DISC กับการอ่านคน ทฤษฎีเรื่อง DISC เป็นการศาสตร์ทางจิตวิทยาด้านบุคลิกภาพ ซึ่งหากเราเข้าใจในเรื่องนี้ เราก็จะสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ง่ายกว่าเดิม ปัญหาเรื่องไม่เข้าใจผู้อื่น หรือ ไม่รู้ว่าจะรับมือกับคนที่ทำงานยากๆ เช่นเจ้านาย ก็จะลดลง
ดังตัวอย่างจากเรื่องจริงและสถานการณ์จริง ที่มาจากเรื่องเล่าของแฟนเพจท่านนึงที่มีปัญหาในเรื่องการทำงานร่วมกับเจ้านาย….
“ทำดีที่สุดแล้ว แต่ทำไมเจ้านายถึงไม่พอใจสักที” แอม บ่นเชิงตัดพ้อกับเพื่อนสนิทของเธอ
แอม ทำงานกับที่บริษัทนี้ มาเกือบๆ 4 เดือน ตอนนี้ก็ใกล้จะหมดช่วงทดลองงานแล้ว และ ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า เจ้านายของเธอและฝ่ายบุคคลจะทำการประเมินว่าแอม จะผ่านทดลองงานกับบริษัทหรือไม่ และนี่คือเรื่องที่เธอกำลังเป็นกังวลอยู่
แอม เครียดมาก มีแต่ความวิตกกังวล เพราะที่นี่คือบริษัทที่ 5 แล้ว ในชีวิตการทำงาน 8 ปี ของเธอ เธอบอกว่า เธอไม่อยากไปเริ่มต้นหางานใหม่อีกแล้ว เธออยากจะอยู่ที่นี่ไปยาวๆ สักพักนึง เพราะแอมรู้สึกว่าชอบงานที่ทำมาก งานที่นี่ทำให้เธอมีแรงบันดาลใจ และกระตือรือล้นที่อยากจะเรียนรู้ และ อยากลงมือทำในหลายๆ เรื่อง
เพื่อนร่วมงานหลายคนก็ดีกับแอม แอมบอกว่า ที่นี่ทำงานร่วมกันเหมือนกับครอบครัว เธอรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน ได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวส่วนตัวของตนเองและประสบการณ์ของตนเองกับเพื่อนร่วมงาน มันทำให้เธอรู้สึกดี รู้สึกว่าทุกคนให้ความสำคัญกับเธอ และมองว่าเธอเป็นคนสำคัญ
แต่กลับเจ้านาย มันตรงกันข้าม เธอไม่มีความสุขเลย เพราะ ตั้งแต่เริ่มงานกับที่นี่มา เธอไม่เข้าใจว่าทำไม เจ้านายไม่เคยพอใจในผลงาน หรือ ในสิ่งที่เธอทำเลย
หรือ เจ้านายมองว่าเธอไม่มีความตั้งใจในการทำงาน?
แอม บอกว่าไม่น่าใช่ เพราะเธอพยายามเป็นอย่างมากสำหรับงานนี้ เธอแสดงความกระตือรือล้นทุกครั้ง ที่ได้รับมอบหมายงานจากเจ้านาย แต่หลังจากที่ทำงานส่งไป เธอก็มักจะเจอกับ คำตำหนิ คำติเตียนจากเจ้าในส่ิงที่เธอทำเสมอ
แอม รู้สึกแย่มาก ในทุกๆ ครั้ง ที่เธอโดนตำหนิ และ ที่ผ่านมาเจ้านายไม่เคยแม้กระทั่งชื่นชมในความตั้งใจ หรือในความพยายาม ในสิ่งที่เธอได้ทำลงไปเลย
หรือ เจ้านายมองว่าเธอไม่ Friendly?
แอม บอกว่าไม่น่าใช่ เธอบอกว่า เธอเป็นมิตรกับทุกคน และที่สำคัญเธอก็พยายามเป็นอย่างมากที่จะสร้างความเป็นมิตรกับเจ้านาย แต่เจ้านายกลับแสดงท่าทีเพิกเฉย ละเลย ไม่ค่อยสนใจเธอ
เธอคิดว่าเจ้านายอาจจะไม่ชอบเธอ หรือ ไม่พอใจอะไรเธอบางอย่างแน่ๆ เพราะ เจ้านายมักแสดงท่าทีเย็นชา ในหลายๆ ครั้ง และในการพูดคุยกับเธอ
หรือ แม้กระทั่งในที่ประชุมล่าสุด แอมพยายามที่จะเสนอไอเดียในการแก้ปัญหาในเรื่องสินค้าตัวใหม่ที่เธอคิดว่าเจ๋งแล้ว แต่เจ้านายกลับปฏิเสธที่จะพิจารณาไอเดียของเธอ โดยเจ้านายตอกกลับเธอมาว่า “ไอเดียของเธอมันเพ้อฝัน ขาดข้อมูลสนับสนุน และทำจริงก็ไม่ได้ ถ้าเธอคิดได้แค่นี้ คราวหน้าก็อย่าออกความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น มันทำให้คนอื่นเขาเสียเวลา”
เธอรู้สึกเสียหน้าและอายมาก ที่โดยเจ้านายพูดแบบนั้นต่อหน้าเพื่อนๆร่วมงานหลายคน และ ที่แย่กว่านั้น เธอรู้สึกหมดพลัง หมดกำลังใจในการทำงานในวันนั้นไปเลย
ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกหมดพลัง หมดใจ และ ถอดใจกับการทำงานที่นี่แล้ว
แอม ตัดพ้อกับตนเอง “รึว่าฉันจะต้องตกงานจริงๆ คงต้องรีบหางานใหม่อีกแล้ว”
ประสบการณ์กับ 5 บริษัท ในระยะเวลา 8 ปี ที่ผ่านมาของแอม มักจะทำงานกับที่ใดที่หนึ่งได้ไม่ได้นาน ถ้าดูจากค่าเฉลี่ยก็ราวๆ ปีครึ่ง และ ปัญหาที่แอมต้องเปลี่ยนงานบ่อย ไม่ใช่เรื่องของการมองหาความก้าวหน้า หรือ รายได้ที่มากขึ้น
แต่สาเหตุที่เธอเปลี่ยนงานทุกครั้ง ล้วนมาจากปัจจัยเดียวกัน นั่นก็คือเรื่องของเจ้านาย (อาจจะรวมไปถึงบางกรณีก็มีเพื่อนร่วมงานเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย)
เธอมักจะมีปัญหา เข้ากับเจ้านายไม่ได้ อาการคือ ทำอะไรไม่เข้าตา หรือ ทำอะไรก็ถูกมองว่าผิด ไม่ดี ไม่ถูกใจ เป็นต้น
“เจ้านายคือต้นเหตุของการเปลี่ยนงานของเธอ นี่คือ ปัญหา และ คือ สิ่งที่เธอคิด”
แต่จริงๆ แล้ว เธออาจจะลืมมองไปว่า ต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริง อาจจะมาจากตัวเธอก็เป็นได้
ในหลายๆ สถานการณ์ในที่ทำงาน พวกเราน่าจะเคยเป็นแบบนี้บ้างใช่ไหมครับ?
บางครั้งเราก็รู้สึกว่าทำงานกับคนนี้ง่ายมาก แต่ทำงานกับอีกคนโคตรยากเลย
ทำงานกับบางคนสบายใจมาก แต่ทำงานกับบางคนโคตรหนักใจ โคตรอึดอัดเลย
ก็เพราะมันเป็นเรื่องของการทำงานกับคน เพราะคนที่เราเจอก็ไม่ได้มีแค่ประเภทเดียว หรือ คนที่เราต้องทำงานด้วยก็อาจจะไม่ใช่คนแบบเดียวกันกับเรา หรือ คนในแบบที่เราชอบเสมอไป เรามีโอกาสต้องเจอกับคนประเภทที่เราไม่ชอบ (ในที่นี้หมายถึงนิสัยและพฤติกรรม) ได้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น หลายๆ ครั้ง ที่เราคิดว่าหรือสรุปไปแล้วว่าปัญหาเกิดจากฝั่งตรงข้าม ซึ่งจริงๆ แล้ว อาจจะมาจากตัวเราเอง เป็นเพราะเราเอง ไม่เข้าใจ บุคคลิก พฤติกรรม หรือ นิสัย ของฝั่งตรงข้าม ทำให้เราไม่สามารถหาวิธีการรับมือ หรือ หาวิธีที่จะทำงานร่วมกันได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ
“คนเก่งงาน ก็ถือว่าดี แต่ถ้าเป็นคนเก่งเรื่องคนด้วย ถือว่ายอดเยี่ยม”
ดังนั้นในการทำงานร่วมกับผู้อื่น เราเองก็ต้องเข้าใจตนเอง รู้จักจุดเด่นและข้อจำกัดของตัวเอง เพื่อที่เราจะได้สามารถปรับตัวเข้ากับผู้อื่น และเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
นอกจากนี้ เราจำเป็นจะต้องเรียนรู้เรื่อง บุคคลิก พฤติกรรม หรือ นิสัย ของคนที่เราต้องร่วมงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า หรือ คนสำคัญในครอบครัว เพื่อที่เราจะได้สามารถบริหารจัดการความสัมพันธ์กับคนเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ประสบความสำเร็จในการได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา
ดูเรา ดูเขา และหาทางรับมืออย่างชาญฉลาดด้วย DISC Model
ทฤษฎีเรื่อง DISC เป็นการศาสตร์ทางจิตวิทยาด้านบุคลิกภาพ ที่คิดค้นเริ่มต้นโดย Dr. Carl Gustav Jung ในปี 1921 จากนั้นก็พัฒนาต่อมาโดย William Moulton Marston ในปี 1928 โดยเขาได้เขียนหนังสือเรื่อง Emotion of Normal People และ ต่อยอดงานของ Dr. Jung กลายเป็น DISC Model โดยเขาใช้วัดและแบ่งพฤติกรรมของคนปกติ ออกเป็น 4 ประเภท คือ
- D (Dominance) : เป็นคนประเภทที่ ชอบบงการ ออกคำสั่ง ตรงไปตรงมา ตรงประเด็น เข้มงวด ชอบการแข่งขัน เป็นต้น
- I (Influence) : เป็นคนประเภทที่ ชอบเข้าสังคม ช่างพูดช่างคุยโดยเฉพาะเรื่องของตนเอง กระตือรือล้น ชอบจินตนาการ เปิดเผยชอบแสดงออก เป็นต้น
- S (Steadiness) : เป็นคนประเภทที่ จริงใจ ใจเย็น ชอบเอาใจใส่ผู้อื่น เป็นคนลังเล ไม่เด็ดขาด เป็นคนชอบความปลอดภัยไม่ชอบความเสี่ยง เป็นต้น
- C (Compliance) : เป็นคนประเภทที่ ละเอียด ชอบความชัดเจน มีเหตุมีผล ยึกถือกฏกติกา ชอบความสมบูรณ์แบบ ชอบอะไรเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ชอบเข้าสังคม เป็นต้น
นั่นหมายความว่าหากเราใช้ DISC กับการอ่านคน ถ้าเรารู้จักตัวเรา รู้จักตัวเขา การสื่อสาร หรือ การเจรจา ก็ง่ายนิดเดียว
กลับมาดูที่เรื่องของแอม
ถ้าดูตาม DISC แอม น่าจะเป็นคน ประเภท I (Influence)
ซึ่งแอมได้แสดงให้เห็นถึงลักษณะเด่นของคนประเภทนี้หลายอย่าง เช่น การชอบเข้าสังคม ชอบการพูดคุย การชอบแสดงความเป็นมิตร แต่ปัญหาของแอม ซึ่งเป็นคน ประเภท I (Influence) ก็คือ เป็นคนมีอารมณ์อ่อนไหว กับสิ่งที่คนอื่นพูดถึงตนโดยเฉพาะในทางที่ไม่ดี
ส่วนในเรื่องของการทำงาน มักจะทำงานแบบไม่ค่อยมีการวางแผน กล่าวคือ ได้อะไรมาก็ทำเลย อยากทำก็ทำเลย และ ไม่ค่อยชอบลงรายละเอียด
ถ้าดูลักษณะของเจ้านายคนล่าสุดของแอม น่าจะเป็นคนประเภท C (Compliance)
ซึ่งเจ้านายของแอม ได้แสดงให้เห็นถึงลักษณะเด่นของคนประเภทนี้หลายอย่าง เช่น เป็นคนที่ดูเย็นชา ไม่ชอบคุย ชอบเป็นทางการ เป็นคนที่ชอบความละเอียด ชอบการทำงานที่เป็นลำดับขั้น เป็นต้น
ด้วยลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั้งของแอม และ เจ้านาย มันคนละขั้วเลย ทำให้เวลาพูดคุย สื่อสาร ทำงานด้วยกันจึงมีปัญหา
เพราะเจ้านายของแอม ไม่ชอบคนที่เม้ามอย ไม่ชอบคนที่ทำงานที่ไม่ละเอียดไม่มีข้อมูลสนับสนุน ไม่ชอบคุยในเรื่องวิธีการแก้ปัญหาที่ยังไม่ได้มีการทดสอบ นั่นเลยเป็นผลทำให้ เจ้านายมักไม่สนใจข้อเสนอ หรือ ไอเดียของแอม และไม่ชอบในยามที่แอมมาชวนคุย หรือ พยายามมาสร้างความเป็นมิตร เพราะเจ้านายประเภทนี้ชอบความเป็นทางการ ต้องการมีระยะห่าง ไม่ชอบคุยเรื่องส่วนตัว
ดังนั้น ถ้าแอม อ่านออกและเข้าใจว่าเจ้านายเป็นคนแบบไหน
วิธีการสื่อสารและการรับมือกับเจ้านายก็จะง่ายมาก และในท้ายที่สุด แอมก็จะสามารถทำงานร่วมกับเจ้านายแบบไหน หรือ เพื่อนร่วมงานแบบใดก็ได้ โดยไม่ต้องมาเครียด หรือ วิตกกังวลอีกต่อไป แถมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์อีกด้วย
“ไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจคนอื่นเขา มันก็ทำให้การสื่อสาร และ การทำงานเป็นไปได้ยากลำบาก”
นี่แหละครับ ปัญหาหลักๆ ที่คนทำงานมักมองข้าม จนทำให้ลุกลามเป็นปัญหาใหญ่ จนต้องลาออก
เรื่องของ DISC กับการอ่านคน มีประโยชน์มาก ตอบโจทย์ในเรื่องการสื่อสารและการบริหารความสัมพันธ์ในที่ทำงาน และยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับเรื่องส่วนตัวได้อีกด้วย
ถ้าอยากรู้ว่าเราเป็นแบบไหน และอยากเรียนเพิ่มเติมในการอ่านคนว่าเขาเป็นแบบไหน? จะได้หาวิธีสื่อสาร และ วิธีโน้มน้าวได้อย่างถูกใจ และ ถูกจุด
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาตนเองสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
DISC กับงานขาย ช่วยให้เราเข้าใจลูกค้า และปิดการขายได้ง่ายยิ่งขึ้น