IKIGAI – คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ เป็นแนวคิดและวิธีการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขที่ยั่งยืนสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งในตอนนี้เชื่อว่าหลายคนก็คงอยากได้และอยากมีชีวิตแบบนี้
Okinawa ประเทศญี่ปุ่น มีผู้คนอายุยืนเป็นจำนวนมาก และคำว่าอายุยืนที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึง 80 หรือ 90 ปี แต่เรากำลังพูดถึงคนที่มีอายุตั้งแต่ 100 ปีขึ้นไป คนเรามักพูดว่ายิ่งตายเร็วก็ยิ่งดีเพราะถือว่ากรรมน้อย ชดใช้หมดไว แต่ผู้คนใน Okinawa เขากลับไม่ได้คิดแบบนั้น พวกเขามีอายุที่ยืนยาวกว่าคนปกติ และพวกเขาก็มีความสุขมากกับทุกช่วงเวลาที่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
หนังสือที่แอดจะมาแนะนำวันนี้คือ IKIGAI: The Japanese secret to a long and happy life เขียนโดย Hector Garcia เขาย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่นหลังจากเขาเรียนจบปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์ในสาขาวิศวกรคอมพิวเตอร์ และเขาทำงานให้กับ CERN ในสวิสเซอร์แลนด์ และ Francesc Miralles นักเขียนชาวสเปน ล่าม และนักดนตรี หนังสือของพวกเขาจะช่วยทำให้เราหาเหตุผลที่ทำให้เราตื่นมาอย่างมีความสุขในทุกเช้า รู้สึกว่าความตายมันน่ากลัว และการอายุยืนยาวอย่างสุขภาพดีคือพรที่ประเสริฐที่สุด
“เราจะมีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุขได้ ถ้าเราตามหาและอยู่ด้วย IKIGAI ของตัวเราเอง”
แนวคิด IKIGAI (อิคิไก) ของญี่ปุ่นเปรียบเสมือนหลักพื้นฐานในการตามหาความสุขจากชีวิตที่ยุ่งเหยิง โดย IKIGAI มาจากภาษาญี่ปุ่น 2 คำคือ IKI แปลว่าชีวิตหรือการมีชีวิต และ KAI แปลว่าผลกระทบ ผลไม้ หรือผลลัพธ์ มันอธิบายให้เห็นว่าทำไมถึงมีคนอายุยืนจำนวนมากอาศัยอยู่ที่ Okinawa พวกเขาใช้ชีวิตโดยมีกิจวัตรประจำวันหมุนรอบแนวคิดอิคิไก
“อิคิไก ของเราคือการรวมทุกสิ่งที่เรารัก ทุกสิ่งบนโลกที่เราต้องการ ทุกสิ่งที่เราจ่ายเพื่อที่จะได้ทำ และสิ่งที่เราทำได้ดี”
อิคิไกมีไว้เพื่อช่วยให้คุณสามารถจัดการชีวิตของเราให้ได้อย่างลงตัว มันพาเราไปสู่เหตุผลที่ว่าทำไมญี่ปุ่นถึงไม่มีคำศัพท์ที่มีความหมายว่า “รีไทร์” หรือ “เกษียณอายุ” เมื่อไรที่เราเจอ อิคิไก เราจะไม่หยุดทำงานจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิตของเรา หรือร่างกายของเราอ่อนแอเกินกว่าจะทำงานได้ แล้วทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น? ก็เพราะเรารักสิ่งที่เราทำมากนั่นเอง ความลับของการมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม ก็คือการกินอาหารที่ดี ออกกำลัง สมาธิ และการตามหาและไขว่คว้าเป้าหมายของชีวิต
“เราสามารถชะลออายุของเราได้ ถ้าเรากระตุ้นความคิด และสามารถลดระดับความเครียดของเราลงได้”
มันมีทฤษฎีที่แตกต่างกันทางด้านความคิดเห็นมากมาย เมื่อเราพูดถึงอายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าเทคโนโลยีสามารถช่วยพามนุษย์หนีออกจากความรวดเร็วของความแก่เฒ่าได้ บางคนสันนิษฐานว่าอายุมีขีดจำกัดที่เราไม่สามารถก้าวข้ามได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แต่ผู้คนใน Okinawaa เป็นข้อพิสูจน์ว่าพวกเขาสามารถรักษาร่างกายของพวกเขาเอาไว้ได้ด้วยความคิด และมันช่วยรักษาไว้ได้มากเป็นทศวรรษเสียด้วย
“การเดิมพันที่คุ้มที่สุดสำหรับสุขภาพที่ดีและชีวิตที่ยืนยาว คือ หมั่นออกกำกายและใจอย่างสม่ำเสมอ”
ถ้าเราปล่อยให้สมองของเราไร้แรงกระตุ้น มันจะผุพังไปเรื่อยๆ หรือ ถ้าอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์ก็คือการเชื่อมต่อระบบประสาทที่สำคัญจะเสื่อมสภาพถ้าหากเราไม่ได้พยายามจะออกกำลังให้แก่สมองของเราเลย อย่างไรก็ตามเราสามารถออกกำลังกายทางความคิดและสมองของเราได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
- เรียนรู้ความสามารถใหม่ๆ
- เล่นบอร์ดเกม
- เข้าร่วมคลาสเรียนเต้น
- การให้ความรู้หรือสอนใครในเรื่องที่เราถนัด
“ถ้าเราต้องการควบคุมความคิดของเราให้มากขึ้น และอยู่กับปัจจุบันให้ได้ เราจะต้องเรียนรู้ที่จะฝึกสติให้ดี”
โดยปกติแล้ว การฝึกสติจะช่วยลดความเครียดได้ มันช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้นและสามารถใช้ความคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กิจกรรมฝึกสติที่นิยมทำกันมีมากมาย เช่น การฝึกลมหายใจ การทำสมาธิ หรือโยคะ อันที่จริงแล้วความเครียดไม่ใช่สิ่งแย่เสมอไป ร่างกายของเราต้องการความเครียดในระดับต่ำ เพื่อออกกำลังสมองเช่นกัน คนส่วนใหญ่ทำงานได้อย่างดีจนกระทั่งพวกเขาแก่ตัวลง การนั่งอยู่กับที่ ไม่ได้กระตุ้นตัวเองให้ทำงานเป็นเวลานาน มักทำให้เกิดโรคต่างๆได้ ดังนั้นกิจกรรมการฝึกฝนสมองและความคิดเหล่านี้สามารถช่วยให้เราสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองและทำให้เรามีสุขภาพดีขึ้นได้
- เดินไปทำงานหรือเดินเล่นเป็นเวลา 20 นาทีต่อวัน
- เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์
- มีส่วนช่วยในกิจกรรมเพื่อสังคม
- แทนที่อาหารฟาสต์ฟู้ดด้วยผลไม้ที่มีประโยชน์
- นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
- หรือ การเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของเราที่เรารู้ว่าส่งผลทางลบแทนที่ด้วยกิจวัตรใหม่ๆ ที่สร้างผลทางบวกต่อร่างกายของเราแทน
Logotherapy
Logotherapy หรือ การรักษาที่ผู้ป่วยได้รับความช่วยเหลือในกระบวนการค้นหาความหมายของชีวิตส่วนบุคคลได้รับการพัฒนาโดยจิตแพทย์ Viktor Frankl หลายคนต้องทำงานในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะกับพวกเขา ผลที่ตามมาก็คือพวกพวกเขาตกอยู่ในวิกฤต ความรู้สึกสิ้นหวัง จมอยู่กับความรู้สึกแย่ ความกลัว และความเครียดจากความเชื่อที่ว่าชีวิตของพวกเขาไร้ความหมาย นี่คือเคล็ดลับจาก Logotherapy ที่จะช่วยให้เราผ่านมันไปได้
- สังเกตและค้นหาว่า เราเกิดมาเพื่อทำอะไร?
- ยืดหยุ่นกับตัวเองให้มากในการจะเป็นหรือจะทำอะไรสักอย่าง
- กำจัดความกังวลทิ้งไป เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
- เรียนรู้ที่จะหัวเราะและทำให้คนอื่นหัวเราะ
- ไม่ลืมว่าเราคือคนที่ควบคุมการกระทำของตัวเราเอง
Morita therapy
Morita therapy ถูกสร้างขึ้นโดยจิตแพทย์ชาวญี่ปุ่นและนักปรัชญา Dr. Shoma Morita ซึ่งการบำบัดนี้คือปลดปล่อยความรู้สึกของเราออกมาแทนที่จะควบคุมมัน หลักการพื้นฐานของ Morita therapy คือ
- ยอมรับความรู้สึก
- ทำในสิ่งที่ควรจะทำ
- ค้นหาเป้าหมายของชีวิต
Morita therapy ใช้เวลาประมาณ 21 วัน โดยจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ช่วงด้วยกัน
- อยู่กับตัวเองแล้วพักผ่อน (5-7 วัน)
- เริ่มกิจกรรมบำบัดแบบเบา (5-7 วัน)
- ทำกิจกรรมบำบัด (5-7 วัน)
- กลับสู่การใช้ชีวิตในสังคมอีกครั้ง เผชิญหน้ากับโลกความจริง
โดยอย่ากักเก็บความรู้สึกไว้ในร่างกาย ปล่อยให้พวกมันวิ่งผ่านคุณไปและเปลี่ยนเป็นพลังงานบวกแทน
“กินอาหารที่มีประโยชน์และนอนหลับให้เพียงพอ”
เราสามารถเรียนรู้บทเรียนที่มีค่าในเรื่องการมีอายุยืนและสุขภาพดีได้จากคนที่มีอายุยืนมากกว่าคนปกติหลายปีอย่าง Supercentenarian ใครก็ตามที่มีอายุอย่างน้อย 110 ปี บางคนบอกว่าตอนนี้มี Supercentenarian ที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกเพียงแค่ 450 คนเท่านั้น แต่จากจำนวนนั้นมีเพียงแค่ 75 คนเท่านั้นที่ได้รับการยืนยันอย่างเช่น Misao Okawa ใช้ชีวิตอยู่มานานกว่า 117 ปีโดยเธอแค่กินอาหารที่ประโยชน์และนอนหลับให้เพียงพอ Jeanne Calment สูบบุหรี่จนกระทั่งเธออายุ 120 ปีและตายอย่างธรรมชาติในวัย 122 ปี เป็นต้น
“อาหารใน Okinawa อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและผู้อยู่อาศัยให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ”
Okinawa เป็นเมืองที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ พวกเขาไม่มีรถไฟในเมืองและพวกเขาไม่ใช้รถยนต์ พวกเขาเดินทางกันด้วยจักรยานหรือการเดิน Makato Suzuki ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจจากมหาวิทยาลัยริวกิว ศึกษาเกี่ยวอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระใน Okinawa และได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับมันเมื่อหลายปีก่อน โดยประเด็นสำคัญในหนังสือสรุปได้ดังนี้
- พวกเขากินผักเยอะมาก
- พวกเขาผลไม้และผักสีเขียวอย่างน้อย 5 เวลาทุกวัน
- พวกเขากินธัญพืชเป็นอาหารหลัก
- น้ำตาลอ้อยคือน้ำตาลอย่างเดียวที่พวกเขากิน
- เกลือคือสิ่งที่พวกเขาบริโภคน้อยมาก ซึ่งมันน้อยกว่าครึ่งของคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ในพื้นที่อื่นๆเลยทีเดียว
- พวกเขาบริโภคอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำต่อวัน
- เต้าหู้ แครอท โกยา(เมล่อนลูกเล็ก) กะหล่ำปลี โนริ(สาหร่าย) หัวหอมใหญ่ ถั่วงอก ถั่วเหลือง(ต้มหรือดิบ) มันหวาน พริกไทย ชาซันปิน(ชามะลิ) เป็นอาหารที่พวกเขากินเพื่อทำให้มีสุขภาพที่ดีและอายุยืน
“เรียนรู้การหาประโยชน์จากเอาชนะความแก่ชราที่เกิดขึ้นจากความเครียดและความกังวล”
การไล่ตามเป้าหมายแท้จริงแล้ว มันคือช่วงเวลาแห่งความท้าทาย พัฒนาความรู้ความสามารถที่เราต้องการเพื่อยกระดับตัวเอง มีจิตวิญญาณนักสู้และอย่าไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ การไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาเป็นความท้าทายที่เราควรพุ่งเข้าหาอย่างเต็มที่ โดยอนุญาตให้ตัวเองได้มีความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต และจดจ่ออยู่กับสิ่งที่กำลังทำ เรามีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนสิ่งที่เราทำได้ แต่อย่าปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นมาเปลี่ยนตัวเราเสียเองก่อน
“ผู้ที่ต่อต้านความเปราะบางของตนเองจะได้ประโยชน์จากความยุ่งเหยิงแทนที่จะกลับไปสู่สภาพเดิม”
Antifragile หรือ ผู้ที่ต่อต้านความเปราะบาง หมายถึงคนที่สามารถทนทานต่อความเลวร้ายทั้งหมดที่เข้ามาและยังสามารถเติบโตขึ้นมาได้อย่างสง่างาม ในการกลายเป็นคนที่ต่อต้านความเปราะบางได้ดีกว่าเดิม สิ่งที่เราต้องทำมีดังนี้
- เดินเกมเชิงรุก มีรายได้หลายทาง สร้างเพื่อนใหม่และพยายามหาสิ่งที่สนใจใหม่ๆอยู่เสมอ
- ลุยให้เต็มที่ในทุกทาง และพยายามกระจายการลงทุนของคุณไปในหลากหลายทิศทาง
- ทิ้งสิ่งที่ทำให้เราอ่อนแอไปซะ
บทสรุป
แรงผลักดันที่มีพลังมาก คือเหล่าอุปสรรคที่เข้ามาทำให้เราฟุ้งซ่านในระหว่างที่เรากำลังตามหาความหมายของชีวิต เงิน ชื่อเสียง ความสนใจ และความสำเร็จ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างที่คนเราพยายามไขว่คว้ากันเท่านั้น ชีวิตไม่มีความสมบูรณ์แบบ แต่เราสามารถเรียนรู้ที่จะทำในสิ่งที่เรารัก ทำในสิ่งที่เราได้ดี ทำในสิ่งที่โลกต้องการ และทำในสิ่งที่เป็นการให้รางวัลตัวเองด้วยการทำงานของเรา เราเลือกที่จะทำสิ่งที่บอกตัวเราได้ว่าชีวิตของเรามีความหมายมากแค่ไหน?
IKIGAI ของแต่ละคนล้วนมีความแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตามคนที่อาศัยอยู่ใน Okinawa แสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้ว ว่าหากเราก็สามารถตามหาความหมายชีวิตของเราได้เช่นกัน นี่คือกฎ 10 ข้อของ IKIGAI จากภูมิปัญญาของผู้ที่อยู่อาศัยที่มีอายุยืนยาว
- ทำในสิ่งที่มีคุณค่า สิ่งที่สามารถส่งผลถึงโลกที่คุณอยู่ได้จนกระทั่งคุณตาย
- หยุดใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ แต่จงใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ
- กินให้น้อยกว่าความหิวโหยที่คุณมี
- รักษาเพื่อนที่คุณสามารถแบ่งปันเรื่องราวร้ายได้ไว้ให้ดีที่สุด
- ออกกำลังกายเพื่อสร้างฮอร์โมนความสุข
- ยิ้มให้บ่อย มันจะทำให้คุณมีเพื่อนมากขึ้นและช่วยให้คุณเห็นโลกที่มีแต่ความเป็นไปได้
- สื่อสารกับธรรมชาติเพื่อฟื้นฟูพลังงานให้กับตัวเอง
- รักษาทัศนคติของความกตัญญูเอาไว้
- ทำทุกวันให้ดีและเต็มที่ราวกับมันคือวันสุดท้าย
- ค้นหาแรงบันดาลใจข้างในตัวคุณ อะไรคือสิ่งที่คุณให้ความหมายกับมัน
“จงใช้ชีวิตด้วยการยุ่งอยู่กับสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข และเติมเต็มชีวิตของคุณด้วยความหมายที่คุณตามหา”