
My Octopus Teacher บทเรียนสำคัญที่เราได้เรียนรู้จากปลาหมึก สารคดี Netflix ที่ได้รับรางวัลออสการ์ครั้งที่ 93 ในสาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม จากผู้กำกับ Pippa Ehrlich และ James Reed ที่ได้ผู้ดำเนินเรื่องเป็น Craig Foster และคุณครูปลาหมึกแสนน่ารักอีก 1 ตัว สารคดีที่อบอุ่นหัวใจและน่าติดตามเกินกว่าจะนั่งจดบันทึก หรือเรียนรู้ทฤษฎีแบบหนังสารคดีที่คุณเคยเจอ สามารถรับชมได้ทาง Netflix
“หลายคนชอบบอกว่า ปลาหมึกมันหน้าตาเหมือนมนุษย์ต่างดาว ที่น่าแปลกก็คือเมื่อเข้าใกล้มันมากเท่าไร ยิ่งพบว่าเราเหมือนกันมากในหลายๆทาง”
Craig Foster
เรื่องย่อ
“พวกเขาอยู่ในธรรมชาติ และผมอยู่ข้างนอก นี่มันทำให้ผมอยากจะเข้าไปอยู่ในโลกนั้นแบบพวกเขาจริงๆ”

Craig Foster โตมาท่ามกลางมหาสมุทรแอตแลนติก มีโขดหิน น้ำขึ้นน้ำลง และป่าสาหร่ายล้อมรอบ เขาเคยออกไปดำน้ำ ดูสาหร่ายทะเลและสัตว์น้ำบ่อยๆ พอโตมากิจกรรมเหล่านั้นก็หายไป กลายเป็นการทำงานที่เข้ามาแทนที่ จนกระทั่งเขาออกไปถ่ายหนังกับพี่ชายเรื่อง “The great dance” มันทำให้เขาได้เจอกับ นักแกะรอยที่เก่งที่สุด พวกเขาเป็นชนเผ่าที่สามารถแกะรอยสัตว์ได้จากร่องรอยที่คนทั่วไปไม่อาจสังเกตเห็นได้ มันทำให้เขาเริ่มนึกอิจฉาถึงการดำเนินชีวิตที่กลมกลืนเข้าไปกับกับธรรมชาติได้เช่นนั้นจริงๆ
“ผมทำตัวเองพัง”
หลังจากการทำงานหนัก 18 ปี Craig พบว่าเขาไม่อาจจับกล้องถ่ายวิดีโอหรือมองโปรแกรมตัดต่อได้อีก เขาหมดไฟ นอนไม่หลับเป็นเดือนๆ หมดเป้าหมายในชีวิต และการที่เขาเป็นแบบนี้ยังกระทบถึงครอบครัวอีกด้วย ครอบครัวเป็นทุกข์จากอาการของเขา และตอนนี้เขาก็รู้ตัวว่าเขาไม่สามารถเป็นพ่อที่ดีให้แก่ลูกชายเขาได้เลย
“สิ่งมหัศจรรย์ของป่าสามมิติใต้ท้องทะเลคือ เพียงแค่ 10-15 นาทีของการชื่นชมความสวยงาม นั้นไง คุณเสร็จมันแล้ว”
เขาตัดสินใจดึงแรงบันดาลใจจากความชอบวัยเด็กและความอิจฉาที่มีต่อนักแกะรอยแสนเก่งของเขาในอดีตมาใช้ เขากลับมายังที่โขดหินที่ล้อมรอบไปด้วยป่าสาหร่ายอีกครั้ง ช่วงแรกของการดำน้ำมันยากมาก เพราะอุณหภูมิของน้ำสามารถลดลงได้ 8-9 องศาเซลเซียส เมื่อคุณสามารถผ่อนคลายไปกับสัมผัสเย็นเฉียบของน้ำได้แล้วล่ะก็ เพียงแค่ 10-15 นาทีของความสวยงามใต้ท้องมหาสมุทร มันเหมือนป่าสามมิติที่คุณสามารถกระโดดไปทางไหนก็ได้ ราวกับคุณเป็นนกที่บินได้อย่างอิสระภายใต้พื้นน้ำแห่งนี้
“เจ้าสัตว์ตัวนี้มันทำอะไรกันแน่ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไปดูมันทุกวัน โดยไม่พลาดเลยสักวัน”
ระหว่างที่ Craig กำลังโบยบิน ซึมซับความสวยงามอยู่ภายใต้ท้องมหาสมุทร หางตาของเขาเหลือบไปเห็นบางสิ่งที่แปลกประหลาด มันเป็นกลุ่มเปือกหอยที่ขยับได้ ปกปิดสัตว์บางชนิดอยู่ เมื่อเขาเข้าไปใกล้มัน มันจึงยอมปล่อยเปลือกหอยทั้งหมดทิ้งแล้วว่ายน้ำหนีไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งหมึกสีดำลอยไว้ให้ดูต่างหน้า มันคือ ปลาหมึก มันดึงดูดเกินกว่าจะปล่อยไปเฉยๆ ได้ เขาสัมผัสได้ถึงความพิเศษที่มัน เขาจึงตัดสินใจจะมาแอบดูมันทุกวัน

Day – 1 เธอยังกลัว แต่อยากรู้อยากเห็น
ในวันแรกที่เข้าไปหาเจ้าปลาหมึก มันก็ยังดูกลัวเขาและเลือกที่จะซ่อนตัวอยู่ในโพรงของตัวเอง โดยเปลี่ยนสีตัวเองให้กลมกลืนไปกับกรวดหินดินทรายและปะการังแถวนั้น Craig รู้ว่าเจ้าปลาหมึกยังไม่ไว้ใจเขาขนาดนั้น เขาจึงวางกล้องทิ้งไว้แถวๆ โพรงของมัน เมื่อเขาจากไป เจ้าปลาหมึกก็แอบสังเกตกล้องที่เขาทิ้งไว้ผ่านรูเล็กๆจากที่ซ่อน บางครั้งมันก็เข้ามาใกล้กล้อง สัมผัส ลิ้มรส หรือบางครั้งก็เล่นกับกล้อง ทำให้ Craig ทิ้งกล้องเอาไว้นานไม่ได้ เพราะเจ้าปลาหมึกจะคว่ำกล่องเขาเสียหายเอาได้
Day – 26 ความกลัวที่เริ่มเปลี่ยนเป็นความไว้ใจ
Craig ค้นพบว่ามีโพรงฉลามพาจามา (ศัตรูตัวฉกาจของปลาหมึก) อยู่ติดกับโพรงของมัน หลังจากที่เจ้าปลาหมึกได้เห็นหน้าเขามาหลายวันแล้ว วันนี้มันก็เริ่มคิดสงสัยแล้วอยากสำรวจตัวเขาดูบ้าง เจ้าปลาหมึกยังคงใช้หนวดเกาะไว้ที่โพรงด้านหลัง และเอาหนวดสองเส้นส่งมาสัมผัสตัวของ Craig โดยมีปุ่มตามหนวดไล่ไปตามมือของ Craig ราวกับว่า เจ้าปลาหมึกกำลังทำความรู้จักเขา
“การหลอกลวงที่สร้างสรรค์”
เมื่อเจ้าปลาหมึกเปิดใจให้เขา ความกลัวจึงเปลี่ยนเป็นความไว้ใจ มันไม่ได้ใช้หนวดที่เหลือเกาะไว้ที่โพรงของมันอีกต่อไปแล้ว มันยอมออกมาจากโพรง ละแหวกว่ายไปในท้องมหาสมุทรกับเขา Craig เล่าว่าบางครั้งเจ้าปลาหมึกก็เปลี่ยนพื้นผิวของตัวเอง มีเขาขึ้นมา หรือเปลี่ยนสีไปตามสภาพแวดล้อมที่มันอยู่ ที่เขามองว่าน่ารักคงเป็นตอนที่มันทำตัวเป็นเหมือนก้อนหินหรือสาหร่ายที่ปลิวไปกับกระแสน้ำ แต่จริงๆ แล้วแอบใช้หนวดสองหนวดเป็นขาเดินไปตามพื้นทราย เจ้าปลาหมึกทั้งสวยงาม เฉลียวฉลาด และลื่นไหลไปตามสายน้ำ
Day – 52 ความผิดพลาดที่ทำลายความไว้ใจ
เพราะเขาดำน้ำคนเดียว ทำให้เขาต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อมอยู่เสมอ ในวันที่เขาสร้างความไว้ใจและเกิดความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจ้าปลาหมึกแล้ว แต่เขาก็พลาด เขาได้ก่อความผิดพลาดครั้งใหญ่ ในระหว่างที่เขาว่ายน้ำไปข้างหน้าเพื่อสำรวจท้องมหาสมุทรโดยมีเจ้าปลาหมึกแหวกว่ายตามเขาไปทุกที่ มันเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์เกินบรรยาย จนกระทั่งเลนส์กล้องของเขาร่วงหล่นลง ทันใดนั้นเองเจ้าปลาหมึกก็หนีเขาไปด้วยความตกใจกลัว แม้เขาจะไปตามหามันที่โพรงหลักที่มันอาศัยอยู่ แต่ก็พบว่ามันไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว
“เป็นไปได้ไหมที่เราจะแกะรอยสัตว์ที่เชี่ยวชาญด้านการกลบรอยใต้น้ำ”
Craig กลับบ้านมาด้วยความผิดหวัง ในตอนแรกเขาคิดว่าเขาคงไม่ได้เจอเจ้าปลาหมึกอีกแล้ว แต่แล้วเขาก็คิดถึงนักแกะรอยที่เก่งที่สุดที่เขาเคยเจอขึ้นมา เขาเริ่มต้นศึกษาร่อยรอยของสัตว์ทะเล ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยของปลาหมึก ปู ปลา หอยเม่น หรือสัตว์ทะเลชนิดต่างๆที่สามารถทิ้งร่องรอยไว้ได้ ตลอดเวลาหลายอาทิตย์ในที่สุด เขาก็เจอเจ้าปลาหมึกอีกครั้ง ในวินาทีที่เขาเจอมัน มันเป็นความรู้สึกที่ดีเหมือนกับการเจอกับเพื่อนเก่า เจ้าปลาหมึกออกมาจากที่ซ่อนตัว คืบคลานเข้ามาหาเขาอย่างไร้ซึ่งความกลัว แม้เขาจะถอยหลังเล็กน้อย แต่มันก็ยังคงตามเขามา มันเกาะมือเขาเอาไว้ทั้งตัว แม้เขาจะลองว่ายน้ำขึ้นสู่ผิวน้ำ มันก็ยังคงเกาะมากับเขาด้วยความไว้ใจ
Day – 104 เธอจุดประกายทุกความสงสัยในตัวผม
เขากำลังหมกหมุ่นอยู่กับเจ้าปลาหมึก เขากลับบ้านเพื่ออ่านวารสารวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับปลาหมึกให้ได้มากที่สุด เขาสงสัยว่ามันกำลังคิดอะไร ทำอะไร แม้กระทั่งเวลานอนมันจะฝันถึงอะไร? ในคืนหนึ่ง เขาดำน้ำลงไปเพื่อแอบดูมันในตอนกลางคืน และพบว่ามันคือเวลาออกล่าของเจ้าปลาหมึก ในคืนนี้มันจับปลาได้ประมาณ 3 ตัว แล้วกลับไปที่โพรงเช่นเดิม
Day – 125 แม้จะอยากช่วยมากแค่ไหน ผมก็ไม่อาจขัดขวางวัฐจักรชีวิตของสัตว์ได้
ในวันนี้ฉลามพาจามาเห็นเจ้าปลาหมึก Craig ไม่สามารถเอาตัวเองเข้าไปขวางการล่าของสัตว์ได้ เพราะมันเป็นเรื่องที่ผิด เขาทำได้แค่มองเจ้าปลาหมึกเอาตัวรอดจากฉลามตัวนั้น ในตอนจบของฉากการไล่ล่า มันได้หนวดเจ้าปลาหมึกไปหนึ่งเส้น แล้วก็ว่ายจากไป
“ผมรู้สึกราวแขนหรือขาของผมถูกฉีกออกไปเหมือนหนวดของมัน”
มันยากที่จะหนีความรู้สึกผิด แต่เขาไม่สามารถข้ามเส้นเข้าไปขัดขวางได้จริงๆ เขาไปหามัน เฝ้าดูอาการของมันทุกวัน เจ้าปลาหมึกดูอิดโรยและอ่อนแอมาก ตัวของมันเริ่มซีดขาว เขาได้แต่ภาวนาให้วันนี้จะไม่ใช่วันสุดท้ายที่เขาเจอมันอีก
Day – 134 เธอจะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ เหมือนกับผม
หลังจากการสูญเสียหนวด 1 เส้นของเจ้าปลาหมึก มันก็เริ่มกลับมามีความสดใสและมีหนวดเล็กๆ งอกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ในช่วงเวลาแห่งความอ่อนแอ มันทำให้เขานึกย้อนมองตัวเองว่าช่วงเวลาก่อนที่เขาจะได้พบเจ้าปลาหมึกนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเพียงใด แต่ตอนนี้เขาผ่านมันมาได้เพราะมัน และเขาก็หวังให้มันผ่านสถาณการณ์นี้ไปได้เช่นกัน
Day – 250 ความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปประมาณ 100 วัน หนวดเส้นใหม่ของเจ้าปลาหมึกก็โตเต็มที่ และความมั่นใจในการล่าเหยื่อของมันก็กลับมาอีกครั้ง มันล่าปู กุ้งมังกร และหอยอย่างมีกลยุทธ์ แม้มันอาจจะใช้เวลาเกือบอาทิตย์กับการจับกุ้งมังกรตัวนี้ก็ตาม แต่ด้วยการที่มันรู้จักวางแผน แอบ หรือหลอกล่อ ที่น่าทึ่งคือใครเป็นคนสอนเรื่องพวกนี้ให้มันกัน?
Day – 304 ในความสมดุล จำเป็นต้องมีนักล่า
เราไม่อาจหลีกหนีการล่าในวัฏจักรได้ เพราะนักล่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เกิดความสมดุลขึ้น ในวันนี้การไล่ล่ากลับมาอีกครั้ง ฉลามพาจามาได้กลิ่นของเจ้าปลาหมึก มันหนีเข้าไปตามก้อนหิน ปะการัง และดงสาหร่าย ในจังหวะที่มันถูกเจอตัว ฉลามพาจามากัดที่หนวดมันไว้ ในขณะนั้น Craig ไม่อาจกลั้นหายใจไว้ได้นานกว่านี้ เขาจึงต้องว่ายขึ้นไปเพื่อหาอากาศและกลับลงมาให้เร็วที่สุด สิ่งที่น่าตกใจคือ มันรอด!
“มันเก่งกว่าเจ้าฉลามตัวนั้นเสียอีก”
Day – 324 ผมกำลังมองสัตว์รักสันโดษเล่นกับฝูงปลา และมันเข้ามาหาผมเพื่อมอบสัมผัสครั้งสุดท้าย
ในวันนั้นเขาดำน้ำลงไปเจอเจ้าปลาหมึกในที่น้ำตื้น มันใช้หนวดปัดป่ายไปในน้ำผ่านฝูงปลาที่ไหว้ผ่านตัวมันไปมา ในตอนแรกเขาคิดว่ามันกำลังล่า แต่นี่เป็นตอนกลางวัน และมันก็แหวกว่ายไปในน้ำพร้อมกับใช้หนวดอย่างผ่อนคลายไม่ได้มีกลยุทธ์อย่างเคย Craig ถึงเพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้ล่า มันเพียงแค่เล่นกับฝูงปลาเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นาน มันก็เบื่อที่จะเล่นกับพวกปลา แล้วว่ายน้ำมาเกาะเขาไว้ด้วยตัวทั้งตัวของมันแทน และเขาก็ได้รู้ว่านี่คือกอดลาครั้งสุดท้ายจากเจ้าปลาหมึก
“ผมไม่เคยเห็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหรือสัตว์จำพวกเดียวกับหอยที่สละชีวิตตัวเองให้ลูกมาก่อน”
วันนั้นเป็นวันที่ลมแรงและตะกอนปกคลุมภายใต้พื้นน้ำเต็มไปหมด มันเป็นภาพที่หาดูได้ยาก หมึกสายสองตัวอยู่ข้างๆกัน ใช่แล้ว มันกำลังผสมพันธุ์ หลังจากนั้นเจ้าปลาหมึกก็จะไม่กิน ไม่ออกล่า มันจะนอนอยู่ลึกลงไปในโพรง Craig ไปเพื่อดูมันทุกวัน แม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าวันสุดท้ายของเจ้าปลาหมึกกำลังจะมาถึง และในที่สุดวันที่เหล่าหมึกน้อยกว่าแสนตัวออกมาแหวกว่ายตามกระแสน้ำ วันนั้นเป็นวันที่เขาได้สูญเสียเจ้าปลาหมึกไปแล้วตลอดกาล
สิ่งที่ได้เรียนรู้
“ชีวิตของเราเป็นเหมือนกระจกสะท้อนให้กันและกันอย่างประหลาด”
อาการ Burnout หรือหมดไฟ เป็นเรื่องที่หนีไม่พ้นเลยในสถานการณ์เช่นนี้ Craig ก็เป็นอีกคนที่มีอาการเช่นนี้ เขาไม่แม้แต่จะอยากแตะกล้องหรือโปรแกรมที่เขาเคยรัก เพียงเพราะตอนนี้เขาเกลียดมันเข้าไส้ เขามาเรียนรู้ว่าชีวิตของปลาหมึกตัวนั้นมันสะท้อนชีวิตที่เคยผ่านความยากลำบากมาของเขา รู้ไหม จริงๆ แล้วความทุกข์ทรมานมันสะท้อนให้เห็นตั้งแต่ความทุกข์ระทมที่ครอบครัวต้องประสบจากอาการของเขาแล้ว หากเราอยากรู้ว่าเราเป็นอย่างไร ให้ลองมองดูคนรอบข้างดู แววตาของเขาจะเป็นกระจกสะท้อนบอกให้ว่าตอนนี้คุณกำลังเป็นอย่างไรอยู่
“กลยุทธ์ของเจ้าปลาหมึก ถูกสร้างขึ้นตามจำนวนเหยื่อที่มันล่าได้”
ปลาหมึกตัวที่ Craig ศึกษา มันไม่มีพ่อแม่คอยมาสอน มันเติบโตขึ้นมาอย่างสันโดษ แต่มันกลับล่าเหยื่อได้อย่างชาญฉลาด ด้วยการมีการวางแผนและมีกลยุทธ์ที่ดี ซึ่งมันน่าทึ่งมาก ที่ปลาหมึกสามารถทำเรื่องพวกนี้ได้ด้วยตัวเอง มันเรียนรู้จากการกระทำของตัวเอง ผลลัพธ์แต่ละครั้งที่ออกล่าจะเป็นการสร้างกลยุทธ์ในการล่าครั้งต่อไป ไม่ใช่แค่ปลาหมึกเท่านั้นที่ทำได้ คนเราก็สามารถศึกษาได้จากการกระทำของตนเองได้เช่นกัน เรียนรู้จากความถูกผิด จากความผิดพลาด จากความสำเร็จ เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับการลงสนามครั้งถัดไป เพราะไม่มีใครเป็นมาตั้งแต่เกิด หรือไม่มีใครสอนเราได้ทุกอย่าง หากเราอยากประสบความสำเร็จเราก็ต้องเรียนรู้วิธีการด้วยตัวเอง
“เจ้าปลาหมึกสอนให้ผมเห็นคุณค่าทุกสิ่งรอบตัว ไม่ว่ามันจะเล็กแค่ไหนก็ตาม”
ความสัมพันธ์ระหว่าง Craig กับปลาหมึก ทำให้เพิ่มเราเผลอเพิ่มคุณค่าให้กับปลาหมึกตัวนี้โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยระหว่างที่ดูหนัง แต่ในความเป็นจริงคือเราไม่จำเป็นต้องรอให้สิ่งมีชีวิตไหนมามีบทบาทต่อชีวิตของเราแล้วถึงจะมีคุณค่า สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งบนโลกไม่ว่าจะเล็กใหญ่แค่ไหนล้วนมีคุณค่าในตัวเองตั้งแต่แรกเริ่ม และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดก็มีคุณค่าเท่าเทียมกันพอที่จะได้รับการเห็นคุณค่าโดยไม่ถูกมองข้าม
“เจ้าปลาหมึกสอนให้ผมเข้าใจถึงการเป็นส่วนหนึ่งของตรงนั้น ที่ไม่ใช่แค่ผู้มาเยือน”
รู้ไหมว่าสถานะระหว่าง “ผู้มาเยือน” กับ “ส่วนหนึ่งของพื้นที่” มันแตกต่างกัน ในตอนแรก Craig เป็นเพียงผู้มาเยือนสำหรับมันเท่านั้น เขาต้องพิสูจน์ตัวเอง สร้างความเชื่อใจ ว่าเขาไม่ได้มาเพียงเพื่อเยี่ยมเยือนธรรมชาติของมัน แต่เขาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในธรรมชาติของมัน คนเราเข้าไปในธรรมชาติเพียงเพื่อหาผลประโยชน์ โดยไม่เคยคำนึงถึงการเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติเหล่านั้น มันคือการ Give and Take เราต้องให้ เราถึงจะได้รับ
บทสรุป
เพราะมนุษย์มีวิวัฒนาการ มีเทคโนโลยี สร้างความเปลี่ยนแปลงมากมายให้แก่โลก ทำให้บางครั้งมนุษย์เองก็หลงระเริงไปว่าตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีค่าที่สุด และด้อยค่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในธรรมชาติ ไม่ว่าจะสร้างผลกระทบอย่างไรให้กับสิ่งมีชีวิตไหนก็ไม่เป็นไร เพราะมนุษย์เองยังใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย เราขาดความเอาใจใส่ ขาดการเอื้อเฟื้อ และขาดความตระหนักถึงสิ่งต่างๆ รอบตัว สิ่งมีชีวิตมากมายที่คงอยู่เพื่อสร้างให้โลกนี้สมดุล แต่มนุษย์เรากลับเอาเปรียบเบียดเบียนจนพวกเขาสูญพันธุ์บ้าง จำนวนน้อยลงบ้าง และล้มตายกันเป็นจำนวนมากบ้าง มันถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว ใส่ใจสิ่งมีชีวิตรอบตัว ให้คุณค่าสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งให้สมกับที่เราเป็นเพื่อนร่วมโลกกัน ไม่ว่าจะสิ่งมีชีวิตเล็กหรือใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่มีใครสมควรจะถูกเบียดเบียน
“สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งคือส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ จงทำตัวให้เหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ ไม่ใช่ผู้มาเยือน”
ปัจจุบัน Craig ยังคงออกไปดำน้ำเพื่อสำรวจธรรมชาติอยู่ทุกวัน แต่เขาไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว Craig ร่วมก่อตั้ง Sea Change Project ชุมชนนักดำน้ำที่อุทิศตนเพื่อปกป้องสาหร่ายในมหาสมุทรไปตลอดชีวิต
My Octopus Teacher | Official Trailer | Netflix