
In Search of Excellence – เป็นหนังสือที่รวบรวมข้อมูลความเป็นเลิศจากบริษัทชั้นนำของโลก เพื่อมาให้พวกเราได้เรียนรู้ ถึงแม้ว่าจะเป็นการรวบรวมข้อมูลจากบริษัทชั้นนำในอดีต แต่สิ่งที่หนังสือเล่มนี้นำเสนอสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในดำเนินธุรกิจท่ามกลางการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การดำเนินธุรกิจให้สำเร็จจำเป็นต้องมีหลักการขั้นพื้นฐานที่น่าเชื่อถือ ใช้ได้จริง และทำให้เจ้าของธุรกิจนั้นๆ ประสบความสำเร็จได้จริง การค้นหาความเป็นเลิศให้เจอเป็นหนึ่งสิ่งที่ต้องอยู่ในรายการสิ่งที่ต้องทำที่แสนสำคัญของคุณในการดำเนินธุรกิจสักอย่างให้ประสบความสำเร็จ และหนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณทำได้สำเร็จ

หนังสือ In Search of Excellence เขียนโดย Tom Peters และ Robert H. Waterman, Jr. ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1982 มียอดขาย 3 ล้านเล่มในช่วงสี่ปีแรกและเป็นเอกสารที่มีผู้ถือครองมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา จากการรวบรวมข้อมูลจากบริษัทที่ดำเนินธุรกิจได้ดีที่สุดในอเมริกา 43 แห่งทำให้หนังสือเล่มนี้กลายเป็นหนังสือธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล หนังสือเล่มนี้จะสอนให้คุณดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและนำหน้าคู่แข่งอีกครั้ง
“องค์กรที่ต้องการประสบความสำเร็จ ต้องใช้หลักธุรกิจที่ผ่านการพิสูจน์มาอย่างดี”
ใครก็ตามที่วางแผนจะสร้างองค์กรที่ประสบความสำเร็จควรติดอาวุธให้องค์กรตัวเองด้วยความรู้ในการดำเนินธุรกิจและกลยุทธ์ที่แยบยล ปัญหาอยู่ที่ทฤษฎีที่แนะนำวิธีการดำเนินธุรกิจอย่างไรให้ประสบความสำเร็จเป็นเพียงแค่ทฤษฎีที่ไม่เคยได้รับการพิสูจน์จริง จึงเป็นสาเหตุให้คนที่ทำตามทฤษฎีเหล่านั้นยังคงล้มเหลวในการดำเนินธุรกิจอยู่ โชคดีที่อาวุธที่ชิ้นนี้ของเรามีผลการวิจัยทำโดยนักเขียน Tom Peters และ Robert Waterman ซึ่งได้ตรวจสอบลักษณะเฉพาะของบริษัทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในสหรัฐอเมริการะหว่างปี 1979 ถึง 1980
“ผู้นำที่ดีจะรวมแนวคิดที่ขัดแย้งกันต่างๆเข้าด้วยกันเพื่อสร้างงานที่ประสบความสำเร็จ”
หลังจากการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง 43 องค์กรจาก 6 ภาคส่วน สิ่งที่ค้นพบของพวกเขาเป็นต้นแบบสำหรับหลักการพื้นฐานของความเป็นเลิศที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในปัจจุบัน หลักการ 8 ข้อนี้อาจดูเหมือนเป็นข้อมูลทั่วไป แต่กลับเป็นข้อมูลทั่วไปที่หลายองค์กรมองข้าม
- มุ่งปฏิบัติ
- การใกล้ชิดกับลูกค้า
- อิสระในการทำงานและการเป็นนักประกอบการ
- เพิ่มผลผลิตโดยผ่านพนักงาน
- สัมผัสใกล้ชิด คลุกคลีกับงาน ใช้ค่านิยมผลักดันงาน
- ยึดรากฐานกับธุรกิจที่เชี่ยวชาญ
- โครงสร้างเรียบง่าย มีพนักงานอำนวยการน้อย
- ความเข้มงวดและการผ่อนปรนในเวลาเดียวกัน
“ความบกพร่องในการบริหาร เป็นหนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยที่สุดกับองค์กรธุรกิจ”
Peters และ Waterman ได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่ธุรกิจเติบโตรวดเร็วกว่าประเทศอื่นๆ พวกเขาสังเกตเห็นว่าที่ญี่ปุ่นไม่ได้มีโรงเรียนสอนด้านธุรกิจมากเท่ากับสหรัฐอเมริกาด้วยซ้ำ ด้วยประเด็นนี้จึงนำไปสู่คำถามว่าชาวอเมริกันใช้วิธีการเชิงทฤษฎีมากเกินไปหรือไม่? พวกเขาตัดสินใจที่จะค้นหาคำตอบนี้จากรายชื่อบริษัทชั้นนำ 15 อันดับแรกในสหรัฐอเมริกาในปี 1982 ได้แก่ Bechtel, Boeing, Caterpillar Inc., Dana, Delta Airlines, Digital Equipment, Emerson Electric, Fluor, Hewlett-Packard, International Business Machines (IBM) และ Johnson & Johnson เพื่อค้นหาว่าองค์กรเหล่านี้เขามีอะไรที่เหมือนกัน?
“เพื่อให้สิ่งต่างๆสำเร็จลุล่วง บริษัทที่ยอดเยี่ยมจะสนับสนุนการดำเนินการผ่านการค้นพบ”
Peters และ Waterman ตั้งคำถามว่าธุรกิจที่ดีที่สุดมีอะไรที่เหมือนกัน? และความลำเอียงในการดำเนินการคือคำตอบที่พวกเขาได้ ไม่สำคัญว่าจะยากแค่ไหน ใหญ่หรือเล็ก บริษัทเหล่านี้สามารถทำงานให้สำเร็จได้ ความลำเอียงในการดำเนินการทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างบริษัทชั้นนำของโลกกับบริษัทที่ประสบปัญหา การแสดงอคติที่ชัดเจนในบริษัทที่ดีคือความพร้อมในการทดลองและค้นพบสิ่งใหม่ๆ
“ไม่ใช่ทุกบริษัทจะซื่อตรงต่อคำพูดของตัวเอง”
บางบริษัทคิดว่าตนเองมีอคติในการดำเนินการ ธุรกิจส่วนใหญ่จมอยู่ในระบบราชการแทนที่จะทำสิ่งต่างๆให้เสร็จลุล่วง ระบบราชการ หมายถึง แนวปฏิบัติในการควบคุมกลุ่มคนหรือกิจกรรมโดยใช้ความเชี่ยวชาญและอำนาจ ในขณะที่บริษัทที่ดีจะสร้างทีมที่หมกหมุ่นอยู่กับการทำสิ่งต่างๆที่พวกเขาเชี่ยวชาญและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของบุคลากรในบริษัทเพื่อให้เกิดความลื่นไหลในการทำงาน
“การบริการลูกค้ามีความสำคัญต่อความยั่งยืนขององค์กร”
มีหลายองค์กรที่มองว่าผู้บริโภคเป็นภัยคุกคามต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ออกแบบมาอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่ขายบริการเป็นหลัก แต่การบริการลูกค้าเป็นสิ่งที่น่ายินดีสำหรับบริษัทชั้นนำของอเมริกาที่คำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคในทุกด้านของบริษัท ตั้งแต่การวิจัย การขาย ไปจนถึงการบัญชี กล่าวคือพวกเขายินดีอย่างมากในการใกล้ชิดกับลูกค้า
ยกตัวอย่างเช่น Procter & Gamble หนึ่งในบริษัทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นบริษัทแรกที่ใส่หมายเลขโทรฟรีให้กับสินค้า กลยุทธ์ง่ายๆ ที่เน้นการรักษาลูกค้าให้มีความสุขทำให้ Procter & Gamble มีแพลตฟอร์มที่ได้รับความไว้วางใจและการสนับสนุนจากผู้คนจำนวนมาก
“บริษัทที่มีนวัตกรรมยอดเยี่ยมหลายแห่ง ได้รับแนวคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด จากการตั้งใจฟังลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ”
ในขณะที่ตัวแทนและผู้ช่วยฝ่ายดูแลลูกค้าส่วนใหญ่ให้บริการหัวหน้าของตน บริษัทที่ประสบความสำเร็จบอกให้แผนกลูกค้าสัมพันธ์และบุคลากรทุกคนรับฟังลูกค้าให้ได้มากที่สุด แก้ปัญหาของลูกค้าภายใน 24 ชั่วโมง เรียนรู้จากลูกค้าว่าสินค้าและบริการใดที่ผู้คนต้องการ การบริการลูกค้าที่เป็นเลิศไม่เพียงแต่ช่วยบริษัทแก้ปัญหาและสร้างฐานลูกค้า ยังช่วยให้พวกเขาได้ความคิดในการพัฒนาสิ่งใหม่ๆอีกด้วย ทุกธุรกิจที่ยอดเยี่ยมจำเป็นต้องรู้ว่าลูกค้ามีค่ามากกว่าการขาย
“การแข่งขันภายใน ทำให้เกิดการแข่งขันที่ดีภายในบริษัท กระตุ้นนวัตกรรมและป้องกันความพึงพอใจ”
บริษัทที่ฉลาดจะสนับสนุนให้ผู้คนเป็นนักประดิษฐ์เพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระและการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งมีส่วนช่วยให้พนักงานสามารถพัฒนาแนวคิดใหม่ๆนอกเหนือจากลักษณะงานเดิมที่ทำทุกวัน ด้วยความอิทธิพลของการแข่งขันภายใน จึงทำให้มีที่ว่างสำหรับความคิดสร้างสรรค์และความคิดของแต่ละคนที่ถูกเสนอจะถูกเปรียบเทียบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สิ่งนี้จะนำไปสู่การแข่งขันที่ดีภายนอกบริษัท
“ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด คือธุรกิจที่ใส่ใจบุคลากรอย่างแท้จริง”
บริษัทที่ยอดเยี่ยมให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมและสวัสดิภาพของแต่ละคน สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรมอย่างละเอียด ความคาดหวังที่ชัดเจน นอกจากนี้การอนุญาตให้พนักงานมีความคิดริเริ่มและมีส่วนร่วมในงาน ยังเป็นวิธีส่งเสริมบรรยากาศการทำงานในเชิงบวกอีกด้วย ธุรกิจจำนวนมากพยายามที่จะให้ความสำคัญกับบุคลากรและแสดงให้เห็นว่าพวกเขาใส่ใจพนักงาน แต่กลับล้มเหลวในการลงมือทำจริง
“สร้างโปรแกรมจูงใจที่ให้รางวัลสำหรับความคิดที่ดีและการทำงานหนัก”
บริษัทที่ประสบความสำเร็จมักมีนโยบายที่ใส่ใจบุคลากรมายาวนานจนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กร การมุ่งเน้นที่บุคลากรเป็นเหตุผลว่าทำไมธุรกิจถึงพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แรงจูงใจที่บริษัทสร้างขึ้นจะดึงดูดผู้คนให้ประสบความสำเร็จ รักษาความน่าเชื่อถือ และพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีกว่าการสื่อสารที่มีเพียงคำพูด อย่างที่เรารู้กันดีว่าการสื่อสารและหารือเกี่ยวกับการวัดผลการปฏิบัติงานทั้งหมดขององค์กรกับพนักงานแทบไม่เคยปลุกใจบุคลากรได้จริง
“อุดมการณ์ที่เป็นทั้งแรงบันดาลใจ และแรงผลักดันให้บริษัทประสบความสำเร็จ”
เป็นความคิดที่ดีที่ผู้นำจะกำหนดคุณค่าบางอย่างที่บริษัทได้รับจากการลงมือปฏิบัติจริง บริษัทที่ยอดเยี่ยมกำหนดคุณค่าไว้สูงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับพนักงานทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะมีระดับการจ้างงานหรือความเชี่ยวชาญในระดับใด ทุกคนสามารถมีนวัตกรรมได้ ไม่ใช่แค่คนที่ทำงานในหน่วยวิจัยและพัฒนาเท่านั้น บริษัทที่มีกรอบความคิดนี้มักจะมองหาสิ่งใหญ่โตต่อไปที่จะเกิดขึ้นเสมอ
“ธุรกิจควรสร้างจากจุดแข็งหลักของตนเอง เพื่อให้สามารถแตกแขนงออกไปและประสบความสำเร็จได้”
การแข่งขันและการขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆเป็นความคิดที่ดีเสมอถ้าบริษัททำได้ดี แต่มันไม่ง่ายเสมอไปที่จะทำ หลายองค์กรทำเช่นนี้โดยการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่หรือซื้อบริษัทในด้านอื่น โดยเป้าหมายคือการทำเงินให้มากขึ้นในระยะยาว แต่ในการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ฉลาด คุณควรยึดมั่นในธุรกิจด้านที่ตัวเองถนัด อย่าเข้าสู่ธุรกิจที่คุณไม่เข้าใจหรือไม่รู้วิธีดำเนินการอย่างแท้จริง ธุรกิจต้องรักษาจุดแข็งของตนไว้เพื่อกระจายการลงทุนและทำเงินให้มากขึ้น
“โครงสร้างองค์กรที่เรียบง่าย เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ได้ดี”
ความสำเร็จมาพร้อมกับอุปสรรค เมื่อบริษัทเติบโตขึ้นบริษัทจะมีพนักงานเพิ่มขึ้น มีแผนกที่ใหญ่ขึ้น และมีโครงสร้างองค์กรที่ซับซ้อนมากขึ้น องค์กรที่ยิ่งใหญ่เอาชนะสิ่งนี้ได้ด้วยการนำโครงสร้างองค์กรที่มั่นคงขั้นพื้นฐานและพนักงานแบบลีนมาใช้ในแนวทางที่เรียบง่าย พนักงานแบบลีนหมายถึงพนักงานจำนวนที่พอดี ไม่มากหรือน้อยไป เพื่อทำให้ระดับการบริหารและการจัดการน้อยลง แทนที่จะมีผู้จัดการหรือหัวหน้าแผนกหลายคน ทำให้การทำงานจบลงที่คนคนเดียว
“เมื่อแต่ละแผนกรับผิดชอบด้านการตลาด การจัดจำหน่าย และการวิจัยของตนเอง การตัดสินใจที่ดีขึ้นจะทำได้รวดเร็วขึ้นและมีบุคลากรน้อยลง”
บริษัทที่ประสบความสำเร็จยังต้องการวัฒนธรรมองค์กรที่ยืดหยุ่นอยู่ไม่ว่าขนาดบริษัทจะใหญ่ขนาดไหนก็ตาม แต่ยังต้องคงไว้ซึ่งความมุ่งมั่นในหลักการของบริษัทอย่างเข้มงวด กลุ่มที่ทำงานได้ดีคือความสมดุลที่ยอดเยี่ยมของประสิทธิภาพและประสิทธิผล เป็นสิ่งสำคัญที่จะปล่อยให้ผู้คนทำสิ่งต่างๆในแบบของพวกเขา มันทำให้พวกเขาจดจ่ออยู่กับหลักการพื้นฐาน เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ และตัวชี้วัดทางการเงินที่สำคัญ
บทสรุป
โลกธุรกิจมีการแข่งขันสูงมาก และเป็นเรื่องง่ายสำหรับบริษัทจำนวนมากที่จะตามหลังคู่แข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาขาดความรู้เกี่ยวกับวิธีการดำเนินธุรกิจของบริษัท หลายบริษัทประสบปัญหากับความท้าทายภายใน เช่น การมีผู้นำมากเกินไป การขาดแคลนแนวคิดที่สอดคล้องกัน การขาดจิตวิญญาณของทีมในเชิงบวก และการไม่มีกรอบการทำงานที่พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จ
ผู้คนที่ทำธุรกิจต่างถกเถียงกันถึงการเป็นองค์กรที่ดีกันมาอย่างยาวนาน การบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ สวัสดิการพนักงานที่โดดเด่น และความทะเยอทะยานอันแรงกล้าที่จะทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จเป็นคุณลักษณะที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งเหล่านี้มีส่วนช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ แต่บริษัทใหญ่ๆหลายแห่งกลับละเลยคุณลักษณะทั่วไปเหล่านี้
“แม้ว่าจะไม่มีการการันตีความสำเร็จสำหรับทุกบริษัท แต่การให้ความสนใจกับสิ่งที่องค์กรที่ประสบความสำเร็จได้ทำในอดีตอาจช่วยให้คุณเรียนรู้หนึ่งหรือสองอย่างที่คุณสามารถนำไปใช้กับองค์กรของคุณเองได้”
บทความแนะนำ:
Dare to lead – กล้าที่จะเป็นผู้นำ ท่ามกลางโลกที่มีแต่ความเปลี่ยนแปลง