Lifelong Learning เพราะชีวิต คือการเรียนรู้ ไม่มีที่สิ้นสุด เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะกับสังคมในยุคนี้ ยุคที่เราสามารถเข้าถึงความรู้ และ มีรูปแบบการเรียนรู้มากมายให้เราได้เลือกเรียน
การเรียนรู้ ไม่มีที่สิ้นสุด
คำคำนี้โผล่ขึ้นมาจากหลายๆ งานวิจัย จากหลายๆ บทความ และ จากคำพูดของหลายๆ คนดัง หรือ คนที่ประสบความสำเร็จ ด้วยเพราะสถานการณ์ของโลกในยุคนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ลำพังคนทำงาน หรือ คนทั่วไป จะอาศัยองค์ความรู้เก่าๆ หรือ ข้อมูลเก่า หรือ ประสบการณ์เก่าๆ มาใช้ในการทำงานในยุคนี้คงไม่ทัน และไม่เพียงพอแน่นอน
เพราะโลกแห่งความเป็นจริงและโลกแห่งการทำงาน มันหมุนเร็วกว่าความรู้ที่ได้จากระบบการศึกษาแบบดั้งเดิม นั่นจึงเป็นที่มาที่ว่า คนทำงานหรือคนทั่วไปในยุคนี้ จะต้องพึ่งพาการเรียนรู้ด้วยตัวเองให้มากขึ้น
“ใช้ชีวิตในวันนี้ราวกับว่าพรุ่งนี้เราจะไม่มีชีวิตอีกต่อไป และจงเรียนรู้ในวันนี้ราวกับว่าเราจะต้องมีชีวิตอยู่ไปตลอดกาล”
นี่เป็นคำพูดของ มหาตมา คานธี ซึ่งสิ่งที่คานธี ได้กล่าวเอาไว้ ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเรียนรู้ว่าจำเป็นต่อการมีชีวิตอยู่จริงๆ เพราะการเรียนรู้ คือ กระบวนการที่ต้องเกิด และ ทำอย่างต่อเนื่อง ทุกๆ ความรู้ที่ได้ ไม่ว่าจะมาจากการเรียนรู้แบบใดก็ตาม มีผลต่อความก้าวหน้าและความสำเร็จของคนคนนั้นเสมอ
หรือแม้กระทั่ง เบนจามิน แฟรงคลิน เป็นหนึ่งในบิดาผู้สร้างชาติของสหรัฐอเมริกา ก็ยังให้ความสำคัญในเรื่องของการเรียนรู้ โดยเขาให้นิยามในเรื่องของการเรียนรู้เอาไว้ว่า
การลงทุนในเรื่องของความรู้ เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด
เฮนรี่ ฟอร์ด เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทฟอร์ดมอเตอร์ ก็เคยให้ความเห็นในเรื่องของการเรียนรู้เอาไว้เช่นเดียวกัน เขาเชื่อว่า “ใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ หรือ อายุมากหรือน้อย เมื่อไหร่ก็ตามที่หยุดการเรียนรู้ก็จะกลายเป็นคนแก่ไปทันที เพราะเรื่องของการเรียนรู้ ทำให้เราเป็นหนุ่มเสมอ”
ในมุมมองของ เฮนรี่ ฟอร์ด คนแก่ หมายถึง ถ้าเราหยุดการเรียนรู้ เราก็จะกลายเป็นคนที่ไม่เปิดรับสิ่งใหม่ นานวันเข้าก็จะตามสิ่งใหม่ หรือ การเปลี่ยนแปลงไม่ทัน และในทางกลับกัน การเรียนรู้ ช่วยให้เราก้าวทันการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เหมือนกับว่าเราเป็นหนุ่มอยู่เสมอ นั่นเอง
ถ้า เฮนรี่ ฟอร์ด ไม่มีแนวคิด หรือ ทัศนคติที่ดี กับเรื่องของ “Lifelong Learning” เราคงจะไม่ได้มีโอกาสได้เห็นหรือได้ใช้รถยนต์ยี่ห้อฟอร์ดเป็นแน่ นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกให้วงการยนตรกรรมก้าวขึ้นมาเป็นอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่ อย่างในทุกวันนี้ ด้วยแนวคิดการพัฒนารถยนต์ในอดีตที่ถือว่าเป็นสิ่งของที่มีราคาแพงและฟุ่มเฟือยมาก ให้กลายเป็นสิ่งที่ราคาถูกลง ดูดีขึ้น แต่ยังคงความแข็งแรงทนทานเอาไว้ ทำให้คนชนชั้นกลางทั่วไปสามารถเข้าถึงการมีรถยนต์ได้
ไบรอัน เทรซี่ ผู้ที่เป็นหนึ่งในนักคิด นักสร้างแรงบันดาลใจ ที่สร้างผลลัพธ์และความสำเร็จให้กับคนมากมายมาแล้วทั่วโลก เขามีความเชื่อที่ว่า
“คนเราจะสำเร็จได้ก็ต้องรับผิดชอบตัวเราเอง”
ไบรอัน เทรซี่ ได้ให้มุมมองในเรื่องของการเรียนรู้ หรือ Lifelong Learning เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า “เราต้องให้คำมั่นสัญญากับตนเองกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต ความรู้ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดที่เราพึงมี และเราสามารถหาความรู้ได้ด้วยตัวเราเอง”
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า เขาใส่ใจและใช้เวลากับการอ่านหนังสือประมาณวันละ 3 ชั่วโมง อ่านหนังสือหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็น ปรัชญา ประวัติศาสตร์ จิตวิทยา หรือ อื่นๆ เขาทำแบบนี้มาโดยตลอดกว่า 50 ปี เลยทำให้ ไบรอัน เทรซี่ สั่งสมความรู้เอาไว้อย่างมากกมาย และสามารถนำแก่นความรู้ที่ตกผลึกมาจากการกลั่นกรองและความคิดของเขา ออกมาในรูปแบบของผลงานมากมายที่เราเห็นในท้องตลาด อาทิเช่น งานเขียนในรูปแบบหนังสือกว่า 40 เล่ม และ งานเดินสายบรรยายอีกมากมาย ทั่วโลก จนทำให้ในวันนี้เขาได้กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกไปแล้ว
ในเรื่องของการให้ความสำคัญในเรื่องของการเรียนรู้ ในบ้านเราก็มีเช่นกัน
ดังเช่น พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระองค์พระราชทานแนวพระราชดำริด้านการศึกษาโดยสาระของพระราชดำริที่ปรากฏเป็นเอกสารครอบคลุมเนื้อหาที่กว้างขวางและลึกซึ้ง อาทิเช่น
“การศึกษานั้นเป็นเรื่องของทุกคน และไม่ใช่ว่าเฉพาะในระยะหนึ่ง เป็นหน้าที่โดยตรงในระยะเดียวไม่ใช่อย่างนั้น ตั้งแต่เกิดมาก็ต้องศึกษาเติบโตขึ้นมาก็ต้องศึกษา จนกระทั่งถึงขั้นที่เรียกว่าอุดมศึกษา อย่างที่ท่านทั้งหลายกำลังศึกษาอยู่ หมายความว่าการศึกษาที่ครบถ้วน ที่อุดม ที่บริบูรณ์ แต่ต่อไปเมื่อออกไปทำหน้าที่การงานก็ต้องศึกษาต่อไปเหมือนกัน มิฉะนั้นคนเราก็อยู่ไม่ได้ แม้จบปริญญาเอกแล้ว ก็ต้องศึกษาต่อไปตลอด หมายความว่า การศึกษาไม่มีสิ้นสุด” (๒๐ เมษายน ๒๕๒๑)
กล่าวคือ เมื่อเราเรียนจบจากระบบการศึกษาภาคปรกติแล้ว ไม่ได้หมายความว่าเราต้องหยุดศึกษาหาความรู้ เพราะการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด
บุคคลสำคัญระดับโลกหลายคนที่ได้ยกตัวอย่างมา ได้ให้คำอธิบายและความหมายของ “Lifelong Learning” เอาไว้ได้อย่างชัดเจน และ ยังมีมุมมองในเรื่องของการเรียนรู้ไปในทิศทางเดียวกัน
บทสรุป
“ความรู้ คือ โอกาส และ อนาคต”
คำกล่าวนี้ คือ จึงน่าจะเป็นบทสรุป ที่ชี้ให้เห็นว่าความสำคัญที่ว่า ทำไมเรายังต้องเรียนรู้ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะความรู้ คือ พาหนะที่สำคัญ ที่จะนำพาเราไปสู่จุดหมาย หรือ อนาคตในแบบที่เราต้องการ
บทความอื่นๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
Top 10 Skills of 2025 ทักษะสำคัญที่คนทำงานต้องมีก่อนปี 2025