Singapore Airlines สายการบิน World Class ที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เขามีทางเลือก หรือ ทางรอดอย่างไร ท่ามกลางปัญหาธุรกิจสายการบินที่ย่ำแย่ แต่ก่อนอื่นเรามาดูภาพรวมของธุรกิจสายการบิน หรือ อุตสาหกรรมการบินกันก่อนว่าเป็นอย่างไร?
ธุรกิจสายการบิน หรือ อุตสาหกรรมการบิน คงจะต้องซึมอีกยาวไหม?
คำถามนี้เป็นคำถามที่ตอบยาก ถึงแม้ว่าวันนี้ เราจะได้ยินข่าวคราวว่ากำลังจะมีวัคซีนป้องกันโควิดออกมาแล้วก็ตาม เพราะวัคซีนของทั้ง Moderna และ Pfizer ก็ยังอยู่ในกระบวนการขออนุมัติจาก FDA (องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา) และ ประสิทธิผลของทั้งสองตัวก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ในการป้องกันโควิด 19 ดังนั้นเอาเป็นว่า คงต้องรอดูกันต่อไป ว่าวัคซีนจะได้ผลจริงไหม และ จะได้ใช้จริงเมื่อไหร่?
ด้วยปัจจัยในเรื่องกรอบเวลา ที่เราเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ทำให้ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่า ธุรกิจสายการบิน หรือ อุตสาหกรรมการบิน จะรับมือต่อไปกับสถานการณ์นี้อย่างไร?
หากมองย้อนกลับไป ต้นปี 2020 จำนวนเที่ยวบินในแต่ละวันของเครื่องบินพาณิชย์ลดลงต่ำสุด คือในช่วงต้นเดือนเมษายน 2563 เพราะสถานการณ์ในตอนนั้น หลายๆ ประเทศสั่งห้ามบินทั้งภายในและระหว่างประเทศ ในบ้านเราเองก็เพิ่งจะอนุญาตให้บินเฉพาะในประเทศเท่านั้น เที่ยวบินระหว่างประเทศยังไม่เปิดให้บริการเต็มที่ จะมีแค่เที่ยวบินของนักท่องเที่ยวขาเข้ามาเท่านั้นที่ได้รับอนุญาต (นักท่องเที่ยวกรณีพิเศษ)
อย่างไรก็ตามจำนวนเที่ยวบินในแต่ละวันของเครื่องบินพาณิชย์ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุเพราะความคืบหน้าของมาตรการต่างๆ ด้านสุขภาพ และการมาของวัคซีน แต่ก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ไวอย่างที่ต้องการ
ด้วยปัญหาต้นทุนที่ต้องแบกรับ รายได้ที่เคยมีก็หดหาย หากสถานการณ์ยังยืดยาวแบบนี้ออกไปเรื่อยๆ ธุรกิจสายการบิน หรือ อุตสาหกรรมการบิน ควรทำอย่างไรดี?
การลดค่าใช้จ่าย ลดเงินเดือนพนักงาน หรือ ปลดพนักงาน หรือ ขายทรัพย์สินของบริษัท ก็เป็นแค่มาตรการนึงที่ช่วยยืดระยะเวลา หรือ ต่อเวลาให้บริษัทเดินต่อไปได้ แต่หากไม่มีรายได้ สุดท้ายเงินที่มีอยู่ก็ต้องหมดอยู่ดี ไม่พ้นต้องล้มละลาย และปิดกิจการไปในที่สุด
ทางเลือก เพื่อทางรอด กับ วิธีคิดและธุรกิจใหม่ของ Singapore Airlines
เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา Singapore Airlines (SIA) ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเปิดธุรกิจใหม่ที่ชื่อว่า “Singapore Airlines Academy (SAA)” เป็นธุรกิจให้บริการฝึกอบรมให้กับองค์กร หรือ บริษัททั่วไป ที่มีความสนใจ ในเรื่องของ Customer Service และ เรื่อง Cricis Management
จุดเริ่มต้นของธุรกิจใหม่ของ SIA เกิดจากความต้องการของลูกค้า กับการใช้ทรัพยากรที่ตนเองมีอยู่
Vanessa Ng – Senior vice-president of human resources บอกว่า “ที่ผ่านมา SIA ได้รับการติดต่อเข้ามามากมายจากหลายองค์กร พวกเขาหลายคนอยากเรียนรู้จากเราว่าเราทำอย่างไร ถึงสามารถเป็นผู้นำในด้านอุตสาหกรรมการให้บริการ อยากรู้ว่าการปฏิบัติการที่เป็นเลิศของ SIA เป็นอย่างไร? รวมไปถึงในเรื่องของ Organizational Innovation และ Digital Transformation ว่า SIA ของเราประสบความสำเร็จได้อย่างไร?”
ในธุรกิจสายการบินเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงอยู่แล้ว ซึ่งมีความจำเป็นที่พนักงานของทุกฝ่ายจำเป็นจะต้องมีทักษะและมีประสบการณ์ในระดับดีเลิศ ไม่งั้นคงจะไม่สามารถนำพา SIA เป็นสายการบินระดับ World Class ในหลายๆ ด้าน ได้หลายปีติดต่อกันได้อย่างแน่นอน
และด้วยความสามารถและทักษะที่สะสมมาและมีอยู่แล้วภายในองค์กร รวมไปถึงรางวัลระดับโลกมากมายที่เป็นเครื่องพิสูจน์ นี่จึงเป็นโอกาสของ SAA ซึ่งจะสามารถเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับ SIA ได้ในปีหน้าเป็นต้นไป
โดย SAA นำเสนอทั้งในรูปแบบของงาน consulting program หรือ training program โดยแบ่งออกเป็น 2 หมวดหมู่ คือ Service Excellence Program และ Innovation and Digital Program
- ภายใต้ Service Excellence Program จะประกอบไปด้วย effective communication, mindfulness, handling challenging customers, หรือ อื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยเป้าหมายของโปรแกรมนี้ก็คือ เป็นการยกระดับเรื่องการให้บริการ และการสร้างกลยุทธ์เรื่องบริการให้กับองค์กร
- สำหรับ Innovation and Digital Program จะเน้นไปในเรื่องการสร้างนวัตกรรมภายในองค์กร รวมไปถึงการมองหา Solutions ต่างๆ เพื่อยกระดับให้องค์กรมีการปฏิบัติการที่เป็นเลิศ
โดยผู้สอนทั้งหมดของทั้ง 2 โปรแกรม จะเป็นพนักงานผู้เชี่ยวชาญของ SIA ที่ผ่านการรับรองเป็น certified instructor และ facilitator และ ยังมีประสบการณ์จริงจากงานจิรงที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
ปัญหาของ Singapore Airlines ที่กำลังเผชิญอยู่
อย่างที่เราทราบกันดี การเดินทางระหว่างประเทศตอนนี้แทบจะเป็นอัมพาต หากสายการบินใดสามารถบินในประเทศได้บ้าง ก็ยังพอมีรายได้ ยังพอไปได้ แต่สำหรับ Singapore Airlines กลับหนักยิ่งกว่า SIA เป็นหนึ่งในสายการบินไม่กี่รายที่ มีแต่การให้บริการบินระหว่างประเทศ (สิงค์โปรเป็นเกาะ ไม่ต้องมีสายการบินในประเทศ แค่รถไฟฟ้าก็ไปได้ทั่วเกาะแล้ว) รายได้หลักมาจากการบินระหว่างประเทศ พอไม่มีเที่ยวบิน ก็ขาดรายได้ เป็นผลทำให้ประสบภาวะขาดทุนเป็นปีแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท
ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะใช้มาตรการตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น แต่ก็ไม่เพียงพอ หรือ จะหารายได้จากการใช้เครื่องบิน A380 มาทำเป็น plane restaurant ถึงแม้ว่าจะมีคนสนใจจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่สามารถมาชดเชยรายได้ที่ขาดหายไปจำนวนมหาศาลได้
Diversification คือ ทางเลือก เพื่อเป็นทางรอด
Do or Die … จะสู้ หรือ จะยอมแพ้ นี่คือเกมของธุรกิจ ผลกระทบครั้งนี้คือสัญญาณเตือนครั้งยิ่งใหญ่ ที่กำลังบอกเราว่า หากธุรกิจ หรือ แม้กระทั่งในระดับคนทำงานเอง จะมาหวังพึ่งพารายได้ทางเดียวจากเรื่องเดียวไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เรื่องของความไม่แน่นอน มันคือเรื่องจริง
Diversification คือ ทางเลือก เพื่อให้เจอทางรอด เพราะการทำแบบนี้ คือ การกระจายความเสี่ยงขององค์กร หรือ ของตนเอง เพื่อเปิดโอกาส สร้างรายได้จากช่องทางใหม่ๆ ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ เคสของ Singapore Airlines
- SIA ใช้ Core Competencies ที่ตนเองมี เขามีคน มีความเชี่ยวชาญ มีองค์ความรู้เป็นทุนเอยู่แล้ว ทุกคนมีความสามารถ มีประสบการณ์ ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงสูงมาก
- SIA เอาคนเหล่านั้น (ผู้เชี่ยวชาญ Trainer หรือ Facilitator) มาสนับสนุน New Business Model นั่นก็คือ Singapore Airlines Academy (SAA) กรณีนี้ คือ คนมีอยู่แล้ว ความรู้มีอยู่แล้ว ไม่ต้องลงทุนเพิ่มเติมอะไร
เรื่องโอกาสและรายได้ ของ SAA จะเป็นอย่างไร?
จากเดิมภายใน SIA ก็สอนกันเอง หรือ สอนให้กลุ่มธุรกิจการบินอยู่แล้ว ก็แค่ขยายกลุ่มลูกค้าออกมาสอนให้กับองค์กร บริษัทต่างๆ ได้ไม่ยาก ด้วยความที่ SIA มีชื่อเสียง มีรางวัลเป็นเครื่องพิสูจน์อยู่แล้ว เชื่อได้เลยว่า หลายๆ องค์กร หรือ บริษัทก็ต้องอยากมาเรียนด้วยอย่างแน่นอน
เรื่องรายได้ เรื่องนี้ไม่มีข้อมูลการประมาณการรายได้ของ SAA แต่หากเราลองไปดูมูลค่าตลาดของตลาดการฝึกอบรม จากข้อมูลที่ได้จาก Training Industry เขาระบุเอาไว้ว่า มีการประมาณการงบประมาณที่ใช้จ่ายขององค์กรและบริษัทสำหรับการฝึกอบรมในปี 2019 ทั่วโลก คือ $370.3B แบ่งเป็นใน North America $169.4B และ ที่เหลือ $200.9B ไม่น่าเชื่อตลาดการฝึกอบรม เอาแค่ที่เหลือ $200.9B ไม่รวมตลาดใน North America ก็มหาศาลแล้ว (ตัวเลขนี้ นำเสนอเฉพาะงบประมาณที่บริษัทและองค์กรจ่ายเท่านั้น)
หากมาเทียบกับ มูลค่าตลาดรวมของสายการบินพาณิชย์ ในปี 2019 เช่นกัน มีมูลค่าตลาดรวม $801.73B ในปี 2019 Singapore Airlines มีรายได้ราวๆ $11.92B หากเทียบเป็น Market Share ก็คือ แค่ ประมาณ 1.5% เท่านั้นเอง
SAA จะทำได้ดีหรือไม่กับ ตลาดฝึกอบรมมูลค่า $200.9B?
ตลาดใหญ่มากก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้มาง่ายๆ แต่อย่าลืมว่า SAA มีแต้มต่อ คือ สามารถสอน บรรยายได้หลายภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ และ ภาษาจีน ดังนั้นเรื่องภาษาก็เป็นอีกหนึ่งความได้เปรียบ ที่จะทำให้ ธุรกิจ SSA สามารถเติบโตได้ไม่ยาก
ในเชิงของ Location ประเทศสิงค์โปร หากหมดโควิด ก็สะดวกและง่ายต่องานเดินทาง แถมมีความปลอดภัยสูงอีกต่างหาก ถือว่าอนาคตอาจจะกลายเป็นฮับของการฝึกอบรมไปเลยก็ได้
ในเชิงของการแข่งขัน เชื่อได้เลยว่าบริษัทที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้บริการการฝึกอบรมจะต้องมีร้อนๆ หนาวๆ กันอย่างแน่นอน เพราะ SAA อาจจะดูเหมือนเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ แต่ไม่ใช่ผู้เล่นที่ด้อยประสบการณ์ การเข้าสู่ตลาดนี้ของ SAA ย่อมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการฝึกอบรมอย่างแน่นอน เผลอๆ อาจจะมีบริษัทที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับ SIA หันมาเล่นในตลาดฝึกอบรมเพิ่มมาอีกหลายรายก็เป็นได้
เราคงต้องรอดูต่อไป กับ Strategic Move ครั้งนี้ กับการ Diversify ธุรกิจท่ามกลางปัญหาที่รุมเร้ามากมายของ SAA จะช่วยสร้างรายได้ให้กับ Singapore Airlines ได้มากน้อยแค่ไหน? จะเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้หรือไม่? ต้องติดตามกันต่อไป
บทสรุปของเรื่องนี้
ต้องยอมรับกับวิสัยทัศน์ของผู้บริหารของ SIA และ กับความกล้าในการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ สิ่งสำคัญคือ SIA ได้ใช้ทรัพยากร ความสามารถที่ตนเองมีอยู่แล้ว บวกกับช่องทางและโอกาสที่พวกเขาได้เจอ ก่อให้เกิดเป็นอีกหนึ่งธุรกิจใหม่
สำหรับคนทำงาน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเพื่อกระจายความเสี่ยง เพราะหากหวังพึ่งช่องทางเดียวของรายได้ หรือ พึ่งพาทักษะเดิมๆ อีกต่อไป คงไม่ได้อย่างแน่นอน
ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องหันกลับมาประเมินตนเอง ทั้งตัวพนักงานและองค์กร มองหาธุรกิจใหม่ ที่สามารถใช้ทรัพยากรที่ตนเองมี หรือ องค์กรมี เพื่อต่อยอดนำไปสู่ธุรกิจใหม่ หรือ งานใหม่ๆ เป็นต้น
Source: