
6 Steps for Dealing With a Boss Who Doesn’t Understand What You Do หรือ 6 ขั้นตอนรับมือกับเจ้านายที่ไม่เข้าใจสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่
ไม่ว่าคุณจะเป็นน้องใหม่แห่งวงการมนุษย์เงินเดือนหรือทำงานมานานจนรู้วิธีเอาตัวรอดในโลกที่แสนวุ่นวายนี้มาได้มาหลายต่อหลายปีแล้วก็ตาม คุณก็จะต้องได้พบกับเจ้านาย ผู้จัดการ หรือผู้บังคับบัญชาที่มีทั้งถูกใจและไม่ถูกใจปะปนกันไป มันคงจะดีมากถ้าเจ้านายของคุณเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดที่ทำความเข้าใจในสิ่งที่คุณหรือทีมของคุณกำลังทำอยู่ใช่ไหม?
“เจ้านายหรือหัวหน้าที่เข้าใจลูกน้องจริงๆ มันจะมีแต่ในนิยาย….”
แต่ในความเป็นจริง จะมีหัวหน้าหรือเจ้านายสักกี่คนที่เข้าใจหรือพยายามที่เข้าใจ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่คุณสมบัติของเจ้านายทุกคนที่จะมีกันได้ง่ายๆ หรือจะเรียกได้ว่าเป็นคุณสมบัติที่หายากเลยก็ว่าได้ ไม่เชื่อลองทบทวนดูได้เลยว่าที่ผ่านมามีหัวหน้าหรือเจ้านายกี่คนที่เข้าใจในสิ่งที่คุณทำจริงๆ
“เรื่องของการทำงานจะยากขึ้นหลายเท่า หากสิ่งที่เราทำอยู่เจ้านายหรือหัวหน้าไม่เข้าใจเลย”
งานที่ยากอยู่แล้วมันจะยากขึ้นอีกไปอีกหลายเท่าเลย หากเจ้านายไม่เข้าใจวิธีการทำงานของคุณ ไม่เข้าใจเลยว่าคุณกำลังทำอะไรและเพื่ออะไร ถือเป็นเรื่องโชคร้ายสำหรับคนทำงานจริงๆ หากคุณกำลังมีเจ้านายที่มีเพียงเงินและโอกาส แต่พวกเขาไม่มีสมอง ไม่มีความพยายามทำความเข้าใจ หรือพยายามในการเรียนรู้ถึงกระบวนการทำงานของพนักงานในบริษัทของตัวเอง
“สิ่งที่แย่ที่สุดคือ เจ้านายที่ไม่ได้สนใจในสิ่งที่คนในทีมกำลังทำอยู่ แต่สนใจในเรื่องผลลัพธ์ที่ตนอยากได้เพียงอย่างเดียว”
ยิ่งคุณได้มีโอกาสเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปสูงเท่าไร คุณก็จะยิ่งมีโอกาสได้พบกับเจ้านายที่ไม่เข้าใจกระบวนการทำงานยิบย่อยเลยมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาเคยมองภาพรวมก้อนใหญ่ จึงไม่แปลกใจที่เมื่อทุบกระบวนการให้แตกปลีกย่อยออกมาแล้วเจ้านายเหล่านี้จะไม่เข้าใจอะไรเลย และสิ่งที่หนักกว่านั้นก็คือความไม่สนใจใยดีในสิ่งที่คนในทีมกำลังทำอยู่ เมื่อเจ้านายไม่สนใจนั่นหมายความว่าเจ้านายคนนี้ไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่คนในทีมกำลังทำอยู่เลยสักนิดและการพบเจอกับเจ้านายแบบนี้ก็จะทำให้ความพยายามในการสร้างผลงานของคุณสูญเปล่ามาก
เหตุการณ์เช่นนี้อาจจะเกิดขึ้นได้โดยที่เจ้านายของคุณอาจจะไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรก็ได้ เพียงแต่พวกเขากำลังประสบปัญหากับการมีภาวะผู้นำล้มเหลวอย่างช่วยไม่ได้ เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เป็นเจ้านายเหมือนกัน ดังนั้นคุณเองจึงต้องเปลี่ยนสถานการณ์นี้ให้เกิดผลประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายให้ได้ โดยไม่ใช่การพยายามทำให้เจ้านายของคุณเข้าใจในสิ่งที่คุณทำแบบละเอียดยิบ แต่ต้องทำให้พวกเขาพึ่งพาและสนับสนุนงานของคุณ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจในเรื่องที่คุณทำหรือกำลังทำอยู่ก็ตาม
6 สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ หากคุณพบว่าเจ้านายของคุณไม่เข้าใจงานที่คุณกำลังทำเลย ดังต่อไปนี้
1. รักษาความมั่นใจเข้าไว้: หากงานของคุณไม่ได้รับคำชม หรือเจ้านายยังมีท่าทีงุนงงกับผลงานที่คุณพยายามทำมาอย่างหนัก สิ่งที่คุณควรทำก่อนที่จะรู้สึกแย่ไปไกลก็คือ พิจารณาหาสาเหตุว่าทำไมเจ้านายของคุณถึงไม่เข้าใจสิ่งที่คุณทำ และนี่คือวิธีการที่คุณจะใช้เพื่อทำการค้นหาคำตอบดังกล่าว
- ค้นหาและทำการวิเคราะห์เจ้านายของคุณ ตามหาว่าวิธีการทำงานของเขาเป็นอย่างไร? พื้นฐานการทำงานของเขาเป็นอย่างไร? พวกเขามีประสบการณ์โดยตรงหรือเชี่ยวชาญทางด้านไหนบ้าง? ซึ่งอาจจะมีบทบาทที่พวกเขาทำได้ดีแต่ไม่เคยแสดงออกมาให้คุณได้เห็นก็ได้ เมื่อคุณทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับตัวเจ้านายคุณแล้วให้ใช้ข้อมูลนั้นในการสื่อสารเพื่อขอการสนับสนุนอย่างถูกวิธี
- พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ข้อมูลจากมุมมองของคนเพียงคนเดียว (ในที่นี่ก็คือตัวเราเอง) อาจจะยังไม่พอ คุณอาจจะต้องมองหาข้อมูลเชิงลึกบางอย่างจากคนรอบตัวอย่างเพื่อนร่วมงานคนอื่นหรือแผนกอื่นๆ ด้วย พวกเขาอาจมีคำแนะนำดีๆ ที่พวกเขาค้นพบหรือพวกคุณอาจแลกเปลี่ยนวิธีการทำงานอย่างไรเพื่อให้เอาตัวรอดได้กับเจ้านายคนนี้เลยก็ได้
- พุ่งตรงไปที่เจ้านายเลย เพราะการศึกษาตัวตนของใครคนหนึ่งที่ดีที่สุดก็คือ ศึกษาจากเจ้าตัวเลย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้อง คุณอาจจะต้องอาศัยจังหวะที่เหมาะสม พุ่งไปที่เจ้านายของคุณเพื่อพูดคุยกับเขาแบบตรงไปตรงมา ปรับความเข้าใจ หรืออธิบายถึงการทำงานระหว่างคุณกับเขา เมื่อคุณได้รับความสนใจจากเจ้านายแล้วให้เริ่มอธิบายถึงสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ เพื่อให้เข้าใจการทำงานของคุณมากขึ้นได้
2. ขอความช่วยเหลืออย่างถูกวิธี: เป็นเรื่องปกติหากเจ้านายของคุณจะไม่ได้ชำนาญในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับบทบาทการทำงานของคุณ เพราะนั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมเขาถึงต้องจ้างคุณมาทำงานตรงนี้ สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือพวกเขาจะช่วยเหลือหรือสนับสนุนคุณได้มากอย่างที่คุณต้องการเหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นการให้ทรัพยากรเพิ่มเติม จัดการภาระหน้าที่อื่นๆ หรือการช่วยลำดับความสำคัญงานของคุณ เพื่อให้คุณสามารถทุ่มเทไปที่งานที่ได้รับมอบหมายได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าหากคุณต้องการให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น คุณต้องรู้จักวิธีการถามหาการสนับสนุนดังกล่าว
“การสื่อสารเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าหาเจ้านาย”
คุณสามารถสร้างโอกาสในการพูดคุยระหว่างคุณกับเจ้านายได้ ด้วยการขอพบปะแบบตัวต่อตัว เชิญพวกเขาไปดื่มกาแฟข้างนอกสำนักงานซึ่งวิธีนี้มักได้ผลเสมอ มันทำให้เจ้านายเปิดกว้างในการรับฟังมากขึ้น ข้อเสนอของคุณจะเป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่ขึ้นอยู่กับคุณสื่อสารได้น่าสนใจมากแค่ไหน? ทางที่ดีคุณควรทำการบ้านเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องการพูดและค้นคว้ามาก่อนว่าเจ้านายของคุณเป็นคนประเภทไหน? พูดถึงงานที่คุณต้องการการสนับสนุนอย่างเฉพาะเจาะจงและชัดเจนว่าคุณต้องการให้เจ้านายช่วยในเรื่องไหนเพื่อบรรลุเป้าหมาย พยายามอธิบายให้เจ้านายของคุณเห็นในภาพรวม เพราะอย่าลืมพวกเขาอาจจะไม่เข้าใจรายละเอียดยิบย่อยที่คุณพูดใส่พวกเขาก็ได้
3. ทำความเข้าใจว่างานของคุณมีส่วนสนับสนุนเป้าหมายของบริษัทอย่างไร?: ผู้นำที่ดีจะจัดลำดับความสำคัญ วางแผน และสื่อสารโดยมีจุดประสงค์คือ สิ่งที่พวกเขากำลังทำและวิธีการที่พวกเขาทำเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ อีกหนึ่งงานสำคัญของการเป็นลูกทีมที่ดีคือ คุณต้องเข้าใจสิ่งที่คุณทำนั้นนำไปสู่เป้าหมายใหญ่ของบริษัทได้อย่างไร?
“ทุกบริษัทมีภารกิจหลักที่จะนำไปสู่เป้าหมายใหญ่เสมอ”
ไม่ใช่แค่การทำงานเพื่อบรรลุคำสั่งจากเจ้านายเท่านั้น แต่คุณต้องเรียนรู้ว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ในแต่ละวันมีส่วนช่วยในการบรรลุเป้าหมายใหญ่ของบริษัทได้อย่างไร? คุณและแผนกของคุณทำอะไรเพื่อช่วยในภารกิจใหญ่นี้? พยายามแยกย่อยสิ่งที่ต้องทำออกมาให้ครบ เมื่อคุณสามารถร่วมมือกันบรรลุเป้าหมายย่อยได้จนครบคุณจะพบว่าผลงานของพวกคุณส่งผลถึงภารกิจใหญ่ของบริษัทอย่างไร? และเจ้านายของคุณจะมองเห็นมันแน่นอน
4. เป็นกองเชียร์ให้ตัวเอง: การที่คุณรู้ว่าสิ่งที่คุณทำมีความสำคัญต่อความสำเร็จโดยรวมของทีม แผนก หรือบริษัทของคุณอย่างไร? เท่านั้นมันยังไม่เพียงพอ เพราะคุณต้องแน่ใจว่าเจ้านายของคุณก็รับรู้มันเช่นกัน ดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นต้องเขินอายกับความสำเร็จของตัวเองเลย
“เราต่างก็คาดหวังให้เจ้านายมองเห็นผลงานที่ดี โดยที่เราไม่ต้องโอ้อวด”
การโอ้อวดผลงานเป็นเหมือนการเอาหน้า เพราะเราทุกคนก็หวังว่าการมีผลงานที่ดีจะมีคนเห็นเองโดยที่เราไม่ต้องพยายามป่าวประกาศให้คนมาสนใจ แต่ความจริงก็คือ ถ้าคุณทำผลงานได้ดีแต่ไม่มีใครรู้ มันก็ไม่สามารถช่วยให้คุณก้าวหน้าไปไหนในอาชีพของคุณได้ อย่างน้อยคุณก็ควรนัดประชุมกับเจ้านายเป็นประจำหรือทุก 2 สัปดาห์ เพื่อรายงานความคืบหน้าให้เจ้านายได้คอยรับรู้ความสำเร็จที่คุณทำได้ โดยนี่จะไม่ถูกมองว่าเป็นการโอ้อวดผลงานแต่เป็นเพียงการรายงานประจำสัปดาห์หรือประจำเดือนเท่านั้น
5. ขอให้เพื่อนร่วมงานส่งต่อเรื่องราวของเราผ่านคำชมของพวกเขา: หากเจ้านายของคุณไม่เต็มใจที่จะรับฟังความคิดเห็นจากคุณโดยตรง ขั้นตอนต่อไปคือ ปล่อยให้คนอื่นพูดแทนคุณ ใช้ประโยชน์จากพลังเพื่อนร่วมงาน ให้ความคิดเห็นของคนที่ทำงานที่มองเห็นคุณค่าในสิ่งที่คุณทำได้ส่งต่อไปให้ถึงเจ้านายของคุณ เมื่อคุณทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น และพวกเขาชมเชยการทำงานของคุณ ลองขอให้พวกเขาส่งต่อคำชมเชยนี้ให้เจ้านายของคุณโดยตรง คำชมพวกนี้อาจไม่จำเป็นต้องมาจากเพื่อนร่วมงานเสมอไป อาจมาจากลูกค้าหรือผู้ชมภายนอกที่ประทับใจในการทำงานของคุณก็ได้
6. การโบกมือลา: หากคุณได้พยายามทุกอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เจ้านายเข้าใจ ให้การช่วยเหลือ หรือ เห็นคุณค่าสิ่งที่คุณทำได้ สิ่งที่เดียวที่คุณทำได้คือเปลี่ยนเจ้านาย เปลี่ยนแผนก หรือเปลี่ยนบริษัท คุณต้องเริ่มยอมรับความไร้ประสิทธิภาพของเจ้านายของคุณคุณ และต้องรับรู้ได้แล้วว่า ถ้าอยู่ต่อคงมองไม่เห็นความก้าวหน้าทางสายอาชีพแน่นอน อาจจะถึงเวลาที่คุณต้องคิดเกี่ยวกับการดำเนินการต่อจากนี้ คุณคงไม่อยากเสียความสามารถให้กับคนที่ไม่คู่ควรกับคุณใช่ไหมล่ะ
เจ้านายที่ไร้เดียงสา และ บริษัทที่ไร้หางเสือ มีจริงและเป็นความจริงที่เราต้องยอมรับ แต่เรื่องนี้อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นความจริงของคุณ บางคนจะไม่เข้าใจหรือชื่นชมสิ่งที่คุณนำเสนอ นั่นเป็นความจริงที่ยากจะกลืน แต่ไม่เป็นไรเพราะคนอื่นจะชื่นชมคุณแทน หากกำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ขอให้หายใจลึกๆ แล้วเริ่มมองหากิ๊กคนต่อไปของคุณ (ในที่นี่หมายถึงหัวหน้าหรือเจ้านายคนใหม่) เพียงให้แน่ใจว่าคุณพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อประเมินวัฒนธรรมของบริษัทและรูปแบบการจัดการของเจ้านายในอนาคตของคุณก่อนที่คุณจะตอบรับข้อเสนอ คุณจะขอบคุณตัวเองที่เดินหน้าต่อไปในระยะยาว และบริษัทใหม่และเจ้านายของคุณจะขอบคุณดาวนำโชคที่ได้พบคุณ
บทสรุป
เมื่อคุณก้าวเข้าไปทำงานในบริษัทใดก็ตาม แน่นอนว่าเราไม่สามารถรู้ได้ตั้งแต่หนึ่งถึงสองสัปดาห์แรกแล้วว่าบุคลากรในบริษัทนั้นเป็นคนอย่างไร? ต้องเอาตัวรอดหรือหาหนทางที่จะก้าวหน้าทางสายอาชีพภายในบริษัทได้อย่างไร? คุณจึงจำเป็นต้องสังเกตให้มาก ศึกษาผู้คนรอบตัว โดยเฉพาะคนที่เป็นตัวแปรสำคัญต่อความก้าวหน้าในการทำงานของคุณอย่าง เจ้านาย
การเป็นเจ้านายไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะทำทุกอย่างได้ดี ตั้งแต่ภาพรวมวงกว้างไปจนถึงรายละเอียดปลีกย่อย เจ้านายก็สามารถทำผิดพลาดได้ มองข้ามเรื่องที่สำคัญได้ หรืออาจจะทำตัวไม่ถูกเนื่องจากภาวะผู้นำไม่ใช่เจ้านายทุกคนจะมีกันได้แบบครบถ้วน นี่จึงเป็นสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจเสียก่อน เพราะฉะนั้นในฐานะพนักงานที่ต้องทำงานใต้บังคับบัญชาของหัวหน้า หากคุณอยากจะไปได้ดีกับหัวหน้า คุณต้องมองหาช่องทางในการขอการสนับสนุนจากเขา การเป้นที่มองเห็น การให้คุณค่า ซึ่งจะต่อยอดทำให้คุณก้าวหน้าในการทำงานได้ แต่ถ้าคุณพยายามอย่างที่สุดแล้ว ช่องทางนั้นยังคงตีบตันและมืดสนิท คุณอาจจะต้องเริ่มมองหาช่องทางนั้นจากเจ้านายคนอื่นแทน โดยที่คงความเป็นคุณเอาไว้ และจำไว้ว่าคุณได้ทำดีที่สุดแล้วถึงแม้ว่าเจ้านายคนนี้จะมองไม่เห็นก็ตาม
“การเริ่มต้นใหม่และหางานใหม่เป็นเรื่องยาก แต่การเอาหัวโขกกำแพงเพื่อให้คนอื่นเห็นว่าคุณมีค่านั้นยากยิ่งกว่า”
Reference:
6 Steps for Dealing With a Boss Who Doesn’t Understand What You Do
บทความแนะนำ:
5 Secrets to Developing a Better Relationship With Your Boss
หัวหน้าไม่ชอบเรา เพราะมีอคติที่ไม่ดีกับเรา หรือ เพราะเหตุผลอื่น?