Midlife Crisis กลายเป็นปัญหาที่สำคัญที่เกิดขึ้นกับคนวัยทำงานอายุ 40ปี ขึ้นไป โดยคนในวัยนี้จะเกิดอาการตกใจ และมักคิดไปเองว่าตนเองแก่แล้ว ทำให้เหลือเวลาในชีวิตอีกไม่มาก ซึ่งทำให้เกิดอาการหลายอย่างเช่น ความรู้สึกไม่มีความสุขกับชีวิต มีความกังวล และรู้สึกผิดหวัง หรือรู้สึกไม่ประสบความสำเร็จแบบที่ตั้งใจไว้
ในวัยกลางคนถือเป็นวัยแห่งการสู้รบตบมือกับชีวิตการทำงานอย่างจริงจัง ไม่ว่าเราจะประกอบอาชีพอะไรก็ตาม เราจะมีภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ และอายุที่มากขึ้น หลายคนมักบอกว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการก่อร่างสร้างตัว ซึ่งก็เป็นการเพิ่มเข้ากดดันเข้ามาให้กับเราอีก ความว้าวุ่นในจิตใจหรือการคิดคำนวณมากมายในสมองในช่วงวัยกลางคนไม่ได้เกี่ยวกับการอยากกลับไปเป็นเด็กเพื่อหนีความทุกข์เสมอไป เพราะบางคนพวกเขาก็สามารถทำวิกฤตวัยกลางคนให้กลายเป็นโอกาสได้
“พวกเขากำลังดิ้นรนกับการรับมือกับความจริงที่ว่า พวกเขาใช้ชีวิตมาแล้วครึ่งหนึ่ง”
อายุที่เพิ่มขึ้นทุกวันก็นำพาผู้ที่อยู่ในช่วงวัยกลางคนไปสู่ความรู้สึกซึมเศร้า สำนึกผิด วิตกกังวล หรือความเครียดได้ ในช่วงวิกฤตมันคือช่วงเวลาที่พวกเขามักหวนนึกถึงความเป็นเด็กที่พวกเขาไม่สามารถทวงมันคืนได้อีกต่อไปแล้ว แถมยังต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าเวลาของพวกเขาได้ผ่านมาแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ในวิกฤตวัยกลางคนไม่ใช่เรื่องที่แย่เสมอไป เพราะจากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าหลายคนบนโลกนี้ก็ไม่ได้มีปัญหากับมันเลยสักนิด
“ผู้เข้าร่วมการสำรวจส่วนใหญ่รายงานว่าวิกฤตวัยกลางคนเกิดขึ้นก่อนอายุ 40 ปี หรือ หลัง 50 ปี”
นักวิจัยบางคนเชื่อว่าแนวคิดเรื่องวิกฤตวัยกลางคนเป็นโครงสร้างทางสังคมและเป็นความเชื่อที่เป็นเหมือนอุปทานหมู่ว่าเราควรจะประสบกับวิกฤตบางอย่างในวัย 40 ปี ของเรา ซึ่งทำให้หลายคนเอาแต่พูดว่าพวกเขาได้พบเจอกับความล้มเหลวในช่วงเวลานั้น จากการสำรวจคนวัยกลางคนในระดับชาติในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่ามีผู้เข้าร่วมเพียง 26% เท่านั้นที่มีประสบการณ์วิกฤตวัยกลางคน ทำให้เกิดคำถามว่าวิกฤตเหล่านี้ ที่หลายคนเคยประสบเกี่ยวข้องกับวัยกลางคนหรือไม่ เนื่องจากปกติแล้ววัยกลางคนจะถือว่ามีอายุ 45 ปี
“ความจริงแล้ววิกฤตวัยกลางคนอาจจะไม่แตกต่างจากความทุกข์ที่หลายคนเคยประสบมากนัก”
คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าวิกฤตวัยกลางคนมักเกิดขึ้นจากเหตุการณ์สำคัญที่เราได้พบเจอมากกว่าอายุที่เพิ่มขึ้น ปัจจัยที่ก่อให้เกิดวิกฤติอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เช่น การหย่าร้าง การสูญเสียงาน โดนไล่ออก โดนหักหลัง หรือ การสูญเสียคนที่เรารัก หรือ การย้ายที่อยู่อาศัย เป็นต้น นอกจากนี้วิกฤตวัยกลางคนยังไม่ใช่การวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ เป็นเพียงแนวคิดที่นักวิจัยได้ทำการศึกษากันเท่านั้น งานวิจัยส่วนใหญ่จึงมุ่งไปที่คำตอบคล้ายคลึงกันว่าวิกฤตวัยกลางคนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความกลัวตายหรือปรารถนาจะกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แต่ความจริงที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับอารมณ์ของผู้ที่คิดว่าตัวเองประสบกับวิกฤตวัยกลางคนนั้นไม่ได้แตกต่างจากความทุกข์ที่หลายคนประสบในช่วงวิกฤตชีวิต อื่นๆ ของพวกเขาเลย
วิกฤตทางอารมณ์ ที่เห็นได้ชัดจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ชัดเจนและฉับพลัน และนี่คือตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
- ละเลยสุขอนามัยของตัวเอง
- มีการเปลี่ยนแปลงนิสัยการนอน อาจจะนอนไม่หลับหรือนอนตลอดเวลา
- น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่เด่นชัดอื่นๆ เช่น ความโกรธที่เพิ่มขึ้น ขี้หงุดหงิด เศร้า หรือวิตกกังวล
- ถอนตัวจากงานประจำหรือยุติความสัมพันธ์ของตัวเอง
สาเหตุของวิกฤตวัยกลางคน
สำหรับคนจำนวนมาก ชีวิตในวัยกลางคนเป็นช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์และบทบาทมีการเปลี่ยนแปลง บางคนอาจต้องเริ่มดูแลพ่อแม่ที่เป็นผู้สูงอายุ บางคนรู้สึกว่างเปล่า หรือพวกเขาอาจรู้สึกราวกับว่าวัยรุ่นของพวกเขาจบลงเร็วเกินไป
“สำหรับบางคน วัยกลางคนอาจเป็นช่วงเวลาแห่งความเสียใจ”
การเปลี่ยนแปลงที่ผลักเราเข้าสู่ความชราภาพจะชัดเจนขึ้นกว่าเดิมในช่วงเวลานี้ บางคนมีอาการเจ็บป่วยและบางคนก็เริ่มสังเกตว่าสมรรถภาพทางร่างกายของตนเองลดลง ชีวิตในวัยกลางคนอาจเป็นช่วงเวลาแห่งการไตร่ตรองอันยิ่งใหญ่ พวกเขาอาจมองย้อนกลับไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและตั้งคำถามว่าชีวิตของพวกเขาจะเป็นอย่างไรหากพวกเขาเลือกเส้นทางที่ต่างไปจากเดิม บางคนอาจเสียใจที่ไม่ได้เลือกเส้นทางอาชีพที่ต่างไปจากเดิมหรือไม่ได้สร้างชีวิตที่พวกเขาเคยฝัน แน่นอนว่าในหมู่คนที่นึกเสียดายเส้นทางที่ไม่ได้เลือกในอดีต บางคนจึงเลือกที่จะเริ่มดิ้นรนเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิมในช่วงครึ่งหลังของชีวิตแทน
“เพราะความสุขเป็นรูปตัวยู”
จากงานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าความสุขของเรามีกราฟเหมือนรูปตัวยู ความสุขที่มีมาตลอดของเราจะเริ่มลดลงในช่วงวัยรุ่นตอนปลายและลดลงต่อไปจนกว่าแต่ละคนจะอายุ 40 ปี มันจะคงที่อยู่เท่านั้นจนะกระทั่งความสุขกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในวัย 50 ปี ข้อมูลจากชาวอเมริกันและชาวยุโรปกว่าครึ่งล้านคนพบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หนึ่งในพวกเขาในวัย 60 ปีเล่าว่าพวกเขาไม่เคยมีความสุขมากขึ้น และในตอนที่เขามีอายุ 40 ปี เขารู้สึกราวกับอยู่ในจุดต่ำสุดตลอดกาล แม้ว่ากราฟรูปตัวยูนี้จะไม่เป็นสากล แต่กลับเป็นเรื่องที่แพร่หลายมากในประเทศที่มีรายได้สูง ความสุขที่ค่อยๆลดลงอธิบายได้ว่าทำไมบางคนจึงดูเหมือนประสบกับวิกฤตวัยกลางคน
“วิกฤตวัยกลางคนกับภาวะซึมเศร้า”
อัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในช่วงวัยกลางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มชายผิวขาวที่มีอายุระหว่าง 45 ถึง 54 ปี บางคนอาจประสบภาวะซึมเศร้าในช่วงวัยกลางคนและกล่าวถึงภาวะซึมเศร้าว่าเป็นวิกฤตวัยกลางคน ผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 40 ถึง 59 ปีในสหรัฐอเมริกามีอัตราภาวะซึมเศร้าสูงสุด ซึ่งในตอนนี้ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าวิกฤตวัยกลางคนนั้นทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าจริงหรือไม่หรือภาวะซึมเศร้าที่ผู้คนประสบในช่วงวัยกลางคนเรียกว่าวิกฤตวัยกลางคนได้หรือไม่
“วิกฤตวัยกลางคนกับภาวะสมองเสื่อม”
ผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมในระยะเริ่มแรกอาจมีปัญหาในการวางแผน จัดระเบียบ หรือคิดล่วงหน้า อาจทำให้เครียดหรือสับสนได้ง่าย มีบางคนที่เข้าใจผิดว่าปัญหาสุขภาพเป็นวิกฤตวัยกลางคนเช่นเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพอาจไม่ใช่วิกฤตวัยกลางคนเสมอไป มันสามารถเป็นสัญญาณของภาวะสมองเสื่อมได้ด้วย เรามักจะคิดว่าโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมมีผลกับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่จากการสำรวจพบว่า 5% ของผู้ป่วยอัลไซเมอร์ พวกเขาเริ่มเป็นมาตั้งแต่ก่อนอายุ 65 ปีเสียอีก
“วิกฤตวัยกลางคนในแง่บวก”
ผลการศึกษาในปี 2016 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Behavioral Development พบว่าข้อดีของวิกฤตวัยกลางคนคือความอยากรู้อยากเห็น คนที่กำลังประสบกับวิกฤตวัยกลางคนมีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวเองและโลกรอบตัวพวกเขามากขึ้น พวกเขาเปิดใจและเปิดกว้างต่อแนวคิดใหม่ๆซึ่งสามารถนำไปใช้และทำความเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง ความอยากรู้นั้นอาจผลักดันให้พวกเขาเข้าสู่ความก้าวหน้าครั้งใหม่หรือโอกาสใหม่ๆ ซึ่งเป็นเส้นทางฝ่าดงวิกฤตไปหาโอกาสได้
“เมื่อใดควรขอความช่วยเหลือ?”
ความวุ่นวายในวัยกลางคนอาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เราอาจตัดสินใจที่จะเริ่มทำบางอย่างเพื่อที่เราจะได้รู้สึกว่าชีวิตของเรามีความหมายมากขึ้น แต่ถ้าหากเราพบว่าตัวเองกำลังประสบกับวิกฤตทางจิตใจในช่วงวัยกลางคน ที่ทำให้การทำงานหรือการดำเนินชีวิตของเราบกพร่อง ให้เริ่มมองหาความช่วยเหลือจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทันที และสิ่งต่อไปนี้คือสิ่งที่บอกว่าเราควรพูดคุยกับแพทย์หรือติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตได้แล้ว
- ความทุกข์ทางอารมณ์ของเรา บั่นทอนความสามารถในการนอนหลับหรือส่งผลต่อความอยากอาหารของเรา
- เราไม่มีสมาธิในการทำงาน หรือ ต้องโทรลาป่วยเนื่องจากความทุกข์ใจของเรา
- ความเครียดหรืออารมณ์กำลังส่งผลต่อความสัมพันธ์ เช่น การทะเลาะกับคู่รักหรือพี่น้องเพิ่มขึ้น
- เราหมดความสนใจในกิจกรรมยามว่างและงานอดิเรก
- หากเรากำลังคิดที่จะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชีวิตที่สำคัญบางอย่าง เช่น การยุติความสัมพันธ์ระยะยาว การเปลี่ยนอาชีพ หรือการย้ายถิ่นฐาน และเรามีความต้องการทำสิ่งเหล่านั้นเพราะความวุ่นวายภายในจิตใจที่เกี่ยวข้องกับวัยกลางคน ขอให้เราหยุดแล้วลองพูดคุยกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนที่เราจะตัดสินใจอะไรผิดพลาดในชีวิตไปเพราะอารมณ์
บทสรุป
หากเรากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงวัยกลางคน อยู่ในช่วงวัยกลางคน หรือกำลังจะก้าวออกจากวัยกลางคน ต้องขอบอกเอาไว้ก่อนเลยว่านี่ไม่ใช่บทความที่จะทำให้เราวิตกกังวลกับวิกฤตวัยกลางคน เพราะอย่างที่บอกเรายังมีคนอีกมากมายบนโลกใบนี้ที่ยังไม่ได้พบเจอหรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับวัยกลางคนนี้เลยสักนิด มีคนมากมายก้าวต่อไปข้างหน้า และช่วงวัยกลางคนเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเบ่งบานที่สุด ดังนั้นอย่าอยู่ด้วยความกลัวว่ามันจะเกิดขึ้น เราแค่ใช้ชีวิตตามที่เราต้องการ หมั่นสังเกตตัวเองบ่อยๆ และหากมีความผิดปกติทางอารมณ์หรือจิตใจเกิดขึ้น ให้เราหาโอกาสเข้าไปพูดคุยกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวขาญในทันที
หากเราไม่ใช่คนที่ประสบกับวิกฤตวัยกลางคน แต่พบว่าเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวกำลังเผชิญหน้ากับมันอยู่ มีหลายสิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อช่วยเหลือพวกเขา ยกตัวอย่างเช่น
- การเป็นผู้ฟังที่ดี รับฟังพวกเขาโดยไม่ตัดสิน
- แสดงให้เห็นว่าเราเป็นห่วงพวกเขา
- พูดให้พวกเขาเห็นถึงความสำคัญของการเข้ารับการช่วยเหลือ กระตุ้นให้พวกเขารู้ว่าการเข้าพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำ
- หากพวกเขาปฏิเสธความช่วยเหลือ ให้เรามองหาความช่วยเหลือด้วยตัวเราเอง แล้วพยายามมองหาแผนการหรือวิธีที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้โดยที่พวกเขาจะไม่ต่อต้าน
- ขอความช่วยเหลือทันทีหากมีคนคิดฆ่าตัวตาย เพราะไม่ควรมีการสูญเสียเกิดขึ้น ดังนั้นหากเขาขู่ว่าจะทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น ให้เข้าขัดขว้างทันที ถ้าจำเป็นให้พาเขาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการประเมินอาการและรักษาในทันที
References:
What Are the Signs of a Midlife Crisis? Midlife can be the unhappiest time in a person’s life