5G Food Truck Delivery เป็นการนำเทคโนโลยีของการสื่อสารมาประยุกต์ใช้ร่วมกันกับยานพาหนะ เพื่อนำมาแก้ปัญหาในธุรกิจ ที่ยังต้องเผชิญหน้ากับโควิด
เนื่องจากผลกระทบจากโควิดไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ แค่ในปีนี้ปีเดียว เกิดไอเดียธุรกิจใหม่ๆ หรือ เกิดอาชีพใหม่ๆ มากมาย (รวมถึงหลายธุรกิจ และ หลายอาชีพที่หายไปด้วยเช่นกัน)
โดยเฉพาะ บริษัท อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งต่างก็ได้รับบทเรียนกันมามากมายในตอนโควิดระบาดหนักๆ แต่เดิมหลายบริษัทไม่มีบริการ Delivery หากปรับตัวไม่ทันก็ต้องปิดกิจการไป แต่หากพอจะไหวตัวทันก็ต้องหันมาใช้ช่องทางนี้กัน จนทำให้ธุรกิจ Food Delivery เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมากในช่วงที่ผ่านมา
ส่งผลทำให้ธุรกิจ Food Delivery รวมไปถึงจำนวน Riders (คนที่เข้ามาขี่รถจักรยานยนต์เพื่อส่งอาหาร) มีจำนวนสูงมากขึ้นหลายเท่าเลย สาเหตุนึงเป็นเพราะ demand ของการสั่งอาหารไปทานที่บ้านสูงขึ้นมากในช่วงโควิด และ ประกอบกับว่ามีคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดแล้วตกงาน กระโจนเข้ามาทำในอาชีพนี้กันอย่างมากมาย
ช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 แทบจะเป็น ช่วงทำรายได้เป็นกอบเป็นกำของเหล่า Rider เลยทีเดียว แต่หลังจากปลด Lockdown ร้านอาหารต่างๆ ก็กลับมาเปิดได้ตามปรกติ ปริมาณการสั่งซื้อออนไลน์ ก็ไม่ถึงขนาดลดลงฮวบฮาบซะทีเดียว ก็ยังไปต่อได้
ด้วยเพราะมูลค่าธุรกิจนี้มันเย้ายวนใจ จากเดิมผู้เล่นที่เป็นรายเดิม กลุ่ม Delivery Platform เช่น Grab Food, Line Man, Foodpanda และ GET (ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น Gojek) และมีมาใหม่อีก คือ Robinhood จาก SCB และ Eatable จาก KBANK
ทำไม ธนาคารถึงลงมาเล่นตลาด Food Delivery?
เขาบอกว่าอยากช่วยผู้ประกอบการ ไม่หวังกำไร แต่เชื่อสิว่าเกมธุรกิจนี้เดิมพันมันใหญ่มาก ไม่ใช่แค่มูลค่าตลาดที่มีขนาดมหาศาล แต่หมายถึง ข้อมูลของผู้ใช้งานก็มีมากมายเช่นกัน และตรงนี้แหละที่ เป็นที่ต้องการ
จากข้อมูลของ Statista ล่าสุด
- เรื่องของรายได้ : มีการประมาณการ รายได้รวมของ Online Food Delivery ในปีนี้ คือ ปี 2020 คือ US$275m เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 38.2% และคาดว่าจะเติบโตต่อไป ถึง US$455m ในปี 2024
- เรื่องของจำนวนผู้ใช้งาน : จำนวนผู้ใช้งาน ในระบบ Online Food Delivery ในปี 2020 คือ 10 ล้านคน เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 32.3%
เพราะธุรกิจนี้เติบโตเร็วมาก จำนวนลูกค้าที่มีถึง 10 ล้านคน ที่ใช้บริการอยู่ หากใครได้ฐานข้อมูลลูกค้าเหล่านี้ไป ก็จะมีหนทางสร้างโอกาสอีกมากมายให้กับธุรกิจ ใครมีข้อมูลของลูกค้าอยู่ในมือมากเท่าไร คนนั้นก็มีโอกาสมากกว่า ดังนั้น หลังปี 2024 เราคงต้องรอดูกันต่อไปว่า ธุรกิจ Food Delivery จะเติบโตต่อไปได้อีกไหม หรือ จะลงเอยอย่างไร?
หากเกิดการระบาดของโควิดหนักๆ ขึ้นมาอีกจะเป็นอย่างไร?
โอกาสที่จะเกิดนั้นมีสูงแน่นอน หากธุรกิจอาหารไม่ปรับตัวหรือเตรียมตัวเอาไว้ก่อน หากมาอีกรอบใหญ่ ก็อาจจะต้องพับเสื่อปิดกิจการได้ คงไม่ต้องรอให้ปัญหาเกิดก่อนแล้วค่อยมาหาทางแก้ เริ่มได้จากการ Disrupt ตัวเองก่อนเลย
ที่ประเทศจีน KFC ก้าวหน้าไปอีกขั้น กับเรื่อง Food Delivery
KFC เขาใช้ 5G Unmanned Vehicles (ยานพาหนะไร้คนขับ) มาให้บริการขนส่งอาหาร เพื่อลดอัตราเสี่ยงที่จะติดโควิด (No human interaction) โดยลูกค้าสามารถสั่งอาหารเองได้ผ่านตู้อัตโนมัติ กดสั่งอาหารผ่านจอ Touchscreen และ สามรถจ่ายเงินผ่าน QR Code ได้ หลังจากทำการสั่งซื้อเสร็จ เจ้ารถ 5G Unmanned Vehicles ก็จะมาส่งที่จุดนัดพบ ซึ่งตอนนี้เขาเปิดให้บริการตามสถานีรถไฟฟ้าใน นครเซี่ยงไฮ้
รถ 5G Unmanned Vehicles พัฒนาและผลิตโดยบริษัท Neolix ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิต Unmanned Vehicles ให้กับหลายกลุ่มธุรกิจในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นในธุรกิจ Retail, food services หรือ ใช้ในด้านการรักษาความปลอดภัย และ ล่าสุดกำลังพัฒนาโครงการ “Restaurant on Wheels” ร่วมกับ Pizza Hut ที่ประเทศจีนด้วยเช่นกัน
สำหรับ รถ 5G Unmanned Vehicles ของบริษัท Neolix เป็นแบบ Level 4 คือ สามารถขับเคลื่อนได้โดยอัตโนมัติ หลบสิ่งกีดขวางได้ โดยมีเซ็นเซอร์รอบคัน และ ระบุพิกัด หรือ คนขับสามารถควบคุมผ่าน 5G ได้ ในเรื่องของคุณสมบัติ สามารถวิ่งได้ราวๆ 100Km ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 50Km/h ในช่วงระหว่างใช้งาน สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ สามารถทำได้ภายในเวลา ไม่เกิน 30 วินาที
ทำไม KFC ถึงต้องลองใช้ ถ 5G Unmanned Vehicles?
เรื่องของความไม่แน่นอนทางธุรกิจ คือ เรื่องจริง จะรอให้จบโควิดคงไม่ได้ หรือ หากจบแล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่าจะไม่มีแบบนี้มาอีก ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับธุรกิจ คือ เรื่องที่ต้องหามาตการรับมือ ซึ่ง KFC ตอนนี้คงเลือกทางนี้
อีกประการนึงที่สำคัญมากไม่แพ้กันนั่นก็คือ เรื่องรายได้ และมูลค่าตลาดในเรื่อง Online Food Delivery ตลาดในประเทศจีนใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ในอันดับที่ 1 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าสหรัฐอเมริกาถึงเกือบเท่าตัว ดังนั้นหาก KFC วันนี้ไม่ทำอะไรเลย ก็อาจจะพลาดโอกาส หรือ เสียโอกาสในอนาคตอันใกล้นี้ได้ ของบ้านเราอยู่อันดับที่ 34 ของโลกเชียวนะ
กลับมาที่ในประเทศไทยบ้านเรา ก็มีรถ 5G Unmanned Vehicles ทาง Huawei เขาก็มีรถแบบนี้ และ ได้มีความร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทำโครงการ รถขนส่งไร้คนขับ ร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช
โดยเจ้ารถไร้คนขับ 5G นี้ จะนำไปใช้ในการขนส่งยาและวัสดุทางการแพทย์ที่จำเป็นต่างๆ ภายในพื้นที่โรงพยาบาล ซึ่งตอนนี้สถานการณ์เรื่องโควิดในบ้านเราเริ่มคลี่คลาย ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการใช้ รถ 5G Unmanned Vehicles ของ Huawei จะเป็นอย่างไรบ้าง ช่วยสนับสนุนกิจกรรมทางการแพทย์ได้มากน้อยแค่ไหน? เรื่องนี้คงต้องรอฟังข่าวต่อไป
5G Unmanned Vehicles…Game Changer หรือ Disruptor?
ข้อจำกัดของรถ 5G Food Truck Delivery หรือ 5G Unmanned Vehicles ที่ Level 4 ในตอนนี้ จะสามารถปฏิบัติการได้เฉพาะพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น เพราะตามกฏหมายในตอนนี้ ยังไม่อนุญาตให้ Unmanned Vehicles วิ่งบนท้องถนน เราจึงเห็นได้ดังเช่น กรณีของ KFC ล่าสุดที่ประเทศจีน หรือ แม้กระทั่งกรณีของบ้านเราที่ใช้ได้ในโรงพยาบาลเท่านั้น
หากวันนึงเทคโนโลยีไปถึง และ กฏหมายอนุญาตขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้น…
5G Unmanned Vehicles ที่ Level 5 คือ Full Driving Automation อีกไม่นานเกินรอ มาแน่ และเชื่อว่าหากมาจริง ต้องมีหลายธุรกิจ ต้องมีอันเปลี่ยนแปลง หรือ ล้มหายตายจากอีกอย่างแน่นอน
ธุรกิจ Food Delivery Platform ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ คน หรือ Rider ทั้งหมดก็ได้ พื้นที่ที่เหมาะสม ถนนหนทางดี สัญญาณ 5G (หรือ อาจจะ 6G) แรงดี ก็ใช้ 5G Food Truck Delivery แทน
คนในอาชีพนี้ จะถูกทดแทนด้วย Unmanned Vehicles หรือ บริษัท Fast Food เอง ก็อาจจะหันมาทำ Delivery ของตัวเองได้ง่ายขึ้นผ่าน Unmanned Vehicles Level 5
ทั้ง Food Delivery Platform และ Rider อาจจะประสบปัญหาในอนาคตอันใกล้นี้ได้
บทสรุปของเรื่องนี้
คลื่นของ Disruption อาจจะมาเร็ว และ มาแรงกว่าที่คิด ใครเปลี่ยนแปลงได้ก่อน มีโอกาสมากกว่าเสมอ
ดังนั้น ความสามารถในการเรียนรู้ และ การปรับตัวอย่างรวดเร็ว จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ใครที่ช้า หรือ กลัวการเปลี่ยนแปลง สุดท้ายก็ต้องถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลงอยู่ดี
Source:
https://www.synopsys.com/automotive/autonomous-driving-levels.html
https://www.neolix.cn/index.html