ไม่จ่ายค่าล่วงเวลา แต่เปลี่ยนเป็นวันหยุดแทน ถือเป็นเรื่องที่บริษัททำได้หรือไม่ และ เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน หรือเปล่า?
ประเด็นเรื่อง ค่าล่วงเวลา หรือ โอที ( O.T. ย่อมาจาก Overtime) เป็นประเด็นที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนกันในหลายแง่มุม ยกตัวอย่างเช่น
มาทำงานล่วงเวลา แลกกับวันหยุดที่เพิ่มขึ้น บริษัททำได้ด้วยเหรอ?
บริษัท หรือ นายจ้าง ขอช่วยให้มาทำงานวันหยุด แต่ไม่จ่ายค่าล่วงเวลาให้ แต่เสนอให้เป็นโควต้าวันหยุดแทน เช่น หัวหน้า (ตัวแทนของ บริษัท หรือ นายจ้าง) สั่งให้พนักงานมาทำงานวันหยุดนักขัตฤกษ์ จำนวน 1 วัน แล้วบอกพนักงานว่าจะชดเชยการทำงานในวันหยุดนี้ ด้วยการให้วันลาพักร้อนเพิ่มอีก 1 วัน
ปัญหามันไม่ได้แค่ทำงานวันหยุดวันเดียว หัวหน้ากลับให้มาทำงานวันหยุดอีกหลายครั้ง แต่ละครั้งที่มาทำงาน ก็ให้เพิ่มจำนวนวันลาพักร้อนทดแทนเข้าไป จนจำนวนวันลาพักร้อนมีเยอะเป็นเท่าตัว พอพนักงานจะใช้สิทธิ์ลาพักร้อน หัวหน้าก็ไม่ยอมอนุมัติ หรือ อนุมัติก็แค่เท่ากับจำนวนลาพักร้อนประจำปีที่บริษัทกำหนดเอาไว้ให้เท่านั้น
ทำให้สำหรับกรณีนี้ กลายเป็นว่า พนักงานคนนี้ ทำงานวันหยุดไปฟรีๆ โดยไม่ได้อะไรเลย
การทำงานล่วงเวลา ต้องจ่ายเป็นเงินเท่านั้น แลกเป็นวันหยุดเพิ่มเติมไม่ได้
ค่าล่วงเวลา (โอที) ต้องจ่ายเป็นเงินเท่านั้น ไม่สามารถชดเชยเป็นวันหยุดได้ อ้างอิงตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
เวลาทำงานปกติ เช่น หากเป็นงานปกติทั่วไป ก็ไม่เกิน 8 ชม. ต่อ วัน หรือ ตามที่นายจ้างลูกจ้างตกลงกัน และต้องไม่เกิน 48 ชม. ต่อ สัปดาห์
สำหรับการทำงานล่วงเวลา หรือ การทำงานในวันหยุด
บริษัท หรือ นายจ้าง อาจให้ลูกจ้างทำได้โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อนเป็นคราว ๆ ไป โดยชั่วโมงการทำงานล่วงเวลา การทำงานในวันหยุด และการทำงานล่วงเวลาในวันหยุด รวมแล้วต้องไม่เกิน 36 ชม. ต่อ สัปดาห์
และกรณีที่มีการทำงานล่วงเวลาต่อจากเวลาทำงานปกติไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง บริษัท หรือ นายจ้าง ต้องจัดให้ลูกจ้างได้มีเวลาพัก ไม่น้อยกว่า 20 นาที ก่อนที่ลูกจ้างเริ่มทำงานล่วงเวลา (แต่ก็มีการยกเว้นในงานที่มีลักษณะ หรือ สภาพของงานต้องทำติดต่อกันไป โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง หรืองานดังกล่าวเป็นงานฉุกเฉิน)
ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุดและค่าล่วงเวลาในวันหยุด
เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น สมมุติว่าพนักงานของบริษัทแห่งนึง มีชั่วโมงทำงานปกติ คือ 08.00 น. – 17.00 น. และ วันทำงานปกติ คือ วันจันทร์ ถึง ศุกร์
- พนักงานคนแรก เป็นพนักงานรายเดือน ได้เงินเดือน เดือนละ 25,000 บาท
- พนักงานคนที่สอง เป็นพนักงานรายวัน ได้ค่าจ้าง 450 บาท
ค่าตอบแทน กรณีทำงานล่วงเวลาในวันทำงานปกติ :
อ้างอิงตามกฏหมาย เขาบอกว่า ถ้าลูกจ้างมีการทำงานเกินเวลาทำงานปกติของวันทำงาน นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลา ไม่น้อยกว่า 1.5 เท่า ของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวน ชั่วโมงที่ทำ หรือไม่น้อยกว่า หนึ่งเท่าครึ่ง ของอัตราค่าจ้างต่อหน่วย ในวันทำงานตามจำนวนผลงานที่ทำได้สำหรับลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้างตามผลงาน
หากหัวหน้า กำหนดให้พนักงานทั้งสองคน ทำงานล่วงเวลาถึง 20.00 น. (จำนวนชั่วโมงของการทำงานล่วงเวลา คือ 3 ชั่วโมง)
- พนักงานคนแรก จะได้รับค่าล่วงเวลา = (ค่าจ้างต่อเดือน/ 30วัน/ ชั่วโมงทำงานปกติ 8 ชม.) x 1.5 เท่า x จำนวนชั่วโมงที่ทำโอที = (25,000/ 30/ 8) x 1.5 x 3 = 468.75 บาท
- พนักงานคนที่สอง จะได้รับค่าล่วงเวลา = (ค่าจ้างต่อวัน / ชั่วโมงทำงานปกติ 8 ชม.) x 1.5 เท่า x จำนวนชั่วโมงที่ทำโอที = (450/8) x 1.5 x 3 = 253.125 บาท
ค่าตอบแทน กรณีทำงานในวันหยุด :
อ้างอิงตามกฏหมาย เขาบอกว่า ถ้าทำงานในวันหยุด แต่เป็นเวลาตามเวลางานปกติในวันหยุด เช่น เวลางานปกติในวันหยุดกำหนดให้พนักงานมาทำงานเวลา 08.00 น. ถึง 17.00 น. กรณีเช่นนี้พนักงานมีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด (วันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดตามประเพณี วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เป็นต้น) โดยอัตราการจ่ายค่าทำงานในวันหยุด แบ่งเป็น 2 กรณีย่อย คือ พนักงานที่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุด เช่น พนักงานรายเดือน จะได้รับค่าตอบแทนการทำงานในวันหยุดไม่น้อยกว่า 1 เท่า และ พนักงานที่ไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุด เช่น พนักงานรายวัน จะได้รับค่าตอบแทนการทำงานในวันหยุดไม่น้อยกว่า 2 เท่า
- พนักงานคนแรก จะได้รับค่าล่วงเวลา = (ค่าจ้างต่อเดือน/ 30วัน/ ชั่วโมงทำงานปกติ 8 ชม.) x 1 เท่า x จำนวนชั่วโมงที่ทำโอที = (25,000/ 30/ 8) x 1 x 3 = 312.5 บาท
- พนักงานคนที่สอง จะได้รับค่าล่วงเวลา = (ค่าจ้างต่อวัน / ชั่วโมงทำงานปกติ 8 ชม.) x 2 เท่า x จำนวนชั่วโมงที่ทำโอที = (450/8) x 2 x 3 = 337.5 บาท
ค่าตอบแทน กรณีทำงานล่วงเวลาในวันหยุด :
อ้างอิงตามกฏหมาย เขาบอกว่า ถ้าทำงานในวันหยุดเกินเวลาทำงานปกติของวันทำงาน นายจ้างก็ต้องจ่ายค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้แก่ลูกจ้างในอัตรา 3 เท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมง ในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำหรือตามจำนวนผลงานที่ทำได้สำหรับ ลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
- พนักงานคนแรก จะได้รับค่าล่วงเวลา = (ค่าจ้างต่อเดือน/ 30วัน/ ชั่วโมงทำงานปกติ 8 ชม.) x 3 เท่า x จำนวนชั่วโมงที่ทำโอที = (25,000/ 30/ 8) x 3 x 3 = 937.5 บาท
- พนักงานคนที่สอง จะได้รับค่าล่วงเวลา = (ค่าจ้างต่อวัน / ชั่วโมงทำงานปกติ 8 ชม.) x 3 เท่า x จำนวนชั่วโมงที่ทำโอที = (450/8) x 3 x 3 = 506.25 บาท
บทสรุป
ถึงตรงนี้หวังว่าพวกเราคงจะเข้าใจแล้วว่า ไม่จ่ายค่าล่วงเวลา แต่เปลี่ยนเป็นวันหยุดแทนเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และ ผิดด้วยกฏหมาย
เพราะเรื่องการทำงานล่วงเวลา การให้ไปแลกหยุดวันอื่นแทน หรือสามารถสะสมไปเป็นวันหยุด ไม่สามารถทำได้ เพราะมันไม่ใช่ “เงิน” และ หลักการนี้ยังรวมไปถึงกรณีค่าล่วงเวลสในการทำงานในวันหยุดอีกด้วย จะต้องจ่ายเป็นเงินเท่านั้น ไม่สามารถนำไปแลกเป็นวันหยุดได้
หากบริษัท หรือ นายจ้างไม่ปฎิบัติตามที่กฎหมายที่กำหนดไว้ ผลที่ตามมาก็คือ ลูกจ้างหรือพนักงานอาจเรียกร้องค่าล่วงเวลาย้อนหลังพร้อมดอกเบี้ยได้
โดยในเรื่องของอายุความกฎหมายกำหนดอายุความในเรื่องของค่าจ้างและค่าล่วงเวลาไว้โดยมีกำหนดอายุความ 2 ปี
ดังนั้น หาก ลูกจ้าง หรือ พนักงาน ถึงแม้ว่าจะลาออกไปแล้ว พวกเขาก็ยังมีสิทธิ์ที่จะกลับมาฟ้องร้องบริษัท หรือ นายจ้างได้ หากอายุความยังไม่เกิน 2 ปี
ขอขอบคุณ
ข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรม และ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาด้านแรงงานสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานคร หรือโทร. สายด่วน 1506
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับกฏหมายแรงงานสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
ลาออก จำเป็นไหมต้องบอกล่วงหน้า หากอยากออก จำเป็นไหม ต้องรอถึง 30 วัน?