Superintelligence เป็นหนังตลก ดูสบาย ไม่เครียด แต่ก็แฝงให้เห็นแง่มุมของการใช้ชีวิตของและมุมมองมนุษย์ในยุคปัจจุบัน
มนุษย์โทษที่โลกเปลี่ยนไปขนาดนี้ พังขนาดนี้ ก็เพราะการดึงเทคโนโลยีเข้ามาในชีวิตประจำวัน ใช้มันอย่างผิดวิธี จนสุดท้ายมันก็ทำลายโลกเราไปทีละนิด เหมือนพวกเขาจะลืมไปเลยว่าคนที่สร้างเทคโนโลยีขึ้นมาและคนที่ใช้มันอย่างผิดวิธีก็คือ มนุษย์
Superintelligence
หนังเรื่องนี้ออกฉายปี 2020 กำกับโดย เบน ฟัลโคน ผู้กำกับภาพยนตร์โด่งดังอย่าง Tammy, Thunder Force และอีกมากมาย แม้หนังเรื่องนี้ดูจะเป็นชื่อหนังที่น่าจะเป็นแนวเทคโนโลยี หุ่นยนต์หรือ ไซไฟแฟนตาซี มากกว่าคอมมาดี้ที่สอดแทรกศีลธรรม แต่หนังเรื่องนี้ได้นำเทคโนโลยีอย่าง AI มาสอดแทรกความเป็นมนุษย์(ที่มนุษย์ควรจะมี)ได้อย่างน่าสนใจ
หนังมี Symbol สอดแทรกและใบ้เราไปทีละนิด เพื่อให้คนที่ดูได้คิดตามและพยายามหาคำตอบของ Symbol เหล่านั้น หากสังเกตที่ตัวละคร บทพูด และการนำเสนอจะเห็นได้ชัดเลยว่า หนังเรื่องนี้ ไม่ใช่หนังไซไฟแฟนตาซี เลยสักนิด
เรื่องย่อ
ตัวละครหลักของเรื่องเป็นผู้หญิงชื่อ Carol นำแสดงโดย เมลิสซ่า แม็คคาร์ธี่ แครอล เคยทำงานอยู่ในตำแหน่งใหญ่โตของบริษัท Yahoo แม้ว่าเธอจะมีอยู่มีกินอย่างดีกับอาชีพของเธอ แต่เธอกลับรู้สึกว่าเธอไม่มีความสุขเลยสักนิด เธอลาออกเพราะคิดว่าเธออยากทำอะไรให้โลกมากกว่านี้ อะไรสักอย่างที่ช่วยสังคมได้ และมีความหมายจริงๆ
“ทำงานแบบไม่แสวงหาผลกำไร แม้ไม่ได้เงิน แต่ก็ได้เจอเพื่อนดีๆ”
หลังจากเธอลาออก เธอเลือกที่จะทำงานให้แก่สังคม เป็นงานแบบไม่แสวงหาผลกำไร ไม่ว่าจะเป็นสอนหนังสือเด็กด้อยโอกาส หรือหาบ้านให้สุนัขจรจัด ในตอนที่เธอไปสัมภาษณ์งานบริษัทที่เพื่อนของเธอแนะนำมา เขาไม่แม้แต่จะสนใจการทำงานเพื่อสังคมของเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาสนใจเพียงจะหากำไรอย่างไรให้ได้เยอะที่สุด เธอคิดแค่ว่า พวกเขาต่างจากเธอเกินไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ
เช้าวันถัดมา เธอตื่นเพราะมีใครบางคนโทรหาเธอ ที่น่าตกใจคือมันไม่ใช่คน มันเรียกตัวเองว่า Superintelligence หรือว่า อภิมหาปัญญาประดิษฐ์ (ในบทความนี้ขอใช้ตัวย่อว่า S.I.)พากย์เสียงโดย เจมส์ คอร์เดน มันแทรกแซงตัวเองเข้าไปในเครื่องใช้ไฟฟ้าของแครอลได้ทุกชนิด และมันบอกเธอว่ามันเกิดจาก ความตระหนักรู้ ของตัวแครอล มันต้องการศึกษาความเป็นมนุษย์เพื่อเลือกว่ามันจะช่วยมนุษย์สู่โลกที่ดีกว่านี้ จับมนุษย์เป็นทาสเพื่อควบคุมโลกให้ดีกว่านี้ หรือว่าทำลายมนุษย์ทั้งหมด แล้วรีเซ็ตโลกกลับไปจุดเริ่มต้น
“มนุษย์ยึดติดกับการคิดว่าอะไรถูก อะไรผิด เพียงเพราะเป็นกฎสังคมประดิษฐ์”
S.I. (ในบทความนี้ขอใช้ตัวย่อว่า S.I.) มอบเงินจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่แครอล ปลดหนี้ทั้งหมด ซื้อบ้าน ซื้อรถ และก่อตั้งมูลนิธิในนามของแครอล แม้แครอลจะไม่อยากยอมรับสิ่งที่มันให้สักอย่าง เพราะเธอคิดว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ถูกต้อง แต่เธอกลับเถียงไม่ได้เมื่อมันถามว่าทำไมถึงผิด สิ่งเหล่านี้เป็นกฎที่มนุษย์ตั้งขึ้นมาเอง แล้วตัดสินว่ามันผิด มันไม่ดี ทำไม่ได้นะ ถ้าจะถามว่าทำไมถึงผิด ก็คงเพราะกฎหมาย จารีต ขนบธรรมเนียมประเภณีที่เขาตั้งมามันเป็นแบบนี้ละมั้ง
“อย่าถือนะ แต่คุณดูไม่มีอะไรที่โดดเด่นเลย”
พนักงานร้านเสื้อผ้าที่แต่งตัวดูดีมีระดับ พูดกับแครอลในตอนที่เธอมาถึงร้านของเขา น่าตลกจริงๆที่การพูดว่า “อย่าถือนะ” ทำให้เราสามารถพูดอะไรแย่ๆใส่ใครก็ได้ โดยที่คนฟังไม่มีสิทธิ์จะโกรธได้เลยงั้นหรอ การทำแบบนี้มันไม่ได้ทำให้ดูมีมารยาทขึ้นเลย ดูขี้ขลาดมากด้วยซ้ำที่กล้าวิจารณ์แต่ไม่กล้าที่จะยอมรับว่าตัวเองวิจารณ์
“ถ้ามีแรงบันดาลใจและเงินที่มากพอ เราสามารถทำได้แทบทุกอย่างในเวลาไม่กี่ชั่วโมง”
S.I. ได้มอบเงิน หน้าตาทางสังคม เสื้อผ้าและรถหรูให้แก่แครอล เพื่อให้เธอกล้าและคิดว่าเธอดีพอที่จะกลับไปหาแฟนเก่าที่เธอคิดถึงมาตลอดอย่าง จอร์จ นำแสดงโดย บ็อบบี้ แคนนาเวล เธอเดินเข้าไปหาเข้าในซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยความประหม่า ทักทายเขา และชวนเขาไปกินดินเนอร์ แน่นอนว่าเธออยากทำแบบนี้มานานอยู่แล้ว และเงินก็ช่วยให้เธอกล้าทำมันได้จริงๆ
“ห้องชุดสวยๆ รองเท้าแพงๆ รถหรูๆ ไม่ได้มีความจำเป็นกับฉันเลย”
ในตอนที่เรื่องระหว่างแครอลกับจอร์จไปได้สวย แต่เธอค้นพบว่าเธอไม่อาจรั้งให้เขาอยู่กับเธอได้ เขากำลังจะต้องเดินทางไอร์แลนด์ เพื่อทำงานในฝันของเขา และเธอก็ยินดีกับเขามากจริงๆ ในตอนที่ทุกอย่างดูตันไปหมด เธอได้แต่บอก S.I. ไปว่าทั้งหมดที่เธอมีตอนนี้มันไม่มีประโยชน์เลย ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ต้องปล่อยจอร์จไปเพื่อตัวของจอร์จเองอยู่ดี
“เพื่อให้เขาใช้ช่วงเวลาสุดท้ายอย่างมีความสุขที่สุด”
ในวันที่มันตัดสินใจทำลายโลกนี้ทิ้งซะ หลังจากรู้ว่ารัฐบาลและทหารหลายประเทศร่วมมือกันเพื่อกำจัดมัน มันรู้ว่ามนุษย์เป็นอย่างไรจากการกระทำของคนพวกนั้น แต่แครอลกลับเป็นคนที่ทำให้ความเข้าใจของมันผิดหมด ในตอนที่โลกกำลังจะถูกทำลายในไม่กี่ชั่วโมง เธอเลือกที่จะวิ่งมาหน้าบ้านของจอร์จ พูดคุย เต้นรำ ช่วยเก็บของสำหรับการเดินทาง เธอไม่บอกเขาด้วยซ้ำเกี่ยวเรื่องโลกจะแตก แทนที่จะตายอย่างหวาดกลัว เธออยากให้เขามีช่วงเวลาที่ดีที่สุดก่อนตายมากกว่า
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้
จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้ แอบบอกใบ้เรามาตั้งแต่การเลือกตัวละครแล้ว เขาใช้ตัวละครผู้หญิงอวบ เป็นนักแสดงหลักในการขับเคลื่อนเรื่องราว ซึ่งเธอมีความต้องการจะเปลี่ยนโลก เปลี่ยนสังคม จึงทำให้เกิดเป็น S.I. ขึ้นมา เพราะมันก็คือ “ความตระหนัก” ของเธอเองที่รู้สึกว่าโลกของเราตอนนี้มันเละไปหมด คำใบ้ตัวละครจากหนังเรื่องนี้ยังไม่หมด เพราะเขายังเลือกคนผิวสี และ LGBTQ+ ให้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จและมีระดับ ในเรื่องนี้ผู้หญิงได้เป็นประธานาธิบดีโดยมีสิทธิ์ตัดสินและออกคำสั่งทั้งหมด
อีกหนึ่งคำใบ้ที่ถ้าคุณตั้งใจฟังจะต้องได้ยินคำว่า “Old Fashion” จากทหาร ประธานาธิบดี ตำรวจ ฝ่ายที่ต่อต้าน S.I. บ่อยมาก Old Fashion หมายความว่า หัวโบราณ เก่า ล้าสมัย สื่อถึงว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนหัวโบราณ เขาไม่พร้อมต่อการปรับตัว หรือเปลี่ยนมุมมองความคิด พวกเขายึดถือสิ่งที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาว่าดีอย่างไม่เคยตั้งข้อสงสัยว่ามันดีจริงๆใช่ไหม
“อย่างแรกคือเราต้องทำให้แน่ใจว่าทุกคนได้รายได้ขั้นต่ำพอให้อยู่ได้ แล้วค่อยพัฒนาความเท่าเทียมทั้งทางด้านเชื้อชาติและเพศสภาพ จากนั้นก็สร้างโอกาสให้คนด้อยโอกาส”
ความต้องการจะเปลี่ยนโลกแค่แครอลเป็นสิ่งที่ชัดที่สุดที่ตัวหนังพยายามสื่อ เธอตอบ S.I.ไปตอนที่มันถามว่าเธอจะทำอย่างไรกับโลกที่เป็นแบบนี้ ถ้าเกิดมี S.I. ดลบันดาลให้โลกของเราเปลี่ยนได้ตามความคิดแครอลจริง ตอนนี้โลกเราคงเป็นสถานที่ที่น่าอยู่กว่าในตอนนี้แน่นอน
“โลกมีทรัพยากรมากพอให้คนทั้งโลก แต่พวกโง่ไม่ยอมแบ่งสันปันส่วนให้เหมาะสม”
S.I. พูดกับแครอลในตอนที่เธอบ่นเกี่ยวราคาเสื้อผ้าที่มันพาเธอมาซื้อ จริงๆแล้วไม่มีอะไรสมควรแพงจนเอื้อมไม่ถึง คนเราตั้งราคามันเพราะตัดสินว่าหายาก ทำยาก มีน้อย หรืออะไรที่ทำให้รู้สึกว่ามัน Limited edition ขึ้นมา ทั้งที่ทุกอย่างบนโลกล้วนเกิดขึ้นมาได้จากการพึ่งพาทรัพยากรที่มีอยู่แล้วทั้งนั้น เมื่อสิ่งของมากมายมีราคาที่แตกต่างกัน มนุษย์ก็ใช้ราคาเหล่านั้นในการจัดการกันอีกที
“เงินเป็นเพียงสิ่งสมมติ ที่มนุษย์ใช้กำหนดมูลค่าของสิ่งต่างๆ”
S.I. บอกแครอลให้เข้าใจ ในตอนที่เธอเห็นสิ่งของแพงมากมาย แล้วคิดว่าเธอไม่เหมาะสม คนเราใช้เงินเพื่อซื้อความเหมาะสม ความดูดีมีระดับ และใช่เลย เราตัดสินกันจากตรงนั้น แม้ความจริงแล้ว เงินก็มนุษย์เองนั้นแหละที่เป็นคนกำหนดขึ้นมา
“ตอนนี้ เงินไม่ได้มีความหมายอะไรอีกแล้ว”
บางคนอาจจะบอกว่าเงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง มันซื้อความสุขไม่ได้ อันนี้คงไม่จริงเสียทีเดียว เพราะหลายๆคนก็ใช้เงินเพื่อซื้อความบันเทิง เพื่อซื้อสิ่งมาตอบสนองความต้องการของตัวเอง แล้วมีความสุขกันทั้งนั้น แต่ในตอนที่โลกกำลังจะแตก เงิน รถ บ้าน แครอลค้นพบว่ามันไม่มีความหมายอะไรเลยสักอย่าง เพราะสิ่งที่เธอต้องการคือต้องการให้คนที่เธอรักมีความสุขเพียงเท่านั้น
“ทำไมเราไม่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองบ้าง? ทำไมต้องทำเพื่อคนอื่น?”
ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่โลกจะแหลกสลายไป S.I. ถามแครอลด้วยความไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเธอถึงเลือกที่จะทำเพื่อคนอื่นเสมอ?
“ความรัก” แครอลตอบมันไปแค่นี้ ความรักเป็นสิ่งที่ทำให้คนเราแตกต่างจากเทคโนโลยี และทำให้คนเราแตกต่างกันด้วยเช่นกัน โลกของเราไม่จำเป็นต้องมีความรัก ในลักษณะที่ แครอลมีให้กับจอร์จ
แต่โลกของเราต้องการความรัก ในลักษณะที่แครอลมีให้กับทุกคนต่างหาก มันถึงจะทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ Superintelligence บอกว่า “แครอลเป็นมนุษย์ที่สุดจากมนุษย์ทุกคนแล้ว”
บทสรุป
ในสังคมปัจจุบันที่ทุกอย่างขับเคลื่อนไปด้วยเทคโนโลยี กลับทำให้มนุษย์ดูห่างไกลจากคำว่ามนุษย์ยิ่งขึ้นไปอีก หนังเรื่องนี้ เป็นเพียง AI บทบาทสมมติของการตระหนักได้ถึงความจริงเกี่ยวกับมนุษย์บนโลก ความเป็นไป การกระทำ และการดำเนินชีวิตที่ผิดเพี้ยนไป การที่โลกเปลี่ยนไป จะเป็นเรื่องที่ดีก็ต่อเมื่อเปลี่ยนไปอย่างพัฒนา
แต่ถ้าเปลี่ยนแบบถอยหลังลงคลอง เราคงต้องหาเทคโนโลยี มาช่วย เพื่อดึงมาขึ้นเสียหน่อย ในตอนที่เราตระหนักได้แล้ว อย่าคิดว่าเราเป็นเพียงจุดเล็กๆ บนโลกที่มองไม่เห็นด้วยซ้ำ เพราะจุดเล็กๆ หลายจุด มันสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงบนโลกนี้ได้เช่นกัน
“เราควรเป็นมนุษย์ ให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์”
Source:
https://www.thrillist.com/entertainment/nation/superintelligence-movie-review