ไข เพราะเป็นปัญหาที่สร้างมลพิษและทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก เมื่อดูสถิติที่ผ่านมา จะพบว่า 64 เปอร์เซ็นต์ของขยะในประเทศไทย คือขยะอาหาร ถือว่าสูงมาก”
นั่นจึงเป็นที่มาของโครงการ อาหารปันสุข ซึ่งโลตัสตั้งใจบริจาคผักผลไม้สภาพดีแต่หมดอายุการขาย ให้เป็นอาหารแก่สัตว์ต่างๆ ในสวนสัตว์และสถานเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าทั่วประเทศ ผ่านความร่วมมือกับกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
“เราเริ่มโครงการเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้บริจาคไปได้กว่า 8 แห่งแล้ว เราวางแผนที่จะขยายเครือข่ายออกไปเรื่อยๆ”
การกู้โลกของพนักงานโลตัส
ทุกๆวันพนักงานโลตัสประจำสาขาจะคัดแยกวัตถุดิบไว้อย่างเรียบร้อย เพื่อเตรียมส่งให้สวนสัตว์ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเมื่อรวมทุกสาขา วัตถุดิบที่ถูกส่งต่อไปให้สัตว์น้อยใหญ่ได้กิน มีปริมาณมากถึง 40 กิโลกรัมต่อวัน โดยเน้นจับคู่สาขาของโลตัสที่ใกล้สวนสัตว์หรือสถานเพาะเลี้ยงสัตว์ป่ามากที่สุด เพื่อย่นระยะการขนส่ง ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปด้วยอีกทาง
Mini Zooธัญบุรี คือ สวนสัตว์แห่งแรกที่โครงการอาหารปันสุขเริ่มทำงานด้วย โดยจับคู่กับโลตัสสาขารังสิต – นครนายก และ โลตัสสาขารังสิต คลอง 7 ด้วยความพร้อมด้านพื้นที่ ระยะทาง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ ทั้งฝั่งสวนสัตว์และโลตัสที่พร้อม Take Action
“ราวเก้าโมงเช้า เจ้าหน้าที่สวนสัตว์จะมารับอาหารที่สาขา จากนั้นนำกลับไปหั่น จัดเตรียมลงถาด และยกไปเสิร์ฟเป็นอาหารเช้าให้น้องๆ สัตว์ป่าได้เลย” คุณปิ่นเล่ายิ้มๆ
แต่กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง จนขยายโครงการมาเป็น 8 พื้นที่อย่างทุกวันนี้ได้ ก็มีปัญหาหลายๆ อย่างต้องแก้ไขปรับปรุง บางวันผู้รับบริจาคมีเหตุขัดข้องมารับอาหารไม่ได้ หรือเจ้าหน้าที่เปลี่ยนคนทำงาน คุณปิ่นในฐานะผู้จัดการโครงการก็จะเข้าไปมอนิเตอร์อย่างทันท่วงที เพราะความท้าทายของโครงการบริจาควัตถุดิบลักษณะนี้ คือความต่อเนื่องและความรวดเร็ว เพราะอาหารเน่าเสียได้ ดังนั้น ทุกคนจึงต้องทำงานแข่งกับเวลาในระดับหนึ่ง เพื่อให้อาหารไปถึงสัตว์อย่างสมบูรณ์ที่สุด
คุณปิ่นเล่าต่อว่า อีกหนึ่งความท้าท้าย คือ การเชื่อมร้อยพนักงานประจำแต่ละสาขาเข้ากับโครงการอาหารปันสุข “บางทีน้องที่สาขาจะรู้สึกว่าเขาเป็นแค่ตำแหน่งเล็กๆ คงแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เขา คือตัวกลางสำคัญ เรามีเครือข่ายในการพูดคุยกับหลายๆ คนได้ ก็จะเป็นคนที่ช่วยประสานให้งานของเขาราบรื่นที่สุด และในขณะเดียวกัน ก็อธิบายให้เขาเข้าใจถึงความสำคัญของงานนี้”
“คนทำงานส่วนใหญ่ อาจไม่ได้ตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมในภาพกว้างมาก่อน อย่างน้องคนหนึ่งที่เราทำงานด้วย เขาเล่าให้ฟังว่าทุกครั้งที่ต้องทิ้งอาหารหมดอายุการขาย เขารู้สึกเสียดายมากเพราะสภาพของมันยังดีอยู่เลย เราก็จับจุดนี้มาเป็นตัวขับเคลื่อนว่า ตัวเขาเป็นส่วนหนึ่งของระบบอาหารอย่างไร งานของเราสำคัญแค่ไหนต่อการสร้างความยั่งยืน”
แบ่งปันเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง
จริงๆ แล้วก่อนจะมาเป็นโครงการอาหารปันสุข โลตัสดำเนินโครงการ “กินได้ไม่ทิ้งกัน” มาแล้วกว่า 4 ปี บนความเชื่อมั่นว่าอาหารที่ยังกินได้ ไม่ควรถูกทิ้ง จึงบริจาคอาหารคุณภาพดีที่ขายไม่หมดให้มูลนิธิและผู้ยากไร้ โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผู้คนจำนวนมากได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ขาดรายได้ และไม่สามารถซื้อหาอาหารได้เพียงพอ
“เราเป็นพาร์ทเนอร์ทำงานกับหลายองค์กร เช่น มูลนิธิ SOS Thailand โดยบริจาค ทั้งผักผลไม้และอาหารปรุงสำเร็จ ซึ่งทาง SOS เองไม่เพียงแจกจ่ายวัตถุดิบที่ได้รับจากเราไปเท่านั้น แต่ยังมีการตั้งครัวชุมชน นำวัตถุดิบไปปรุงเป็นเมนูต่างๆ แจกจ่ายให้ผู้คนนำปิ่นโตมารับกลับไปกินที่บ้านได้เลย จนถึงทุกวันนี้เราบริจาคไปแล้วกว่า 2.8 ล้านมื้อ และ ยังบริจาคเรื่อยๆ ทุกวัน”
คุณปิ่น อธิบายว่า ผู้บริหารมีส่วนร่วมอย่างมากในการขับเคลื่อนโครงการ “กินได้ไม่ทิ้งกัน” และ “อาหารปันสุข” ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะลดขยะอาหาร ทำให้นโยบายต่างๆ ของบริษัทดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน และยิ่งโครงการดำเนินไปอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมก็ยิ่งปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ ให้คนทำงานอย่างคุณปิ่น รวมถึงพนักงานประจำสาขา ยิ่งมีแรงบันดาลใจ
ความภาคภูมิใจในทุกวันของทุกคน
ไม่เฉพาะพนักงานเท่านั้น แต่ผู้บริโภคและคนนอกบริษัทก็เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของโลตัสในการขับเคลื่อนการลดขยะอาหารในประเทศไทยจริงๆ ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลัง คุณปิ่นบอกว่า ทุกวันนี้เวลาไปทำงานกับชุมชน เมื่อบอกว่าเป็นทีมงานของโลตัส ทุกคนก็จดจำได้ว่าเราบริจาควัตถุดิบและอาหารคุณภาพดีที่ขายไม่หมดให้ผู้ขาดแคลน แม้แต่โครงการอาหารปันสุขที่เพิ่งเริ่มมาได้ไม่ถึงปี ก็มีคนเห็นคุณค่าและจดจำงานที่เราทำได้
“ความต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทำให้โครงการของเราดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ได้ เรารู้สึกดีและภูมิใจมาก ที่แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนความยั่งยืน งานประจำที่สร้างรายได้หล่อเลี้ยงตัวเองในแต่ละวัน ก็สามารถมีความหมายต่อชุมชนและโลกใบนี้ได้ด้วย”
สุดท้าย คุณปิ่นบอกเราว่า ไม่ต้องทำงานด้านนี้โดยตรง ทุกคนก็รู้สึกดีและภูมิใจอย่างเธอได้เช่นกัน แค่กินอาหารให้หมดเกลี้ยงจาน เวลาไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตก็ทำรายการเช็กลิสต์สักหน่อย วางแผนมื้ออาหารล่วงหน้าจะได้ซื้อกลับมาเท่าที่จำเป็น วัตถุดิบคุณภาพดีที่เหลือและขายไม่หมด จะได้ถูกส่งต่อไปเป็นอาหารจานอร่อยให้สัตว์ป่าอย่างคุ้มค่า ไม่กลายเป็นขยะอาหาร ที่สร้างภาระให้กับโลก
เราปรับ โลกเปลี่ยน The Next Generation: ลด Food Waste ด้วยการแบ่งปัน
หรือ จะเลือกรับฟังรายการ ในรูปแบบของ Podcast ได้ที่:
เราปรับ โลกเปลี่ยน The Next Generation เพราะเราทุกคน ”เปลี่ยน” โลกให้ดีขึ้นได้ พบหลาก idea หลาย action ของคนรุ่นใหม่ที่ลุกขึ้นมา “ปรับ” คิดแล้วลงมือทำ เพื่อร่วมกันสร้างโลกให้ยั่งยืน
WeShiftWorldChange #NextGeneration #เราปรับโลกเปลี่ยน #ทุกคนเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้