Brain Performance Management – Neuroscience of Talent Development เป็นการประยุกต์นำเรื่องของการดึงศักยภาพสมองของมนุษย์ มาพัฒนาให้สอดคล้องกับเรื่องของการพัฒนาคนขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ Recruitment, Learning and Development, Succession Planning หรือ แม้กระทั่งในเรื่องของการดูแลสุขภาวะ (Wellbeing) ในการทำงาน
ความท้าทายในเรื่องของการบริหารจัดการคน
เรื่องของการบริหารจัดการคนในองค์กร ถือเป็นเรื่องท้าทายมากในยุคนี้ องค์กรทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ ต่างก็กำลังประสบปัญหาและความท้าทายมากมายในหลายประเด็น อาทิเช่น
- เรื่องของ Employee Mental Health: ปัญหาความเครียด วิตกกังวล ปัญหา Burnout ของพนักงาน อันสืบเนื่องมาจากสถานการณ์ของ COVID-19 และ การเปลี่ยนแปลงในองค์กร
- เรื่อง Talent War: การสรรหาพนักงานเก่งๆ และ รวมไปถึงการรักษาพนักงานเก่งๆ ในองค์กร ก็เป็นประเด็นที่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีทีท่าว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ
- เรื่อง Employee Experiences: เพื่อเป็นการดึงดูดพนักงานเก่งๆ และ พนักงานดีๆ ให้เข้ามา หรือ ให้อยู่กับองค์กรต่อไป เพราะคนรุ่นใหม่ ต่างก็มองหาองค์กรที่สามารถให้ประสบการณ์ที่ดี และ น่าสนใจกับพวกเขาได้
- เรื่อง Succession Planning: หลายๆ องค์กร ต้องสูญเสียพนักงานที่ดีและเก่งๆ ไป และไม่าสามารถสร้างคนมาทดแทนได้ทัน หรือ ขาดวิธีการพัฒนาคนที่ตรงจุด
- เรื่อง Employee Engagement: สถานการณ์ COVID-19 เนื่องจากสภาพการทำงานที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็น remote หรือ hybrid works ก็มีผลกระทบต่อตัวพนักงานมากเช่นกัน ส่งผลกระทบต่อเรื่อง Employee Engagement
- เรื่อง Talent Learning and Development: รูปแบบการเรียนรู้ สำหรับพนักงานกลุ่ม Talent หรือ อาจจะรวมไปถึงพนักงานทั่วๆป จำเป็นต้องเปลี่ยนไป เพราะรูปแบบเดิมๆ อาจจะไม่ตอบโจทย์อีกต่อไปแล้ว เนื่องจากไม่ได้ทำให้ผลลัพธ์ของการพัฒนาในรายบุคคลดีขึ้นเท่าที่ควร และไม่สามารถสร้างคนได้ทัน หรือ ตอบโจทย์ขององค์กรได้
“ทุกคนต่างก็อยากจะเก่งขึ้น อยากจะพัฒนาตนเอง แต่วิธีการแบบไหน? ที่เหมาะกับคนแต่ละคน?”
ทีมงาน InMind ได้ทำการศึกษาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ทางด้านคลินิกกิจกรรมบำบัดจิตสังคมทั้งเคสที่ป่วยและป้องกันก่อนป่วย รวมไปถึงการทบทวนงานวิจัย และการทำโครงการวิจัยมากมายที่ผ่านมา เราพบว่า การทำงานจากสมองส่วนหน้าของมนุษย์ที่สื่อสารกับสมองส่วนต่างๆ ประกอบไปด้วย ทักษะ Soft Skills ที่สำคัญ 4 ประการ นั่นก็คือ Creativity, Flexibility, Empathy และ Leadership และจากงานวิจัยที่ดังกล่าว เพิ่มเติมด้วยกระบวนการ Human Brain Mapping จะทำให้สามารถวัดผลและเข้าใจความสัมพันธ์ของ Soft skills กับตำแหน่งต่างๆ ในสมอง ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงเชิงบุคลิกภาพรายบุคคลได้
InMind ได้ประยุกต์วิธีการจากงานวิจัยที่พิสูจน์แล้ว ทำให้ได้ข้อสรุปว่า การวัดคลื่นสมองทำให้เราสามารถทราบผลการประเมินสภาวะร่างกายของเรา ณ ปัจจุบันขณะว่า เรามีศักยภาพสูงสุดภายใน ตามตำแหน่งของสมองที่ส่งพลังงานศักย์ประจุไฟฟ้าของเซลล์ประสาทตามพลังงานจลน์คลื่นสมอง 4 รูปแบบ (Alpha, Beta, Delta and Theta Waves) ในระดับมิลลิวินาทีได้ โดยเราจะได้ 2 หมวดใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้
- Talented Brain Performance : คลื่นสมองที่วัดได้จะถูกแปลงออกมาเป็นค่า ที่สามารถแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ซ่อนเร้นของสมองของเรา ทั้ง 4 ด้าน ดังต่อไปนี้ คือ Creativity, Cognitive Flexibility, Empathy และ Leadership ซึ่งเราจะได้เข้าใจศักยภาพของสมองของเราเอง เพื่อนำไปสู่การฝึกสมอง วางแผนเพื่อการพัฒนาทักษะในการทำงาน และ การดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Mindful Life Balance : การวัดคลื่นสมองทำจะให้เราทราบถึงสุขภาพของสมองได้เช่นกัน โดยเราสามารถวัดผลได้ใน 3 ด้าน คือ Positive Thinking (ความคิดบวก), Eustress (ความเครียดบวก) และ Compassion (ความเมตตากรุณา) ได้ นอกจากนี้ เรายังสามารถวัดผลในเรื่องของ Growth Mindset ได้อีกด้วย ซึ่ง Growth Mindset ในที่นี้คือ ผลรวมของ Eustress (ความเครียดบวก) และ Compassion (ความเมตตากรุณา) นั่นเอง
Talented Brain Mapping Performance
“หากคนเรายังมีการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี สมองของเราก็ต้องการการตรวจสุขภาพเช่นกัน”
กระบวนการ Talented Brain Mapping Performance เป็นการประเมินศักยภาพของสมอง ณ เวลานั้นๆ ว่าสมองของบุคคลนั้น มีศักยภาพในเรื่องของ Creativity, Cognitive Flexibility, Empathy, Leadership และ Mindful Life Balance อยู่ระดับใด?
หากบุคคลนั้นๆ ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากศักยภาพของสมองที่เขามีอย่างเต็มที่ ก็อาจจะไม่สามารถสร้างผลสัมฤทธิ์ในการทำงานได้ ผลของ Talented Brain Mapping Performance เปรียบเสมือนการตรวจร่างกายประจำปี เพียงแต่เป็นการตรวจวัดผลศักยภาพของสมองเป็นรายบุคคล เพื่อเป็นข้อมูลเพื่อนำไปสู่การออกแบบ Learning and Development Program รวมไปถึง Succession Planning Program ที่เหมาะสมกับรายบุคคลนั้นๆ เพื่อเป้าหมายที่นำไปสู่การเรียนรู้และการพัฒนาที่มีสุขภาวะอย่างแท้จริง
“ศักยภาพสมองมีพร้อม แต่หากไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ ก็ไม่เกิดผลงาน”
ยกตัวอย่างเช่น พนักงานท่านนึง มีศักยภาพในด้าน Creativity ที่สูงมาก แต่ปรากฏว่างานปัจจุบันที่ทำไม่ได้มีลักษณะงานที่เอื้อกับการให้เขาได้ใช้ความสามารถด้าน Creativity ผลลัพธ์ที่ได้ของงานก็อาจจะขาดมิติในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ไป
นอกจากนี้ประโยชน์ที่ได้จากการประเมินศักยภาพสมองยังมีอีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง Self-Health Maintenance จะทำให้เราเข้าใจศัยภาพของสมองของเราเอง เราก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีชีวิตชีวา มีจิตประสาทการเคลื่อนไหวที่รับฟังและมองเห็นอย่างคล่องแคล่ว มีการสงวนพลังงานให้อึด ฮึด สู้ สามารถจัดการความล้าได้อย่างเหมาะสมในทุกสถานการณ์ปัญหาชีวิต ทำให้มีอารมณ์ยืดหยุ่นคิดบวก มีความระลึกจำแม่นยำ และยัง ช่วยป้องกันสมองเสื่อมก่อนวัยได้อีกด้วย
อย่าปล่อยให้มารู้ ก็ตอนที่สายไปเสียแล้ว เพราะถ้าเรารอจนร่างกายเจ็บปวดอ่อนล้าเรื้อรัง ยกตัวอย่างเช่น อาการ Money Worrying Depressive Anxiety ที่เกิดการสะสมเป็น Empathy Fatigue ส่งผลกระทบต่อความรัก ความเข้าใจ ในการสื่อสารพัฒนาจิตเติบโตของทั้งตนเอง กับคนรอบตัวในสังคม และคนในครอบครัวได้
InMind ใช้กระบวนการเชิงออกแบบที่ตีพิมพ์ในวารสารชั้นนำ ทำให้เป็นต้นแบบในการพัฒนาเซลล์กระจกเงาหรือเครือข่ายของสมองที่สังเกตเลียนแบบตามธรรมชาติ พร้อมค้นพบเครือข่ายสมองที่สำคัญต่อการบ่มเพาะทำความดีใน 4 คุณลักษณะ รวมเรียกว่า การเรียนรู้คู่คุณธรรม Vicarious Learning Coupled With Cognitive Empathy ประกอบด้วย Creativity, Flexibility, Empathy (cognitive), & Leadership ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น โดยถ้าวัดคลื่นสมองซ้ำหลังการฝึกสมอง 45 วัน ก็จะทำนาย Talented Performance Capacity อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติตามมาตราฐานสากล
โดยในกระบวนการของ InMind เราจะใช้เครื่องวัดคลื่นสมองใน 1 วัน เพื่อเปรียบเทียบการทำงานของสมองตระหนักรู้ในตนเอง (Resting Brain) และ ดูการดึงศักยภาพของสมอง (Talented/Talenting Brain) ขณะคิดบวก พูดน้ำเสียง 3 ระดับ และบันทึกเสียงผ่าน 4Voices application ทำให้ได้ค่า Growth Mindset ที่มาจากผลรวมของ Eustress และ Compassion ที่สะท้อนถึง Brain Health ที่มีการเปลี่ยนแปลงคลื่นสมองจากภายในจิตใจสู่ภายนอกร่างกาย หรือ Mindful Life Balance ทำให้สามารถทำนายเป็นตัวเลขออกมาได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่เรียกว่า Functional Brain Capacity หรือ Talented Brain Performance
ตัวอย่างกระบวนการดึงศักยภาพของสมองมาใช้งานมีหลายรูปแบบ เช่น Talented หรือ Talenting Brain Exercise แล้ววัดผลการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมองโดยทำการเปรียบเทียบก่อนและหลัง เพื่อดูว่า มี Brain Health with Happy Workplace เป็นอย่างไร เป็นต้น
อ้างอิง Social Emotional Learning Model ที่ว่า “ถ้าเรารู้ตัวว่าสมองมีศักยภาพก็จงใช้สมองด้วยการเข้าร่วมทำกิจกรรมที่มีคุณค่าในชีวิต 10% กับทีมที่ Talented Brain ก็จะนำมาให้เกิด Team Competency ได้อย่างมีเป้าหมาย 90% โดยไม่ต้อง Coaching แต่ถ้าเราสามารถดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดีตามหลักการทางกิจกรรมบำบัดคือ “เมื่อเรา Personal Causation ก็จะบ่มเพาะ Habit ที่ดีมี 108 อารมณ์ ก็จะเรียนรู้การพัฒนาความสุข ความสามารถในการใช้ชีวิตอย่างสมดุล หรือ Life Balance ได้นั่นเอง
ดังนั้นหากเราไม่ทำการ Early Detection ด้วยการวัดคลื่นสมองตัวเราเอง เพื่อทำให้เรารู้ทั้งมิติสุขภาพและมิติศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่โดยไม่มีโอกาสได้ใช้ในการทำงานจริง ที่เรียกว่า Empathic Distress Fatigue ซึ่งสามารถทำการทดสอบได้ด้วยการทดสอบคะแนนความจำ ความสุขผ่านการจัดลำดับกิจกรรมที่สำคัญของชีวิต การเลือกฟังคลื่นสมองสองเสียง และการทดสอบความคิดบวกผ่านน้ำเสียง ซึ่งจากการทดลองพบว่า สมองของมนุษย์จะสะสมประสบการณ์การเรียนรู้เครียดบวก (Eustress) มาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กอายุ 8 ปี จนถึงวัยทำงานอายุไม่เกิน 50 ปี และความเมตตากรุณา (Compassion) เพื่อสื่อสารภายในเป็นความทรงจำให้จิตเติบโต ที่เรียกว่า Growth Mindset นั่นเอง
ในอนาคตอันใกล้นี้ หากมีการนำเรื่องการวัดสุขภาพสมองเข้ามาใช้ในองค์กรกันมากขึ้น เราก็จะได้เห็นแนวทางการออกกำลังสมองเฉพาะรายบุคคลได้ โดยอ้างอิงจากสถิติ ถ้าเราออกกำลังกายสมองต่อเนื่อง 45 วัน ก็จะได้ผลการทำงานของสมองภาพรวมดีขึ้น 60-70%
แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตรวจศักยภาพของสมองที่มีอยู่ปัจจุบันของคนคนนั้นเป็นสำคัญว่า มีการใช้งานหนักหรือใช้น้อยเกินไปหรือเปล่า และยังเกี่ยวข้องกับพื้นฐานอารมณ์ การใช้ชีวิตที่ดูแลสุขภาพดี และอุปนิสัยของความคิดบวกมีอารมณ์ยืดหยุ่นและมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ของคนคนนั้นอีกด้วย
เพราะจากงานวิจัยมากมายในปัจจุบัน ได้มีการยืนยันแล้วว่า การออกกำลังกายที่เน้นฝึกสมองมีประโยชน์มากมายหลายด้าน เช่น สามารถเพิ่มความจำ ความคิดแก้ปัญหา ความคิดสร้างสรรค์ และป้องกันภาวะซึมเศร้าวิตกกังวล ย้ำคิดย้ำทำ นอนไม่หลับ และอารมณ์ตึงเครียดจนสมองเสื่อมก่อนวัย ซึ่งประเด็นเหล่านี้กำลังเป็นปัญหาที่สำคัญมากที่เกิดขึ้นกับคนในวัยทำงาน
“ศักยภาพสมองของเรามีมากกว่าที่เราคิด หากเรารู้และเข้าใจ เราก็จะสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”