
Measures Employee Thriving Not Engagement เพราะเหตุใด Microsoft บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก เขาเลือกที่จะใช้ความเจริญก้าวหน้าของพนักงานเป็นตัวชี้วัดแทนการวัดความผูกพันที่พนักงานมีต่องานและองค์กร
ในเรื่องของ Employee Engagement หรือ การมีส่วนร่วมของพนักงานในองค์กร ทั้งในแง่ความรู้สึกอยากมีส่วนร่วม มีความผูกพันกับองค์กรล้วนเป็นสิ่งที่ผู้บริหารและเจ้าขององค์กรมองหาเสมอ หากคนเราร่วมงานกับเพื่อนร่วมงานได้ดีและ เมื่อทุกคนในองค์กรสามารถพูดคุยกันได้อย่างสนุกสนาน องค์กรนั้นก็จะมีบรรยากาศในการทำงานที่น่าอิจฉามากเลยทีเดียว
“แม้พนักงานจะมีความผูกพันที่ดี แต่พวกเขายังคงต้องดิ้นรนในการทำงานอยู่ดี”
จากการสำรวจในเรื่องของ Employee Engagement หรือ การมีส่วนร่วมของพนักงานในองค์กรภายในบริษัทประจำปีของ Microsoft พวกเขาเริ่มตั้งข้อสังเกตถึงการมีส่วนร่วมของพนักงานบริษัท ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่พวกเขาดำเนินการติดตามความผูกพันของพนักงาน สิ่งที่พวกเขาพบก็คือ คะแนนการมีส่วนร่วมและความผูกพันของพนักงานทุกคนบ่งชี้ว่าทุกสิ่งจะเป็นไปได้ด้วยดี มีประสิทธิภาพการทำงานและผลิตงานที่มีคุณภาพ แต่บ่อยครั้งที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า พนักงานในบริษัทยังคงดิ้นรนกับการหาคำตอบในการทำงานอยู่ดี
“ค่าตอบแทน สิทธิพิเศษ บุคลากร ความภาคภูมิใจ และวัตถุประสงค์”
หลังจากที่ทาง Microsoft ได้ค้นพบว่า การมีส่วนร่วมไม่ใช่ตัวชี้วัดทุกอย่างในการทำงาน พวกเขาจึงเริ่มมองหาตัวชี้วัดใหม่ที่สามารถกำหนดมาตรฐานที่สูงพอที่จะบอกถึงประสบการณ์การทำงานของพนักงานและเปิดทางให้บริษัทได้ค้นพบตัวชี้วัดใหม่ที่สำคัญยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือสิ่งที่ Kathleen Hogan หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของ Microsoft เรียกว่า “The 5 P’s” ซึ่งก็คล้ายๆ กับลำดับชั้นของ Maslow เป็นการแบ่งตามข้อกำหนดของพนักงานใน 5 เรื่องดังต่อไปนี้ คือ ค่าตอบแทน สิทธิพิเศษ บุคลากร ความภาคภูมิใจ และวัตถุประสงค์ในการทำงาน

“ความเจริญรุ่งเรือง คือยาแก้พิษความอิดโรย”
Microsoft ใช้เวลาในการกระตุ้นให้พนักงานในบริษัทหลายคนได้มีโอกาสไตร่ตรองถึงบทบาท หน้าที่ในการทำงานและอาชีพในชีวิตของพวกเขามากขึ้น เพื่อสำรวจความคิดเห็นที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นกว่าเดิม หนึ่งในแรงบันดาลใจของการปรับระบบตัวชี้วัดใหม่มาจาก Gretchen Spreitzer ของ Ross School of Business และงานวิจัยของเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ในบริษัทที่ล้วนเกี่ยวข้องกับความก้าวหน้าหรือความเจริญรุ่งเรืองของตัวพนักงานที่เปรียบเสมือนยารักษาความอิดโรยจากการทำงานได้ จึงทำให้ Microsoft ตัดสินใจที่จะมุ่งเน้นตัวชี้วัดไปที่ความก้าวหน้าของพนักงานแทน
“ได้รับพลังและอำนาจในการทำงานที่มีความหมาย”
Microsoft ได้ให้นิยามคำว่าความเจริญก้าวหน้าของพนักงานเอาไว้ว่า “การได้รับพลังงานและอำนาจในการทำงานที่มีความหมาย” กล่าวคือ เป้าหมายใหม่ที่ทางบริษัทตั้งไว้กับพนักงาน คือ พนักงานในเวอร์ชั่นที่พวกเขาก้าวหน้าแล้วพบกับความเจริญก้าวหน้าที่พวกเขาต้องการแล้ว ซึ่งเป็นความท้าทายของบริษัทที่ต้องผลักดันพนักงานทุกคนตลอดเวลาเพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขากำลังไล่ตามความเจริญก้าวหน้าที่ว่านั่น อีกหนึ่งสิ่งที่บริษัทได้ก็คือ ประสิทธิภาพในการทำงานที่ถูกพัฒนาตลอดเวลาอันเนื่องมาจากความทะเยอทะยานของพนักงานนั่นเอง
“สิ่งที่ดูเหมือนเจริญรุ่งเรือง”
เมื่อข้อมูลจากการสำรวจครั้งแรกของ Microsoft พบว่าความเจริญก้าวหน้าของบริษัทเฉลี่ยอยู่ที่ 77 คะแนนจาก 100 คะแนน ซึ่งผลสำรวจนี้มาจากการสำรวจคนทั้งบริษัททำให้มั่นใจได้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกเชิงบวก เชิงลบ และความเป็นกลางทั้งหมด นอกจากนี้คะแนนเฉลี่ยที่ได้มาถือเป็นตัวเลขที่มีความแข็งแกร่งและสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยเมื่อลองจำแนกความเจริญก้าวหน้าใน 77 คะแนนนั้นให้ออกเป็น 3 องค์ประกอบ บริษัทพบว่า เรื่องงานที่มีความหมายได้คะแนนไปถึง 79 คะแนน เรื่องของอำนาจได้ไป 79 คะแนน และเรื่องของความกระตือรือร้นอยู่ที่ 73 คะแนน
“วัฒนธรรมองค์กรมีความสำคัญกับการก้าวหน้า”
เมื่อลองเจาะลึกไปยังในข้อมูลเมื่อให้พนักงานแต่ละคนลองตอบแบบสอบถามปลายเปิดด้วยการเขียน พบว่าพนักงานทุกคนล้วนอธิบายเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กรในรูปแบบที่แตกต่างกันไป พนักงานที่เจริญก้าวหน้ามักจะอธิบายเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการทำงานร่วมกันและการทำงานเป็นทีมกับเพื่อนร่วมงาน โดยวัฒนธรรมองค์กรจะต้องให้ความเป็นอิสระ ยืดหยุ่นในการทำงาน และสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่พนักงาน ในขณะที่พนักงานที่ไม่ก้าวหน้ามักจะพูดถึงการเผชิญหน้ากัน ระบบราชการ และการไม่มีส่วนร่วมในการทำงานต่างๆ พวกเขามีความรู้สึกราวกับตัวเองเป็นฟันเฟืองในเครื่องจักร ไม่ใช่เป็นพนักงานในบริษัทอย่างที่ควรจะเป็น
“ผู้นำของฉันปฏิบัติต่อฉันอย่างมีศักดิ์ศรีและให้เกียรติ”
เห็นได้ชัดเจนจากผลสำรวจว่า บทบาทของผู้นำมีความสำคัญมากสำหรับพนักงานในบริษัททุกคน ผู้นำคือคนที่จะช่วยให้คนในทีมผ่านความไม่แน่นอนทั้งหลายทั้งปวงไปได้ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีของคนในทีมและตัวผู้นำเองที่เขาได้มีโอกาสในการเปล่งประกายในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผู้นำปฏิบัติต่อคนในทีมอย่างมีศักดิ์ศรีและให้เกียรติ ได้คะแนนไปถึง 93 คะแนน ซึ่งหมายความว่าพนักงานทุกคนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่ผู้นำควรมีคุณสมบัตินี้ นอกจากนี้ยังพบว่าคะแนนความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของผู้นำสูงถึง 87 คะแนน แม้ว่าคะแนนเหล่านี้จะเป็นจุดแข็งที่ได้มา แต่บริษัทก็ต้องทำให้แน่ใจว่าพนักงานทุกคนจะได้รับผลลัพธ์ในเชิงบวก
“ความเจริญก้าวหน้าและสมดุลชีวิตการทำงาน ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน”
ขณะที่บริษัทกำลังคิดถึงวิธีผลักดันความเจริญก้าวหน้าในตัวพนักงาน สิ่งสำคัญคือ ต้องจัดการกับสมดุลระหว่างงานกับชีวิตให้ได้ด้วย ความเจริญก้าวหน้ามุ่งเน้นไปที่การได้รับพลังและอำนาจในการทำงานที่มีความหมายในบทบาทหน้าที่การทำงานของพนักงาน แต่ความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานจะสะท้อนถึงชีวิตส่วนตัวของพนักงานคนนั้นๆ ด้วยเช่นกัน พนักงานให้คะแนนความพึงพอใจกับความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานอยู่ที่ 71 ซึ่งหมายถึง มันสำคัญกับพวกเขาในระดับหนึ่งเลย แต่บางครั้งความเจริญก้าวหน้ากับสมดุลชีวิตและการทำงานการเคลื่อนไปในทิศทางที่ต่างกัน
“พนักงานบางคน ต้องยอมแลกเวลาชีวิตเพื่อให้ได้ความเจริญก้าวหน้าในการทำงาน”
56% ของพนักงานในบริษัท Microsoft กล่าวว่า พวกเขาเจริญก้าวหน้าขึ้น ความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน ในขณะที่ 16% บอกว่าพวกเขาเจริญก้าวหน้า แต่มีคะแนนความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานที่ต่ำลง พนักงานที่เพิ่งเริ่มทำงานแรกจะรู้สึกว่าตนเองถูกใช้งานน้อย จึงทำให้มีความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานมากกว่าพนักงานที่ทำงานมานานแล้ว บางครั้งพนักงานก็รู้สึกเติมเต็มด้วยการทำงานหนักเพื่อความก้าวหน้า พวกเขายอมแลกเปลี่ยนความสมดุลระหว่างงานและชีวิตในระยะสั้นเพื่อให้ได้ความเจริญก้าวหน้าในระยะยาวมาแทน
“ความท้าทายเพื่อความเจริญก้าวหน้าบนเส้นทางไปข้างหน้า”
สิ่งสำคัญคือ คุณต้องใช้เวลาทำความเข้าใจว่าตัวชี้วัดที่สำคัญกับบริษัทของคุณคืออะไร? และต้องแน่ใจว่าสามารถเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่คุณพยายามขับเคลื่อนไปให้ถึง ในยุคสมัยนี้การรับฟังพนักงานเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันทำให้คุณสามารถพัฒนาไปพร้อมกับพวกเขาได้ การใส่ใจอย่างใกล้ชิดในตัวพนักงานจะทำให้พวกคุณเจริญรุ่งเรืองไปในทิศทางเดียวกัน ในท้ายที่สุด ในทุกตัวชี้วัดก็ทำให้เรามีพื้นฐานในการทำการเข้าใจ รับฟัง เรียนรู้ ปรับปรุง และปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆที่ยังคงรออยู่ข้างหน้า คุณต้องเริ่มทำความเข้าใจว่าจะคุณสามารถปลดล็อกความเจริญรุ่งเรืองได้อย่างไรในที่ทำงาน อาชีพ และวิธีการทำงานที่สร้างสรรค์
บทสรุป
ในยุคที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับวิกฤตโควิด-19 แบบนี้ ทำให้ผู้คนจำนวนมากทำงานตามตารางเวลาแบบผสมที่ไม่เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตสักเท่าไร นักวิจัยวิเคราะห์บุคคลที่ Microsoft ได้ตระหนักว่าพวกเขาต้องวัดความเจริญก้าวหน้าของพนักงานแทนการมีส่วนร่วมในการทำงานของพนักงานในบริษัท หรือ กล่าวได้ว่าพลังและอำนาจในการทำงานทำให้งานมีความหมายมากยิ่งขึ้นสำหรับตัวพนักงานเอง การได้เรียนรู้ว่าข้อมูลใดสามารถบอกเราได้ว่าพนักงานในบริษัทมีความปรารถนาจะใช้ชีวิตอย่างไร? จะทำให้เราได้ค้นพบวิธีการใหม่ในการสร้างตัวชี้วัดความเจริญก้าวหน้าทั้งในที่ทำงานและภายนอกที่ทำงาน นอกเหนือจากแค่การมีส่วนร่วม
“หนึ่งสิ่งที่ชัดเจนเลย คือในโลกของเราทุกคนล้วนมีความแตกต่างกัน ยิ่งการเปลี่ยนแปลงของผู้คนเปลี่ยนไปมากเท่าไร ยิ่งชัดเจนเลยว่าพนักงานในบริษัทก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ทางที่ดีที่สุด คือให้โอกาสพวกเขาในการสร้างเปลี่ยนแปลง”
Source:
Why Microsoft Measures Employee Thriving, Not Engagement
บทความแนะนำ:
Good Life – ความสุขที่แท้จริงคืออะไร? จากงานวิจัยความสุขที่ยาวนานที่สุดในโลก
How great leaders inspire action – ผู้นำสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ตามได้อย่างไร?