Sustainability Expo 2022 ถือเป็นงานมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ที่มีเป้าหมายร่วมกันเพื่อค้นหาทางออกให้โลกและสร้างสมดุลใหม่ให้กับตัวเองและสังคม ซึ่งเพิ่งจบไปในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
เมื่อพูดถึงการพัฒนาโลกไปสู่ความยั่งยืน สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องตระหนัก คือเราไม่สามารถขับเคลื่อนเส้นทางนี้ไปสู่จุดหมายได้เพียงลำพัง ทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเปรียบเสมือนหยดน้ำ ที่แม้จะเป็นเพียงหยดเล็กๆ แต่เมื่อมันไหลมารวมกันก็ไม่ต่างจากมหาสมุทรที่ทั้งกว้างใหญ่และทรงพลัง
นี่คือแนวคิดที่ทำให้เกิดมหกรรมด้านความยั่งยืนใหญ่ที่สุดในอาเซียน หรือ Sustainable Expo (SX) เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในประเด็นด้านความยั่งยืนถูกขยับขยายออกไปกว้างไกลยิ่งขึ้น ไม่เพียงคนทำธุรกิจที่เป็นต้นทางผู้ผลิตสินค้าเท่านั้น แต่ผู้บริโภคเองก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การดำเนินงานด้านความยั่งยืนเกิดขึ้นเป็นวงจรที่สมบูรณ์
The Practical ชวนสนทนากับคุณต้องใจ ธนะชานันท์ ผู้อำนวยการคณะจัดงาน Sustainability Expo 2022 ถึงความตั้งใจของทีมงานในการจัดงานระดับอาเซียน และความจริงจังของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่ประกาศจุดยืนเรื่องการพัฒนาสังคมและการดูแลทรัพยากรธรรมชาติควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างหนักแน่นยาวนาน จนได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มในภูมิภาคอาเซียน
ผลลัพธ์ที่ทำคนเดียวไม่ได้
“มหกรรมด้านความยั่งยืนครั้งนี้เราจัดขึ้นเป็นปีที่สาม” คุณต้องใจเริ่มเล่าพร้อมรอยยิ้ม “เราวางแผนกันไว้ตั้งแต่แรกว่าอยากให้งานนี้เป็นเหมือนพื้นที่สร้างความตระหนักด้านความยั่งยืน รวมถึงเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงมือทำจริงในภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์กร บริษัท หรือคนทั่วไป เพื่อให้ทุกคนเข้าใจและรู้ว่าตัวเองจะมีส่วนสร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกดีขึ้นได้อย่างไร”
งาน SX จึงดำเนินการด้วยคอนเซปต์ B2C2B โดย B ตัวแรกหมายถึง Business หรือองค์กรขนาดใหญ่ที่รับรู้ความสำคัญ รวมถึงมีองค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาความยั่งยืนอยู่แล้ว องค์กรเหล่านี้ควรแบ่งปันและสร้างแรงบันดาลใจให้ C ซึ่งก็คือ Consumer หรือผู้บริโภค และ B ตัวที่สอง ซึ่งหมายถึงธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น SME หรือสตาร์ทอัพที่ยังลังเลให้มาร่วมเดินบนเส้นทางสู่ความยั่งยืนไปด้วยกัน
“เพราะเรื่องความยั่งยืนนั้น ครอบคลุมหลากหลายมิติมาก ดังนั้น คนๆ เดียวจึงไม่สามารถพาทั้งโลกบรรลุสู่จุดหมายได้ ทุกคนต้องร่วมมือกัน การขับเคลื่อนต้องเกิดขึ้นด้วยกันไปทั้งระบบ”
และความยั่งยืนก็เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเวลากว่าผลลัพธ์จะผลิดอกออกผล งาน SX จึงไม่เพียงนำเสนอเรื่องราวสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่ในงานหลายส่วนสำหรับเด็กและเยาวชน ซึ่งจะเป็นผู้ขับเคลื่อนความยั่งยืนต่อไปในอนาคต โดยในงานมีทั้งนิทรรศการที่มอบความรู้ ไปจนถึงกิจกรรมมากมายที่คนรุ่นใหม่สามารถเข้ามาลองคิดและลงมือทำจริงได้อย่างสร้างสรรค์
ผู้บุกเบิกด้านความยั่งยืน
หนึ่งในแกนนำหลักของงาน SX คือไทยเบฟ ซึ่งดำเนินธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมมาอย่างยาวนาน อย่างการเก็บขวดแก้วของเครื่องดื่มที่ถูกบริโภคแล้วกลับมารีไซเคิล ไทยเบฟเริ่มทำมาตั้งแต่เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว ก่อนที่คำว่า ‘ความยั่งยืน’ จะกลายเป็นคำที่ใช้กันทั่วไปอย่างทุกวันนี้เสียอีก
“จนถึงทุกวันนี้ เมื่อความยั่งยืนกลายเป็นมาตรฐานที่ทุกภาคส่วนต้องเร่งดำเนินการ เรายิ่งต้องมีนโยบายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม โดยทุกวันนี้ นโยบายด้านความยั่งยืนของไทยเบฟแบ่งออกเป็นสามส่วน ภายใต้ ESG” คุณต้องใจคุณต้องใจอธิบาย
เริ่มจาก E หรือ Environment ซึ่งหมายถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ไทยเบฟตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และนำน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตเครื่องดื่มกลับคืนสู่ธรรมชาติให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2040 รวมถึงตั้งใจผลักดันเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเต็มกำลัง เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติในอนาคต
ต่อมาคือ S หรือ Social ซึ่งเป็นเรื่องของสังคม ไทยเบฟเริ่มต้นจากการดูแลพนักงานในเครือทั้งเรื่องการพัฒนาทักษะ สุขภาพ และคุณภาพชีวิต จากนั้นขยายไปสู่การพัฒนาสินค้าที่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค และต่อยอดไปสู่การพัฒนาชุมชนใน 5 ประเด็น นั่นคือ เรื่องของการศึกษา กีฬา สาธารณะ ศิลปะวัฒนธรรมและการพัฒนาชุมชน
สุดท้ายคือ G หรือ Governance ที่ครอบคลุมเรื่องการบริหารจัดการส่วนต่างๆ ไทยเบฟกำลังวางมาตรฐานให้บริษัทในเครือใน 6 ประเทศ ตลอดจนผู้จัดหาวัตถุดิบในการผลิตทั้งหมด ดำเนินงานอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อมและมีความรับผิดชอบต่อสังคมในระดับเดียวกัน พร้อมๆ ไปกับการขยับขยายเครือข่ายพันธมิตรทางการค้า เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมเรื่องความยั่งยืนให้กว้างไกลขึ้น โดยงาน SX เองก็ถือเป็นการขับเคลื่อนในส่วนนี้
ทุกเป้าหมาย นำไปสู่วิสัยทัศน์เดียว
นอกจากงาน SX ที่เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของไทยเบฟ ยังมีโครงการต่างๆ มากมายได้รับการริเริ่ม และลงมือทำจริงจัง จนประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรม
“โครงการเก็บกลับขวดพลาสติก ที่เราเก็บขวดน้ำที่ถูกบริโภคแล้วกลับมารีไซเคิลเป็นผ้าห่ม เพื่อนำไปบริจาคให้ผู้ขาดแคลน โดยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เราเก็บขวดพลาสติกกลับมารีไซเคิลได้ประมาณ 15 ล้านขวด และผลิตเป็นผ้าห่มผืนเขียวไปกว่า 4 แสนผืน ผ้าห่มเหล่านี้สำคัญมากในช่วงหน้าหนาวต่อผู้คนในพื้นที่ทุรกันดาร
“อีกโครงการที่อยากเล่าให้ฟัง คือโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย ที่เราพัฒนาสินค้าชุมชนร่วมกับนักศึกษามหาวิทยาลัย เพื่อทำให้ของท้องถิ่นอย่างผ้าขาวม้ากลายมาเป็นสินค้าที่ทันสมัย คนทุกวัยอยากซื้อใช้ โดยเราจับมือกับสโมสรฟุตบอลด้วย เพื่อนำสินค้าที่ได้รับการพัฒนาเหล่านั้นมาเป็นของที่ระลึกให้สโมสรฟุตบอลต่างๆ ทั้งหมดนี้ช่วยฟลิกฟื้นภูมิปัญญาท้องถิ่นและเพิ่มรายได้ใช้ชุมชนไปในตัว”
คุณต้องใจเล่าต่อว่า ทุกโครงการมีเป้าหมายของตัวเอง เพราะการพัฒนาความยั่งยืนของไทยเบฟนั้นแบ่งย่อยออกเป็นหลายมิติ อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมเป้าหมายเหล่านั้นเข้าด้วยกันเป็นภาพใหญ่ เราจะเห็นถึงความเชื่อมโยงถึงความพยายามในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค ให้เห็นคุณค่าและหันมาบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และชุมชน
น้ำหยดเล็กรวมกันเป็นมหาสมุทร
กลับมาที่งาน SX ถ้าใครได้ไปเดินเยี่ยมชมงาน จะสังเกตได้ว่า นอกจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีมากมายที่ภาคส่วนต่างๆ นำมาจัดแสดง ทีมของคุณต้องใจออกแบบหลายๆ พื้นที่ในงาน เพื่อแสดงให้เห็นว่าการใช้ชีวิตประจำวันแบบคำนึงถึงความยั่งยืนนั้น ไม่ยากอย่างที่คิด
อย่างโซนอาหารที่มีผลิตภัณฑ์จากพืชซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า มาให้คนได้ลองชิมว่ารสชาติอร่อยไม่แพ้เนื้อสัตว์ ไปจนถึงการมุมสาธิตวิธีจัดการขยะอาหาร เพื่อไม่ให้ไปปนเปื้อนและทำให้ขยะประเภทอื่นๆ เน่าเหม็นจนรีไซเคิลไม่ได้ โดยใช้เศษอาหารของผู้เข้าร่วมงานนั่นเองเป็นตัวสาธิต
“การทำงานเรื่องความยั่งยืนมาหลายปีทำให้เรารู้ว่า ทุกการตัดสินใจในการใช้ชีวิตของทุกคน สามารถเป็นเรื่องที่ดีหรือเลวร้ายต่อโลกได้ การเลือกใช้พลังงานสะอาด ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ตลอดจนกินตามฤดูกาล เลือกภาชนะบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ จัดการขยะต่างๆ อย่างเหมาะสม ไปจนถึงการเลือกใช้สินค้าต่างๆ เดี๋ยวนี้มีผลิตภัณฑ์รีไซเคิลหรือของจากชุมชนมากมายที่สวยงามน่าใช้ ทางเลือกที่ทำให้โลกดีขึ้นมันไม่ได้ยากเลย อยู่ที่เราใส่ใจพอจะทำหรือเปล่า”
คุณต้องใจย้ำกับเราว่า สำหรับตัวเธอเองและทีมงานผู้เบื้องหลังงาน SX การทำงานที่ได้รู้ว่าทุกเป้าหมายนำไปสู่ความยั่งยืนนั้นสร้างแรงบันดาลใจให้ยิ่งอยากต่อขยายเรื่องนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้ทุกหยาดหยดของการเปลี่ยนแปลงไหลรวมกันเป็นมหาสมุทร เพราะไม่ว่าจะเป็นมหกรรมด้านความยั่งยืนขนาดใหญ่ หรือการกระทำเล็กๆ ของทุกคนในแต่ละวัน ทั้งหมดล้วนเชื่อมโยงกันเป็นผลลัพธ์ด้านความยั่งยืน เพื่อเราทุกคนและโลกใบนี้
เราปรับ โลกเปลี่ยน The Next Generation: Sustainability Expo รวมพลังสร้างความยั่งยืน
หรือ จะเลือกรับฟังรายการ ในรูปแบบของ Podcast ได้ที่:
เราปรับ โลกเปลี่ยน The Next Generation เพราะเราทุกคน ”เปลี่ยน” โลกให้ดีขึ้นได้ พบหลาก idea หลาย action ของคนรุ่นใหม่ที่ลุกขึ้นมา “ปรับ” คิดแล้วลงมือทำ เพื่อร่วมกันสร้างโลกให้ยั่งยืน
#WeShiftWorldChange #NextGeneration #เราปรับโลกเปลี่ยน #ทุกคนเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้