Solving Hunger by Solving Food Waste เป็นหนทางและวิธีการที่สามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาในเรื่องของขยะอาหาร และ ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความอดอยากที่เกิดกับคนอีกเป็นจำนวนมากได้อีกด้วย ในบทความนี้ขอนำกรณีศึกษาที่น่าสนใจของ Vince Hall ที่เขาได้พูดเอาไว้ใน TEDxSDSU ในเรื่องของการแก้ปัญหาความหิวโหย ความอดอยาก ว่าองค์กรของเขาทำอย่างไร?
เราทำอย่างไร เมื่อเรากินอาหารในจานไม่หมด?
เราก็แค่เขี่ยมันทิ้งลงถังขยะ เพราะถือว่าเราอิ่มแล้ว แล้วก็ไม่ได้สนใจว่าอาหารที่เหลือหลังจากนั้นมันจะเป็นอย่างไรต่อไปใช่ไหม?
ในขณะที่พวกเราหลายคนมีอาหารเหลือกินเหลือใช้ แต่ก็ยังมีคนอีกมากมายบนโลกใบนี้ ที่กำลังทุกข์ทรมานจากความหิวโหย ความอดอยาก และมีคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ ตอนนี้พวกเขาขอแค่มีข้าวกินอิ่มให้ครบ 3 มื้อยังเป็นเรื่องที่ต้องดิ้นรนหาเลือดตาแทบกระเด็น ในเมื่อยังมีคนหิวโหยอยู่ภายนอกอีกจำนวนมาก และเราเองก็อิ่มเอมเกินกว่าจะกินอาหารให้หมด ถึงตรงนี้ พวกเราคงจะรู้แล้วใช่ไหมว่าอะไรคือสิ่งที่แก้ปัญหาตรงนี้ได้?
“ใช้ความเป็นจริงของเศษอาหารที่เหลือมากมายในการแก้ปัญหาความหิวโหย”
ในวัยเด็กของ Vince Hall เขาเห็นแคนตาลูป หรือมะเดื่อจำนวนมากถูกทิ้งไปอย่างสูญเปล่าเพียงเพราะพวกมันสุกเกินไปหรือเหลืองเกินไป หรือมีสีที่เปลี่ยนไปเกินกว่าจะเอามาขายได้ ทั้งๆ ที่จริงแล้วมันยังกินได้ ในมุมของการค้าขายสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นผลผลิตที่ขายไม่ออก เรื่องนี้คือจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ Vince ในตอนนี้เขากลายเป็นผู้นำองค์กรที่พยายามขับเคลื่อนองค์กรด้วยบทเรียนในวัยเด็กของเขาใน San Diego
“Baseball Diamond”
หากเราเคยเล่นเบสบอลหรือได้ดูการแข่งขันเบสบอลมาบ้าง เราคงพอจะนึกภาพการแข่งขันออกใช่ไหม? เมื่อมีการตีลูก ผู้เล่นจะต้องวิ่งไปที่ตำแหน่ง 1, 2, 3 และ Home Plate ซึ่งเป็นตำแหน่งสุดท้าย เราจะแทน Home Plate เป็นการศึกษา งาน การฝึกอบรมต่างๆ แต่ก่อนถึง Home Plate เราต้องผ่านจุดที่ 3 ซึ่งก็คือ การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ แน่นอนว่าก่อนมาจุดที่ 3 เราต้องผ่านจุดที่ 2 มาก่อน มันคือที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย และจุดที่ 1 จุดสุดท้ายที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างก็คือ ความหิวโหย
“ความหิวโหยทำอะไรได้บ้าง?”
เราสามารถพูดได้เลยว่าความหิวโหยเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ในจุดที่ 2 ที่เป็นการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไรหากเรายังมีความหิวโหยอยู่ เพราะความหิวโหยทำให้ร่างกายอ่อนแอ ไม่สามารถจดจ่อกับการเรียนหรือการทำงานได้ แม้เราจะไม่คาดหวังความเป็นเลิศจากผลลัพธ์ แต่เราก็ยังคาดหวังให้มีการพัฒนาให้เกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริง ความหิวโหยทำให้อัตราการพัฒนาตนเองตกต่ำและมีแนวโน้มที่จะแย่ลงเรื่อยๆ
“ในจำนวนคน 8 คนจะมี 1 คน ที่ต้องเผชิญความหิวโหย”
เมื่อเรามองไปที่เมือง San Diego เราอาจจะพบกับผู้คนเข้าออกเมืองนี้มากมาย และความเจริญที่เด่นชัดอยู่ตามท้องถนน สถานที่ท่องเที่ยว บ้าน และห้างสรรพสินค้าที่มีคนพลุกพลาน แต่ความจริงจากการสำรวจพบว่าจากประชากรทั้งหมดที่อาศัยอยู่ใน San Diego พบว่ามีอัตราความหิวโหยที่สูงมาก โดยพบว่า 1 ใน 8 คน ต้องเผชิญกับความหิวโหยอย่างน่าสงสาร และยังพบอีกว่า 1 ใน 6 ของเด็กๆ ในเมืองนี้มักต้องรับสภาพกับอาหารที่ไม่ปลอดภัยเสมอ
“คนหิวโหยพวกนี้ พวกเขาคือใครกัน?”
ในความมั่งคั่งของ San Diego กลับเต็มไปด้วยคนไร้บ้าน คนที่ต้องดิ้นรนในการทำงานอย่างหนักเพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นไร้บ้าน บางคนต้องทำงานอย่างหนักถึง 3 งานต่อวัน บางคนเป็นทหารผ่านฝึก เป็นพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวที่อดมื้อกินมื้อให้ลูกมีเงินไปเรียน เป็นคนพิการ หรือบางคนเป็นผู้สูงอายุที่ไม่สามารถมีชีวิตบั้นปลายอย่างสุขสบายได้ หนึ่งในความไม่ยุติธรรม คือหนึ่งในคนหิวโหยเหล่านี้ คือครอบครัวของทหารที่กำลังรับใช้ชาติอยู่ แต่ครอบครัวของเขากลับต้องดิ้นรนเพื่อให้รอดจากความหิวโหยในสภาวะความไม่มั่นคงด้านอาหารใน San Diego
“40% ของอาหารใน San Diego สูญเปล่า ”
องค์กรของ Vince Hall พบความจริงที่น่าตกใจเกี่ยวกับจำนวนอาหารที่สูญเปล่าในแต่ละวันใน San Diego มันมากพอที่จะลดความหิวโหยที่เกิดขึ้นทั่วเมืองได้ ห่างไปเพียง 1 ไมล์จากจุดที่คนใช้ฝังกลบเศษอาหารเหล่านั้น เป็นจุดที่มีเด็กมากมายกำลังทรมานจากความหิวโหยในยามค่ำคืนและพยายามข่มตาหลับเพื่อให้ผ่านมันไปได้
“ไม่ใช่แค่คนที่ต้องทรมาน แต่สิ่งแวดล้อมก็เช่นกัน”
การโยนเศษอาหารทิ้งอย่างสูญเปล่ากลายเป็นความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง รู้ไหมว่าพื้นที่ใน San Diego ใช้เพื่อการเพาะปลูกมีขนาดประมาณรัฐ Pennsylvania หรือ 30 ล้านเอเคอร์ ซึ่งคิดเป็น 8% ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดใน USA ไม่ใช่แค่พื้นที่เท่านั้นที่เราขว้างทิ้งเศษอาหาร แต่ยังรวมถึง ยาฆ่าแมลง 800 ล้านปอนด์ ปุ๋ย 2 พันล้านปอนด์ และน้ำ 4 ล้านล้านแกลลอนที่เราใช้เพื่อเพาะปลูกอาหารให้เรากินทิ้งกินขว้าง
“ทรัพยากรธรรมชาติและมนุษย์กำลังถูกฝังกลบ”
เราต้องพึ่งพาแรงงานในการเก็บเกี่ยวผลผลิต จัดทำบรรจุภัณฑ์ การขนส่ง กระจายสินค้า วงจรขนาดใหญ่ของการผลิตอาหาร กระบวนการจัดซื้อและแจกจ่ายอาหาร ทั้งหมดถูกฝังกลบอยู่ใต้ดิน นี่ถือเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรในประเทศอย่างมหาศาล แต่สิ่งที่แย่มันยังไม่จบเพียงเท่านั้น เมื่อเศษอาหารทั้งหมดมาถึงยังจุดฝังกลบ พวกมันสร้างก๊าซมีเทนจำนวนมหาศาลที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขึ้น (Greenhouse Gas หรือ ก๊าซเรือนกระจก)
“หากเราสามารถแก้ปัญหาทั้งความหิวโหยและก๊าซมีเทนได้ในเวลาเดียวกัน มันคือทางแก้ปัญหาที่ยอดเยี่ยม”
โดยปกติแล้ว วิธีการทั่วๆ ไปจะใช้วิธีซื้ออาหารเพิ่มเพื่อแบ่งปันอาหารให้กับคนอื่น เพื่อบอกให้รัฐบาลแจกจ่ายอาหารให้กับคนไร้บ้านหรือผู้หิวโหย แต่วิธีการของ Vince Hall ต่างไปจากวิธีการเดิมๆ องค์การของเขามีการร่วมมือกับบริษัทที่ขายอาหารอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อเราเข้าไปในร้านขายของชำ ซื้อซุปราคา 1 ดอลลาร์และหย่อนเงินลงในกล่องบริจาคขององค์กรเท่ากับวันนี้เราสามารถช่วยผู้หิวโหยได้ด้วยซุปของเรา หรือถ้าเราให้เงินบริจาคกับองค์กรเลย พวกเขาจะเปลี่ยนมันเป็นอาหารให้แก่ทุกคนที่ยังคงหิวโหยอยู่ภายนอก
“เราต้องมั่นใจว่าทุกคนที่กำลังหิวโหย จะได้รับอาหารจริงๆ”
สิ่งที่แตกต่างออกไปอีกก็คือ องค์กรของ Vince Hall ไม่ได้รวมอาหารที่ใช้แจกจ่ายไว้ตรงกลางของเมือง แต่พวกเขาเรียกเหล่าพันธมิตรและทีมงานของพวกเขาให้มารับอาหารเพื่อนำไปแจกจ่ายยังชุมชนต่างๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ ไม่มีใครที่เข้าไม่ถึงอาหาร เพราะพวกเขานำมันไปให้ถึงที่ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ช่วยเหลือในชุมชน ร้านของของชำ หรือองค์กรการกุศลท้องถิ่นต่างๆ
โดย Vince Hall บอกว่า 3 สิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเราเลือกที่จะช่วย ก็คือ สิ่งแรกเราจะมีส่วนในการช่วยลดความหิวโหยโดยรวมให้แก่โลกใบนี้ สิ่งที่สองพวกเขาจะได้รับอาหารที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง และสิ่งสุดท้ายเรามีส่วนช่วยในการขยายต้นทุนองค์กรของ Vince Hall
ซึ่งเขาบอกว่า “ตอนนี้เราอยู่ในร้านขายของชำกว่า 260 แห่ง” Vince Hall เล่าว่าตอนนี้โครงการขององค์กรเขาได้กระจายอยู่ในร้านขายของชำกว่า 260 แห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของชำทั่วไป ห้างสรรพสินค้า สนามบิน และตอนนี้ Starbucks ที่มีสาขากว่า 30,000 สาขาทั่วโลกก็ได้ติดต่อเกี่ยวกับการใช้โมเดลโครงการนี้ กว่า 750,000 ปอนด์ที่ได้จาก Starbucks กว่า 206 สาขาที่ได้นำโครงการไปใช้ ครอบครัวที่อยู่อย่างหิวโหยพวกเขามีนม ขนมปัง โยเกิร์ต และอาหารเพียงพอที่ช่วยยุติค่ำคืนที่ทรมานของพวกเขาลงได้
บทสรุป
ในวันที่เรากินอิ่ม แต่ก็ยังมีคนมากมายที่ยังคงดิ้นรนเอาตัวรอดจากความอดยากไปวันๆ เศษอาหารที่เราทิ้งขว้างไปอย่างสูญเปล่า ไม่ใช่แค่ทิ้งลงขยะแล้วจบเท่านั้น มันก่อให้เกิดมลพิษ เกิดก๊าซมีเทนที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อโลกของเรา การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเป็นสัญญาณที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่โลกพยายามเตือนเรามาตลอด อย่ามองข้ามสัญญาณเหล่านี้ อย่ามองข้ามความหิวโหยของคนข้างนอก และอย่ามองข้ามการกระทำที่ร้ายกาจที่เราทำมันจนเคยชิน เราเองก็สามารถเปลี่ยนแปลงพฤิตกรรมเหล่านี้ได้ เราเองก็สามารรถมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นได้เช่นเดียวกัน
“การลดปัญหาความหิวโหยไม่ได้ดีต่อผู้หิวโหยเท่านั้น แต่ยังดีต่อสิ่งแวดล้อม และดีต่อโลกของเราด้วย”
Solving Hunger by Solving Food Waste | Vince Hall | TEDxSDSU
บทความแนะนำ :
Apeel – A New Solution to Food Waste หนทางสู่ความยั่งยืน