Emotional Intelligence หรือ ความฉลาดทางอารมณ์ เป็นทักษะที่สำคัญที่ทุกคนควรมี เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ที่เราต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องควบคุมอารมณ์ทั้งของตัวเองและผู้อื่น การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ จะสามารถช่วยให้เราแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปัญหาที่พบบ่อยในการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์
- การควบคุมอารมณ์ในสถานการณ์ที่กดดัน
- การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงานและชีวิตส่วนตัว
- การจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวล
- การทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากอารมณ์ของผู้อื่น
- การตัดสินใจที่มีเหตุผลในขณะที่เผชิญกับความรู้สึกที่รุนแรง
หนังสือ Emotional Intelligence โดย Daniel Goleman เป็นแหล่งข้อมูลที่ยอดเยี่ยมในการพัฒนาทักษะเหล่านี้ ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จทั้งในด้านส่วนตัวและการทำงาน และนี่คือ 10 บทเรียนสำคัญ ที่ทีมงาน The Practical ได้จากหนังสือเล่มนี้
บทเรียนที่ 1: ความตระหนักรู้ในตนเอง
การรู้จักตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ “การเข้าใจตนเองเป็นขั้นตอนแรกในการควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของเรา” ตัวอย่างเช่น หากคุณรู้สึกโกรธ คุณควรหยุดและสำรวจสาเหตุที่ทำให้คุณรู้สึกเช่นนั้น โดยการทำสมาธิหรือการเขียนบันทึกอารมณ์จะช่วยให้คุณรู้จักตัวเองได้ดีขึ้น
“การรู้จักตัวเองคือกุญแจสำคัญในการควบคุมอารมณ์”
ตัวอย่าง: เมื่อลินดารู้สึกโกรธกับเพื่อนร่วมงานที่ไม่ทำงานร่วมกัน เธอหยุดและสำรวจว่าความโกรธของเธอมาจากความเครียดจากงานอื่น เมื่อเธอเข้าใจสิ่งนี้ เธอสามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานอย่างสร้างสรรค์แทนการโต้เถียงแทน
บทเรียนที่ 2: การควบคุมตนเอง
การมีวินัยในตนเองช่วยให้เราสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ อย่างมีเหตุผล “ความอดทนเป็นการควบคุมตนเองที่ดี” ตัวอย่างคือ เมื่อมีความขัดแย้งในที่ทำงาน การรักษาความสงบและการแสดงความเห็นอย่างสุภาพจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้ดีขึ้น เช่น การใช้เทคนิคการหายใจลึกๆ เพื่อลดความตึงเครียด
“ความอดทนเป็นการควบคุมตนเองที่ดี”
ตัวอย่าง: จอห์นรู้สึกไม่พอใจกับความคิดเห็นของหัวหน้าในที่ประชุม แทนที่จะตอบโต้ด้วยความโกรธ เขาเลือกที่จะหายใจลึกๆ และคิดก่อนที่จะตอบกลับอย่างสุภาพและเหตุผล
บทเรียนที่ 3: การกระตุ้นตนเอง
การมีแรงจูงใจที่ดีจะทำให้เรามีเป้าหมายและมุ่งมั่นในการทำงาน “แรงจูงใจภายในเป็นพลังที่สำคัญในการทำให้เราก้าวไปข้างหน้า” ตัวอย่างคือ นักกีฬาที่ฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อที่จะได้เหรียญทอง การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและแบ่งเป็นขั้นตอนย่อยๆ จะช่วยให้เรามีความกระตือรือร้นในการทำงาน
“แรงจูงใจภายในเป็นพลังที่สำคัญในการทำให้เราก้าวไปข้างหน้า”
ตัวอย่าง: ซาร่าตั้งเป้าหมายที่จะเป็นนักเขียนชื่อดัง เธอเขียนทุกวันและหมั่นหาความรู้เพิ่มเติม เธอแบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นขั้นตอนย่อยๆ เพื่อให้สำเร็จตามแผน
บทเรียนที่ 4: การเข้าใจอารมณ์ของผู้อื่น
ความสามารถในการอ่านและเข้าใจอารมณ์ของผู้อื่นจะทำให้เราสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้ “การเอาใจใส่ผู้อื่นคือการเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น” ตัวอย่างคือ ผู้นำที่สามารถเข้าใจและสนับสนุนทีมงานของเขาได้ดี การฝึกฝนการฟังอย่างลึกซึ้งและการแสดงความเห็นใจจะช่วยให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
“การเอาใจใส่ผู้อื่นคือการเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น”
ตัวอย่าง: มิเชลเห็นว่าเพื่อนร่วมงานของเธอดูเครียดและไม่มีสมาธิในการทำงาน เธอเข้ามาพูดคุยและให้กำลังใจ ทำให้เพื่อนร่วมงานรู้สึกดีขึ้นและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทเรียนที่ 5: การจัดการความสัมพันธ์
การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเป็นส่วนสำคัญของความฉลาดทางอารมณ์ “ความสัมพันธ์ที่ดีคือการสร้างสะพานไม่ใช่กำแพง” ตัวอย่างคือ ผู้จัดการที่สามารถทำงานร่วมกับทีมได้อย่างกลมเกลียว การสร้างบรรยากาศที่เปิดเผยและปลอดภัยสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจะทำให้ทีมมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ความสัมพันธ์ที่ดีคือการสร้างสะพานไม่ใช่กำแพง”
ตัวอย่าง: เจนสร้างบรรยากาศที่เปิดเผยในทีมงานของเธอโดยการจัดการประชุมที่เปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น ทำให้ทีมงานรู้สึกมีส่วนร่วมและมีความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน
บทเรียนที่ 6: การจัดการกับความเครียด
การจัดการกับความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี “ความเครียดไม่ใช่ปัญหา แต่การจัดการกับมันคือสิ่งสำคัญ” ตัวอย่างคือ การฝึกสมาธิเพื่อลดความเครียด การใช้วิธีการผ่อนคลายเช่นการทำโยคะหรือการนั่งสมาธิจะช่วยลดความเครียดและทำให้เรามีสมาธิมากขึ้น
“ความเครียดไม่ใช่ปัญหา แต่การจัดการกับมันคือสิ่งสำคัญ”
ตัวอย่าง: แอนดี้มีความเครียดจากงานที่ต้องทำเสร็จในเวลาจำกัด เขาเลือกที่จะทำสมาธิทุกเช้าและออกกำลังกายเป็นประจำ ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและมีสมาธิในการทำงาน
บทเรียนที่ 7: การตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
การตัดสินใจที่ดีต้องอาศัยความเข้าใจทั้งในด้านอารมณ์และตรรกะ “การตัดสินใจที่ดีคือการใช้ทั้งสมองและหัวใจ” ตัวอย่างคือ ผู้บริหารที่ต้องตัดสินใจในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เช่น การตัดสินใจในการปลดพนักงาน การพิจารณาทั้งเหตุผลและความรู้สึกของทุกฝ่ายจะช่วยให้การตัดสินใจมีความสมดุลมากขึ้น
“การตัดสินใจที่ดีคือการใช้ทั้งสมองและหัวใจ”
ตัวอย่าง: เมื่อบริษัทต้องเผชิญกับสถานการณ์ทางการเงินที่ยากลำบาก ผู้บริหารต้องตัดสินใจปลดพนักงานบางส่วน เขาพิจารณาทั้งผลกระทบทางธุรกิจและความรู้สึกของพนักงาน เพื่อหาวิธีที่มีความเสียหายน้อยที่สุด
บทเรียนที่ 8: การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง
การสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งสำคัญในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “ความยืดหยุ่นคือกุญแจสำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง” ตัวอย่างคือ การเปลี่ยนงานหรือการปรับตัวในสภาพแวดล้อมใหม่ การเปิดใจรับการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาทักษะใหม่ๆ จะทำให้เราปรับตัวได้ดีขึ้น
“ความยืดหยุ่นคือกุญแจสำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง”
ตัวอย่าง: แมรี่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปทำงานในต่างประเทศ เธอต้องเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่และปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง ด้วยความยืดหยุ่นและการเปิดใจ เธอสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทเรียนที่ 9: การใช้ความฉลาดทางอารมณ์ในการนำทีม
การใช้ Emotional Intelligence ในการเป็นผู้นำจะทำให้ทีมมีประสิทธิภาพมากขึ้น “ผู้นำที่ดีต้องมีความฉลาดทางอารมณ์” ตัวอย่างคือ ผู้นำที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจและนำทีมไปสู่ความสำเร็จ การพัฒนาทักษะในการสร้างแรงจูงใจและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ทีมมีพลังและพร้อมที่จะทำงาน
“ผู้นำที่ดีต้องมีความฉลาดทางอารมณ์”
ตัวอย่าง: ปีเตอร์เป็นผู้นำทีมที่ใช้ความฉลาดทางอารมณ์ในการสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมงาน โดยการฟังความคิดเห็นและให้คำปรึกษาที่ดี ทำให้ทีมงานมีความมุ่งมั่นและสามารถบรรลุเป้าหมายได้
บทเรียนที่ 10: การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง
การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น “ความฉลาดทางอารมณ์เป็นทักษะที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” ตัวอย่างคือ การฝึกฝนตัวเองให้มีการรับรู้และควบคุมอารมณ์ได้ดียิ่งขึ้น การเรียนรู้และฝึกฝนเป็นประจำจะช่วยให้เรามีความฉลาดทางอารมณ์ที่แข็งแกร่ง
“ความฉลาดทางอารมณ์เป็นทักษะที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”
ตัวอย่าง: เจนฝึกฝนการรับรู้และควบคุมอารมณ์โดยการเขียนบันทึกประจำวันเกี่ยวกับความรู้สึกของเธอและวิธีการจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป เธอพบว่าตนเองสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น
บทสรุป
การมีความฉลาดทางอารมณ์ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน แต่ยังทำให้ชีวิตส่วนตัวของเรามีความสุขและความสัมพันธ์ที่ดียิ่งขึ้น การเรียนรู้และฝึกฝนความฉลาดทางอารมณ์จะทำให้เรามีความพร้อมในการเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ในชีวิตได้อีกด้วย
สำหรับใครที่สนใจหนังสือเล่มนี้ หาซื้อได้ที่นี่ Emotional Intelligence:Why It Can Matter More Than IQ
บทความแนะนำ
The Culture Code – สูตรลับความสำเร็จ ในการสร้างองค์กรให้เป็นเลิศ