
The CEO’s Guide to Retirement – เรื่องคำแนะนำและวิธีการเตรียมตัวก่อนและหลังเกษียณ ถือเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับคนทำงานในยุคนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่ตำแหน่งของคนทำงานในระดับ CEO เท่านั้น แต่รวมไปถึงทุกคนและทุกตำแหน่งในองค์กรด้วย
ในประเทศไทย การเกษียณเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องตัดสินใจเองหรือคิดอะไรกับมันมากนัก แค่เห็นคำว่า เกษียณอายุ เราก็ตีความง่ายๆ เลยว่าคนคนนั้นต้องอายุเกิน 60 ปีแล้วแน่ๆ การเกษียณที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่ควรจะเป็น ซึ่งจริงๆ แล้ว ในอายุ 40 ปี ก็เสามารถเกษียณได้ หรือ อายุ 30 ปี ก็ยังสามารถเกษียณได้เลย ดังนั้นถ้าหากคุณคิดว่าคุณอิ่มตัวแล้ว พอใจแล้วกับการทำงาน และเดินมาจนสุดปลายทางของเป้าหมายของชีวิตที่ต้องการแล้ว หรือ คิดว่าชีวิตที่เหลือทั้งหมดของคุณไม่ว่าจะกี่ปีก็ตาม คุณจะใช้ช่วงเวลาที่เหลือของชีวิตไปกับการพักผ่อน นี่แหละที่เรียกว่าการเกษียณอย่างแท้จริง
“หลังเกษียณ ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป”
Simon เคยเป็น CEO มา 15 ปี และเป็น CFO ตั้งแต่ก่อนอายุ 30 ปี เขาเคยปฏิเสธที่จะร่วมงานกับบริษัทเอกชนและมหาชนมานับไม่ถ้วน บริษัทที่เขาเป็นเจ้าของและทำงานอยู่มีผลกำไรเพิ่มขึ้นสี่เท่าและมีรายได้เติบโตถึงห้าเท่า แต่แล้วเขาก็ขายบริษัทของเขาให้กับคนอื่น และเขากำลังพิจารณาที่จะเกษียณอายุตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาจะเก่งรอบด้านและวางแผนบริหารจัดการขับเคลื่อนบริษัทได้อย่างดีเยี่ยมก็ตาม แต่ในอีกมุมนึงก็ยังมี CEO อีกหลายบริษัท ที่ถึง ณ ตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่มีแผนสำหรับการเกษียณอายุ หรือ บางคนอาจจะไม่เคยคิดเลยซะด้วยซ้ำ
“ผู้บริหารส่วนมาก ส่ิงที่พวกเขามุ่งเน้นก็คือ การบริหารบริษัท”
ในแต่ละปี CEO มากกว่าหนึ่งร้อยคนจะต้องเกษียณอายุจากบริษัทในตลาด S&P ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นจะเป็นเรื่องของกระบวนการสืบทอดตำแหน่งด้วยการหา CEO ที่เก่งที่สุดมาสืบทอด การเตรียมพร้อมเขาหรือเธอที่จะขึ้นมาสู่ตำแหน่งนี้ไม่ใช่แค่บอกก็ทำได้เลย งานของ CEO คนเก่าจึงเป็นการส่งมอบสู่คนใหม่ให้อย่างดีที่สุด จนกระทั่งบางคนรู้สึกแบบนี้ว่า “ฉันจดจ่ออยู่กับงาน CEO มากเกินไป ฉันไม่ได้ใช้เวลาค้นหาว่าจะทำอะไรต่อไปเลย” Scott Derrickson อดีต CEO ของ UPS กล่าว พวกเขากำลังจะบอกเราว่าการเกษียณอายุเป็นเหมือนหลุมดำกลางถนน ขณะที่เขากำลังขับรถมาอย่างรวดเร็ว
“หลังเกษียณอายุการทำงาน CEO จะต้องต่อสู้กับการสูญเสียอำนาจ ศักดิ์ศรี และความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่”
มากกว่า 1 ใน 4 ของอดีต CEO ที่ติดอันดับ Fortune 500 เข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจส่วนตัว กว่าครึ่งรับตำแหน่งผู้นำในองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรและเกือบทั้งหมดเป็นองค์กรการกุศล สองในสามทำหน้าที่ในด้านงานสาธารณะ หลายคนสอนหนังสือและบางคนก็เป็นนักเขียน ตัวอย่างเช่น หนังสือของ Ron Sugar อดีต CEO ของ Northrop Grumman เล่าว่า“ช่วงสองสามวันแรกหลังจากเกษียณ คุณจะรู้สึกเหมือนคุณตกปล่องลิฟต์” แต่อย่างที่ Ron บอกว่ามันแค่สองสามวันแรกเท่านั้น เพราะ CEO เกือบทุกคนต่างเห็นตรงกันว่าพวกเขาพึงพอใจอย่างมากกับชีวิตหลังจากการเป็น CEO ของพวกเขา พวกเขาต่างใช้เวลาพักผ่อนร่วมกับความภาคภูมิใจที่ได้รับจากตำแหน่งก่อนเกษียณ นอกจากนี้ยังโล่งใจที่ได้หลุดออกจากปฏิทินของบริษัทได้อีกด้วย
แต่การที่จะผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งการยุติบทบาทที่ทำมากกว่า 10 ปีไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสองสามวันหรือระยะเวลาสั้นๆของแต่ละคนไม่ได้เท่ากัน จากงานวิจัยได้พบวิธีการที่สามารถแนะนำให้แก่ CEO ที่ยังขาดแผนเกษียณอายุให้สามารถยึดเป็นแนวทางเพื่อรอดจากการตกหลุมดำของการเกษียณไปได้ดังต่อไปนี้
1. วางแผนออกนอกเส้นทางเดิมของคุณ:
Ken Chenault อดีต CEO ของ American Express แนะนำให้ CEO วางแผนการปิดเส้นทางชีวิตเดิมของพวกเขาตั้งแต่ที่ยังอยู่ในบทบาท CEO เอาไว้ แล้วให้ลองนึกถึงสิ่งที่สำคัญสำหรับตัวคุณเองที่ยังไม่ได้ทำ ยังไม่ได้เห็น หรือ ยังไม่ได้สัมผัส ให้วางแผนเกี่ยวกับสิ่งสำคัญเหล่านั้นแทน และอย่าเพิกเฉยกับมันเพียงเพราะบทบาทการทำงานที่คุณกำลังทำอยู่ Ken ยังให้แนะนำอีกว่าขอให้ทุกคนลองเริ่มจากการคิดถึงธุรกิจ งานการกุศล และครอบครัวก่อน ในตอนที่คุณได้คำตอบแล้ว ถึงแม้คุณจะยังไม่รู้ว่าควรทำอะไร แต่คุณก็ควรที่จะรู้ว่าอะไรกันแน่ที่จริงๆ แล้วสำคัญกับคุณมากที่สุด
2.ให้เวลากับตัวเอง:
ความผิดร้ายแรงที่พบได้บ่อยที่สุดของ CEO หรือ ผู้บริหารระดับสูงๆ ในยามที่ต้องเริ่มต้นใช้ชีวิตหลังเกษียณ ก็คือ พวกเขามักเร่งเติมช่องว่างให้เต็มและตอบรับคำเชิญเร็วกับทุกๆ เรื่องมากเกินไป Ron แนะนำให้คุณพูดคำว่า “ไม่” กับทุกสิ่งที่เสนอให้คุณในช่วง 6 เดือนแรก โดยปกติแล้วข้อเสนอแรกที่คุณได้รับ มักไม่ใช่ข้อเสนอที่คุณต้องการอยู่แล้ว ธุรกิจต้องการการต่อรอง เพราะฉะนั้นจะฉลาดมากกว่าหากคุณจะพูดคำว่า “ไม่” บ่อยๆ แล้วพูด “ใช่” ช้าๆ
3. เตรียมรับมือกับตัวเอง:
การเกษียณอายุไม่เหมือนการวางแผนหรือเล่นเกมธุรกิจอย่างที่คุณเคยทำ เพราะฉะนั้นแม้แต่ CEO ที่มั่นใจตนเองก็ยังไม่คุ้นเคยและต้องตั้งคำถามว่าควรทำอย่างไรกับมันดี? หากคุณอยากให้การเกษียณง่ายขึ้น คุณจำเป็นต้องรู้ว่าคุณเป็นใครเมื่อบทบาทของ CEO ได้จบลงแล้ว ลองใช้เวลาไตร่ตรองและพิจารณาในแง่มุมของคุณที่เป็นคนธรรมดา บุคลิกภาพของคุณหรืออารมณ์ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวอย่างลึกซึ้งที่คุณต้องถามตัวเองในบทบาทที่เป็นคุณจริงๆ ไม่ใช่บทบาทที่เคยเป็น หรือ กำลังเป็น CEO อยู่ ด้งนั้นลองถามตัวดูว่า “คุณจะสนุกไปกับอะไรได้บ้าง หลังจากเกษียณแล้ว?”
4. เป็นพันธมิตรกับคู่ของคุณ:
สิ่งสำคัญของการเป็น CEO อย่างหนึ่ง ก็คือ การปรับความคาดหวังระหว่างทางธุรกิจกับครอบครัว แน่นอนว่าสามีหรือภรรยาของคุณต้องอดทนรอคุณกลับบ้านในทุกๆ วัน และด้วยบทบาทที่คุณไม่สามารถปฏิเสธงานได้เลยแม้แต่วันที่ครอบครัวของคุณต้องออกไปเที่ยวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา CEO ทุกคนที่เข้าร่วมงานวิจัยในครั้งนี้เล่าให้ฟังว่าหลังเกษียณ พวกเขาอยากจะวางแผนที่ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น และยุติการรอคอยที่แสนยาวนานเพื่อใช้เวลาร่วมกันได้อย่างไม่จำกัดเสียที
5. สมมติบทบาทของพี่เลี้ยง:
ความสูญเสียอีกอย่างหนึ่งที่ CEO พบว่ายากที่จะเอาชนะได้ ซึ่งไม่ใช่คู่แข่งทางธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของผู้คน Scott เล่าว่าผู้คนที่ได้ใช้เวลาการทำงานร่วมกับเธอ และเธอมีส่วนในการพัฒนาพวกเขาให้ก้าวหน้าหายไปในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เห็นพวกเขาอีกต่อไปแล้ว เพื่อเติมเต็มช่องว่างในส่วนนี้ของเธอและใช้ประสบการณ์ที่เธอมีมาช่วยเหลือคนอื่น เธอจึงหันไปให้คำปรึกษาให้บริษัทสตาร์ทอัพหรือใครก็ตามที่ต้องการสนใจแทน นอกจากนี้ยังมีการให้คำปรึกษากับผู้หญิงด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเติมเต็มช่องว่างเธอได้ และเธอพบว่าตัวเองตอบตกลงช่วยเหลือผู้คนมากกว่าที่เคยเป็นในบทบาท CEO เสียอีก
6. วางแผนการจัดสรรเวลาของคุณ:
คุณอาจจจะต้องลองเขียนว่าในหนึ่งปีคุณต้องการทำงานกี่วัน? และในแต่ละวันต้องการทำงานกี่ชั่วโมง? สำหรับกิจกรรมที่น่าสนใจที่คุณต้องการทำให้ครบทั้งหมด มันจะทำคุณไปสู่ความจุที่มีจำกัด หรือเราเรียกกันง่ายๆ ว่าเวลา บางครั้งกิจกรรมที่คุณต้องการกับเวลาที่คุณมีอาจไม่สอดคล้องกัน เพราะฉะนั้นควรกำหนดว่าคุณต้องการทำงานเท่าไร ใช้เวลากับครอบครัวเท่าไร? และงานอดิเรกของคุณเองอีกเท่าไร? สิ่งนี้จะประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อคุณสามารถลองทำสิ่งที่คุณไม่เคยได้ทำมาก่อนในช่วงเวลาที่คุณอยู่ในบทบาทของ CEO
7. ตอบแทนคืนให้กับสังคม:
นี่คือเวลาที่จะสร้างรากฐานและกระจายความมั่งคั่งของคุณ CEO เกือบทุกคนที่เข้าร่วมการสัมภาษณ์ในงานวิจัยครั้งนี้ อย่างเช่น Ken เป็นประธานคณะกรรมการพิพิธภัณฑ์และเป็นสมาชิกของ Harvard Corporation หรือ Ron ที่ผันตัวเองไปเป็น ผู้ดูแลผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ผู้อำนวยการ Los Angeles Philharmonic Association และสมาชิกคณะกรรมการผู้เยี่ยมชมของ UCLA Anderson School of Management โดย Bill Weldon ได้กล่าวว่า “ด้านการกุศล การเกษียณอายุให้รางวัลทางจิตและการคืนทุนได้ดีกว่าเงินที่เราได้รับจากการทำงานเพื่อผลกำไรของเราเสียอีก”
ด้วยคำแนะนำทั้ง 7 ข้อนี้ CEO หรือ ผู้บริหารระดับสูง สามารถนำไปใช้เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนที่ยากที่สุดในอาชีพการงานของตนได้ นั่นก็คือ การลาออก คุณสามารถช่วยได้โดยการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง เสนอแนวทางการวางแผน และการสนับสนุนในทางปฏิบัติ CEO ที่มีผลงานดีและทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อความสำเร็จของบริษัทควรได้รับบริการที่สำคัญด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดสำหรับการเกษียณตัวเองออกจากงาน คุณต้องกล้าลาออก!
บทสรุป
ในแต่ละปีมี CEO มากมายที่เกษียณตัวเองออกจากงาน เกินครึ่งที่เกษียณออกมาแล้วตกลงสู่หลุมดำของความว่างเปล่า ถนนที่แสนวุ่นวายที่เคยขับผ่านในทุกวันตอนนี้คุณมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ทางต่อไปที่คุณไปได้คือหยุดอยู่ตรงนี้ด้วยความว่างเปล่าหรือเปลี่ยนเส้นทาง คุณอาจจะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาเพื่อเคลื่อนไปข้างหน้าอีกครั้ง แต่ถึงเวลาต้องบอกลาเส้นทางเดินกันแล้ว
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากแต่การเกษียณไม่ต้องรอจนคุณอายุ 60 ปี ไม่ต้องรอจนถึงวันที่คุณยื่นจดหมายลาออก คุณสามารถทำมันได้เลยตั้งแต่วันนี้ไปทีละขั้นตอน คิดเสียว่ามันเป็นอีกเกมหนึ่งที่เข้ามาท้าทายคุณ คุณจะวางแผนชีวิตเกษียณคุณได้ดีขนาดไหน ในเส้นทางใหม่จะท้าทายและทำให้คุณเพลิดเพลินได้เหมือนตอนที่คุณเป็น CEO หรือเปล่า ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับแผนของคุณแล้ว
“โอกาสมีมากมาย ถ้าฉันมีโอกาสเข้าใจโลกของการเกษียณอายุก่อนจะเกษียณอายุ ฉันจะสามารถวางแผนร่วมกันได้ภายในเวลาไม่กี่เดือนแทนที่จะเป็นหลายปี”
Jeff Kindler
Reference:
The CEO’s Guide to Retirement by Marc A. Feigen and Ron Williams