Close Menu
The Practical

    Subscribe to Updates

    Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.

    What's Hot

    ประกันสุขภาพจำเป็นหรือไม่? และส่งผลดีต่อคนทำงานในยุคนี้อย่างไร?

    พฤษภาคม 19, 2025

    ประกันสุขภาพของบริษัทใช้ร่วมกับประกันสังคมแต่ยังต้องจ่ายเพิ่มหรือเปล่า?

    พฤษภาคม 19, 2025

    Flashcards สมัยใหม่ ทำให้คุณใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเป็นทันทีได้อย่างไร?

    กุมภาพันธ์ 7, 2025
    Facebook YouTube Spotify Pinterest
    Facebook YouTube Spotify
    The Practical
    Login
    • Home
    • Work
    • Life
      • Finance and Investment
      • Guarantee
      • Labor Law
      • Real Estate
    • Balance
      • Book Reviews
      • Movie Reviews
      • Product Reviews
    • Sustainability
      • DJSI
      • SDGs
    • People Stories
      • Happy Growth
      • Others
      • Transformative Learning
      • UNMASK STORY
      • Vision Mission
    • InMind
    • Podcast
    The Practical
    • Home
    • Work
    • Life
    • Balance
    • Sustainability
    • People Stories
    • InMind
    • Podcast
    Home»Balance»The Intern – เมื่อคนทำงานยุค Baby boomer ต้องมาทำงานกับบอส Gen Y
    Balance

    The Intern – เมื่อคนทำงานยุค Baby boomer ต้องมาทำงานกับบอส Gen Y

    mypilottest01By mypilottest01มีนาคม 8, 2022ไม่มีความเห็น2 Mins Read
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr WhatsApp VKontakte Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    The Intern – เป็นหนังอีกเรื่องนึงที่น่าสนใจ นำเสนอเรื่องราวของความแตกต่างระหว่างวัยในโลกของการทำงาน แต่ก็สามารถหาจุดลงตัวที่ร่วมงานกันได้

    “นักดนตรีไม่มีวันเกษียณ พวกเขาเลิกทำเพลงตอนที่ไม่มีดนตรีในหัวใจแล้วเท่านั้น” ตอนนี้คุณยังมีดนตรีในหัวใจหรือเปล่า?

    The Intern

    หนังเรื่องนี้ออกฉายในปี 2015 เขียนบทและกำกับโดย Nancy Meyers ร่วมอำนวยการสร้างโดย Susan Farewell หนังหมวดคอมมาดี้ที่แสนอบอุ่นสามารถทำให้คุณขำไปพร้อมน้ำตาได้เลยล่ะ เนื้อเรื่องตอบโจทย์การทำงานของคน Generation X, Y, และ Z ที่ต้องทำงานร่วมกับ Baby boomer ที่สุด เพราะสมัยนี้ปัญหา Generation Gap หรือ ช่องว่างระหว่างวัยเป็นปัญหายอดนิยมในที่ทำงานเลย

    หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณรู้จักกับหัวหน้าวัย 30 ต้นๆที่ต้องทำงานร่วมกับเด็กฝึกงานวัย 70 ปี ใช่แล้ว แอดไม่ได้พิมพ์ของ 2 คนนี้สลับกันหรอก เด็กฝึกงานบริษัทนี้อายุ 70 ปีจริงๆ

    The Intern - เมื่อคนทำงานยุค Baby boomer ต้องมาทำงานกับบอส Gen Y

    เรื่องย่อ

    Ben นำแสดงโดย Robert De Niro คุณปู่อายุ 70 ปี ที่กลายเป็นพ่อม่ายเพราะเขาสูญเสียภรรยาไปหลังจากใช้ชีวิตร่วมกันมากว่า 42 ปี เขาใช้เงินบำนาญในการไปเที่ยวจนเบื่อ มีเวลาให้ใช้ชีวิตเหลือเฟือในช่วงบั้นปลาย มีลูกที่ดี หลานที่น่ารัก ตอนนี้เขาดูเป็นคุณปู่ที่มีความสุขมากเลยใช่ไหม แล้วใครว่าเขาไม่มีล่ะ?

    “ผมมีความสุขนะ แต่ผมแค่รู้สึกว่าชีวิตตัวเองมีรูโหว่และผมต้องการกลบมันซะ”

    เขาเคยคิดว่าการตื่นมาโดยพบว่าตัวเองไม่ต้องไปทำงานอีกต่อไปแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก หากคุณเป็นคนที่ทำงานประจำ แล้วพบว่าตัวเองได้โดดงานสักวันคงเป็นความรู้สึกที่ดีมาก แต่นี่เขาได้โอกาสโดดงานตลอดช่วงชีวิตที่เหลือ แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกลับว่างเปล่า เบนกลับบ้านมาด้วยความรู้สึกไม่มีที่ไป เขายังกระหายอะไรสักอย่างอยู่

    “คำถามไม่เหมาะกับคุณเลยเนอะ”

    ด้วยความพยายามหาอะไรทำเพื่ออุดช่องโหว่ในใจของเบน เขาเจอใบปลิวรับสมัครเด็กฝึกงานสูงอายุของบริษัทขายเสื้อผ้าออนไลน์แห่งหนึ่ง เขาลงทุนถามหลานชายวัย 9 ขวบถึงวิธีอัดคลิปวิดีโอแนะนำตัวแล้วส่งอิเมล์สมัครไป ทันทีที่ถูกเรียกสัมภาษณ์งาน คุณคิดถึงคำถามของบริษัทสมัยนี้ออกใช่ไหม “ทำงานที่ไหนมา?” เบนทำงานที่บริษัทผลิตสมุดโทรศัพท์มาก่อน ผู้สัมภาษณ์ก็ออกจะตกใจนิดหน่อยเพราะตอนนี้เขาใช้ Google ในการหาข้อมูลเหล่านั้นแทน ยังมีคำถามแบบ “คุณจินตนาการตัวเองในอีก 10 ปีข้างหน้าไว้อย่างไร” แน่นอนว่ามันตลกมากเพราะ 10 ปีข้างหน้าหมายถึงเบนตอนอายุ 80 แล้วนะ

    The Intern - เมื่อคนทำงานยุค Baby boomer ต้องมาทำงานกับบอส Gen Y

    “ฉันไม่รู้ว่าทำไมคนดีๆ อย่างคุณมาทำอะไรที่นี่”

    เบนถูกเลือกให้เป็นเด็กฝึกงานส่วนตัวของ Jules Ostin นำแสดงโดย Anne Hathaway ซึ่งจูลส์คือผู้ก่อตั้งบริษัทแห่งนี้ บริษัทของเธอเป็นบริษัทสตาร์ททอัพทั่วไปที่ประสบความสำเร็จจากการขายเสื้อผ้าออนไลน์ เธอเริ่มมันทุกอย่างด้วยตัวเองและเธอยังอายุน้อยอยู่ ถ้าดูจากการที่เธอชอบปั่นจักรยานในที่ทำงานเพราะมันเร็วกว่าการเดิน ไม่ชอบพูดกับคนไม่กระพริบตาเพราะรู้สึกว่าพวกเขาไม่จริงใจ ทำงานเร็วถึงขั้นประชุมเสร็จภายใน 5 นาที และเธอทำงานได้ทุกส่วน แถมยังมีความคิดและไอเดียดีๆตลอด ไม่แปลกเลยที่ทันทีที่เธอเจอเบน เธอจึงคิดว่าเขาและเธอเข้ากันไม่ได้แน่ๆ ในสายตาเธอเบนเป็นเหมือนคนสูงอายุ เชื่องชา ซึ่งเธอได้เขามาจากโครงการรับเด็กฝึกงานสูงวัยที่เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอตกลงทำโครงการนี้ตอนไหน

    “คุณไม่แก่อย่างที่คิดนะ”

    เบนมีการปรับตัวในที่ทำงานที่ดี เขาเริ่มสนิทกับเด็กๆในที่ทำงานในรูปแบบของเพื่อนร่วมงานแม้เขาจะอายุมากกว่าพ่อของพนักงานพวกนั้นก็ตาม เบนเป็นที่รักของคนที่ทำงาน เขาพยายามเสนอตัวช่วยงานคนอื่น พยายามเรียนรู้งานจากเด็กๆเหล่านั้น เรียนรู้การใช้คอมพิวเตอร์ อีเมล์ หรือหน้าเว็บไซต์สั่งเสื้อผ้าของบริษัท เขาให้คำปรึกษาในเรื่องความรัก และพูดคุยเกี่ยวกระเป๋าหนังใบโปรดของเขาที่ตอนนี้เลิกผลิตไปแล้วกับพนักงานที่นั่งข้างๆ น่าแปลกใจดีเหมือนกันที่กระเป๋ายอดนิยมรุ่นเขาตอนนี้ถูกเรียกว่า “วินเทจ” เพียงเพราะมันเก่าและตอนนี้ก็เลิกผลิตไปแล้ว ดูเหมือนตอนนี้เขาจะเข้ากับทุกคนได้ดียกเว้นจูลส์

    The Intern - เมื่อคนทำงานยุค Baby boomer ต้องมาทำงานกับบอส Gen Y

    “คุณพ่อแห่งศตวรรษ์ที่ 21 อย่างแท้จริง พวกเขาไม่ชอบให้เรียกว่า พ่อบ้าน จะดีกว่าถ้าคุณใช้คำว่า พ่อที่อยู่ที่บ้าน”

    ครอบครัวของจูลส์เป็นลักษณะแม่ออกไปทำงาน พ่อทำอาหารเช้า ชงกาแฟ ซักผ้า รวมถึงการรับผิดชอบเรื่องลูกตั้งแต่ไปส่งลูกที่โรงเรียนจนถึงการแต่งตัวเป็นนางเงือกในงานโรงเรียนของลูก สามีของจูลส์เคยเป็นนักวางแผนการตลาดที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อมีลูกเขาจึงยอมลาออกจากงานเพื่อให้จูลส์ได้ทำงานอย่างเต็มที่ในขณะที่เขาเลี้ยงลูกและทำงานบ้าน

    “ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Facebook Generation”

    ความสัมพันธ์เบนกับจูลส์ยังดูไม่คืบหน้าเท่าไร จนกระทั่งคืนหนึ่งที่เบนนั่งรอจูลส์ทำงานอยู่ที่บริษัทเหมือนเคย จูลส์ยกเบียร์และพิซซ่ามานั่งกินกับเขาเห็นเขากำลังพยายามสมัคร Facebook อยู่ เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พูดคุยกันโดยที่ไม่มีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวข้อง และเพื่อนคนแรกใน Facebook ของเบนก็คือจูลส์ การพูดคุยกันในคืนนี้มันเปลี่ยนบางอย่างในความคิดจูลส์

    “ผู้ชายคนนั้นมีประสบการณ์ในธุรกิจมา 40 ปี”

    นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคนที่ตั้งกำแพงเริ่มเปิดใจ จูลส์หันไปบอกเพื่อนร่วมงานที่สนิทของเธอตอนที่เบนเดินเข้ามารายงานเกี่ยวกับงานที่เธอมอบหมายให้เขาทำ จากกล่องอีเมล์ที่ว่างเปล่าเพราะจูลส์เอาแต่คิดว่าเบนคงทำงานอะไรให้เธอไม่ได้ ตอนนี้เบนถูกย้ายโต๊ะให้มานั่งทำงานหน้าห้องทำงานของจูลส์เพราะเธอจะได้พูดคุยกับเขาได้สะดวก และเขากลายเป็นหนึ่งในคนที่จูลส์ไว้ใจที่สุดไปแล้วด้วย

    “ภรรยาที่ประสบความสำเร็จ สามีจะรู้สึกว่าความเป็นชายถูกคุกคาม”

    ในขณะที่ความสัมพันธ์รูปแบบเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจกันของเบนกับจูลส์กำลังไปได้สวย สิ่งที่จูลส์พบต่อจากนั้นคือสามีของเธอกำลังนอกใจเธอ และสิ่งที่กดดันเธอมาตลอดคือเธอคือผู้หญิงที่ออกไปทำงานนอกบ้าน และสามีเลี้ยงลูกอยู่บ้าน ซึ่งเธอรู้ว่าแม่ของเด็กคนอื่นที่โรงเรียนนินทาเธอตลอด ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จอย่างเธอไม่ได้โง่พอจะโทษตัวเอง แต่เธอแค่คิดว่าอย่างน้อยให้เรื่องนี้มันเป็นเพียงความผิดพลาดที่สามีเธอเลือก ไม่ใช่ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างสามีของเธอและผู้หญิงคนนั้น

    “ไม่มีใครทุ่มเทให้บริษัทคุณ ได้เท่าตัวคุณเอง”

    จูลส์กำลังจะจ้างคนเข้ามาเป็นผู้บริหารให้บริษัทของเธอ เพราะเธอคิดว่าการที่เธอมีเวลามากขึ้นให้กับครอบครัวจะทำให้สามีไม่นอกใจเธอ เบนเห็นความทุ่มเททุกอย่างที่จูลส์ทำให้แก่บริษัท เธอพยายามอย่างหนักและบริษัทของเธอก็เติบโตได้อย่างรวดเร็ว บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมาย 5 ปีได้ภายใน 9 เดือน เบนปล่อยให้เธอทิ้งบริษัทเพียงเพราะสามีนอกใจไม่ได้ และจูลส์เองก็รู้ตัวเช่นกันว่าเธอไม่สามารถปล่อยบริษัทของเธอให้ไปอยู่ในมือคนอื่นได้ คนที่รู้จักบริษัทของเธอดีที่สุดคือตัวเธอเอง

    สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้

    สิ่งที่เด่นชัดที่สุดในเรื่องนี้ก็คือเรื่องของ Generation Gap คุณจะสามารถเห็นวัฒนธรรมองค์กรของบริษัทสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จและเจ้าของธุรกิจเป็นคน Gen X หรือ Gen Y ได้จากหนังเรื่องนี้เลย

    “เราทำแบบนี้กันเสมอ ตอนมีเรื่องน่ายินดี”

    เราอาจจะเคยอ่านวัฒนธรรมองค์กรของบริษัทต่างชาติกันมาบ้าง พวกเขาจะมีการประกาศเรื่องน่ายินดีเพื่อให้พนักงานทุกคนหยุดทำงานและร่วมแสดงความยินดีไปด้วยกัน บริษัทของจูลส์ก็เช่นกัน เธอระฆังอยู่กลางออฟฟิศ และจะตีระฆังตอนมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้น เช่น ตอนที่มีพนักงานเดินไปสั่นระฆังเพราะยอดไลค์ในอินสตราแกรมสูงที่สุดเท่าที่เคยได้มา หรือตอนชื่นชมเบนที่เก็บโต๊ะแสนรกที่ใครๆก็เกลียดแต่ไม่มียอมไปเก็บ เป็นต้น

    “ไม่ต้องใส่สูทมาทำงานก็ได้ แต่งตัวสบายๆ ไม่ต้องใส่สูท คุณก็สามารถดูโดดเด่นได้”

    การใส่สูทอาจจะหมายถึงการให้เกียรติสถานที่ทำงานและเพื่อนร่วมงานที่เรามาพบกันวันนี้ มันเป็นชุดสุภาพแต่มันกลับดูมากเกินความจำเป็นสำหรับคนในยุคนี้ บริษัทที่มีแต่เด็กรุ่นใหม่ของจูลส์จึงให้ทุกคนแต่งตัวสบายๆได้ตามที่ทุกคนต้องการ เน้นคล่องแคล้วว่องไวเข้าไว้ แน่นอนว่าวันถัดมาเบนใส่แค่เสื้อเชิ้ตและไม่สวมสูทมาแล้ว แต่ถ้าลองสังเกตดีจะเห็นว่าพนักงานรุ่นน้องที่เป็นเพื่อนกับเบนก็ต้องมาขอคำปรึกษาในเรื่องการแต่งตัวให้เรียบร้อยในโอกาสสำคัญ และมีการใส่เสื้อเชิ้ตและผูกเนคไนด์มาทำงานเหมือนที่เบนทำ

    “กระเป๋าของคุณอายุเท่าไรแล้ว ผมว่าผมตกหลุมรักมันเข้าแล้ว”

    เมื่อช่องว่างระหว่างอายุถูกทำลายลง คุณจะพบการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่น่าสนใจ พนักงานรุ่นน้องที่นั่งข้างๆเบนเคยตกใจที่เบนพกเครื่องคิดเลขและสมุดจด ทั้งที่บริษัทมีแล็ปท็อปให้ในการทำงาน แถมเบนยังเปิด แล็ปท็อปไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาเริ่มขอคำปรึกษาในเรื่องการแต่งตัว สนใจกระเป๋าที่เบนใช้เพราะรู้สึกว่ามัน “วินเทจ” ในตอนจบเรายังพบว่าพนักงานคนนั้นไปหากระเป๋าแบบเบนมาใช้จนได้

    “ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งเขาเรียกเราว่า เว็บไซต์ของผู้หญิง”

    แม้จะก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 แล้ว แต่ธุรกิจแฟชั่นก็ยังถูกมองเป็นธุรกิจของผู้หญิงอยู่ดี ทั้งที่ผู้ชายเองก็ต้องสวมใส่เสื้อผ้า เข้าเลือกซื้อตามเว็บไซต์หรือหน้าร้านต่างๆ พวกเขาไม่ได้แก้ผ้าเดินเสียหน่อย จูลส์ยังพูดอีกว่า “นี่เป็นการเหยียดเพศทางธุรกิจนะ” การแบ่งแยกไม่ควรจะเกิดขึ้นในเมื่อเราเองก็ใช้มันเหมือนๆกัน เดิมทีเสื้อผ้ามันไม่ได้มีเพศด้วยซ้ำ คนต่างหากไปตัดสินเอาเองว่ามันควรจะเป็นเพศอะไร

    “คุณสามารถทำงานที่มี เป็นคนในแบบที่คุณต้องการได้ โดยไม่จำเป็นต้องยอมรับว่ามันสมควรแล้วที่สามีคุณจะมีชู้”

    ในอดีตอันไกลโพ้นที่ส่งผลกระทบมาจนถึงปัจจุบัน ผู้หญิงโดนสั่งสอนให้ทำอาหาร ซักผ้า ปัดกวาดบ้านช่องให้เรียบร้อย และคนออกไปทำงานข้างนอกเป็นผู้ชาย เราถูกปลูกฝังเรื่องแบบนี้กันมาตลอด แต่ในยุคนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว เราควรได้เลือกทำสิ่งที่เราถนัดสิ ถ้าเราทำทำงานเก่งเราก็ออกไปทำงาน ถ้าเราทำงานบ้านเก่ง เลี้ยงลูกเป็น เราก็เป็นคนที่อยู่บ้าน ทั้งหมดมันเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำได้และอยากทำ ไม่ใช่เพศ เพราะไม่ว่าเพศอะไรก็ไม่สมควรได้รับการทรยศในการใช้ชีวิตคู่

    บทสรุป

    หนังเรื่องนี้อบอุ่นและให้ข้อคิดในการทำงานแก่คุณได้เยอะมาก เพราะในปัจจุบันหลายคนก็ต่างพูดกันว่าช่องว่างระหว่างอายุมักจะเป็นปัญหาเสมอ ไม่ใช่แค่ที่ทำงาน แต่มันอาจจะเกิดขึ้นที่บ้านได้ด้วยเช่นกัน

    การที่เรามีความคิดแบบนี้อาจจะเป็นเพราะเราได้ฟังและได้อ่านมาจากที่อื่นโดยที่ยังไม่ได้สัมผัสเอง หรือ อาจจะเป็นเพราะเราที่มีอคติกับเรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้วหรือเปล่า? ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายที่มีอายุมากกว่าหรือน้อยกว่า เราเองก็ต่างเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่กำลังทำงานเพื่อเป้าหมายชีวิตที่เราตั้งใจเอาไว้เช่นกัน ไม่ว่าใครจะมีประสบการณ์ในชีวิตมากกว่าหรือน้อยกว่า ถ้าหากทุกคนต่างก็เปิดใจ พูดคุย แล้วปรับตัวเข้าหากัน เราก็อาจจะได้เรียนรู้จากเพิ่มจากประสบการณ์ของคนอื่นๆ ได้อีกเยอะ

    ยังมีความรู้อีกมากมายที่เป็นประโยชน์กับเราที่อยู่ในรูปแบบของประสบการณ์ที่คนอื่นๆ เขาสะสมมา ซึ่งความรู้แบบนี้ บางเรื่องอาจจะหาเรียนจากตำราไม่ได้ เหมือนตัวอย่างบางช่วงบางตอนในหนังเรื่องนี้ เช่น เราอาจจะได้กระเป๋าวินเทจใบใหม่ของใครสักคนนึง หรือ เราอาจจะรู้วิธีคิดเลขในแล็ปท็อปแทนการใช้เครื่องคิดเลขแบบที่เราคุ้นเคยก็ได้ หรือ เรียนรู้เรื่องราวธุรกิจแบบที่ไม่เคยมีตำราเล่มไหนบอกเรามาก่อน เป็นต้น

    “ชีวิตคือ การทดลอง เพื่อหาหนทางที่จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด”

    Source:

    De Niro and Hathaway should be fired for ‘The Intern’

    The Intern

    The Intern – The gender politics of this Nancy Meyers comedy aren’t nearly as bad as the trailers suggest.

    Movie Review
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr WhatsApp Email
    Previous ArticleOffice Syndrome อาการเรื้อรังของคนทำงาน ที่ต้องรีบรักษา ก่อนจะสายเกินแก้
    Next Article The Best Job Candidates Are the Best Storytellers – ผู้สมัครงานที่ดีที่สุด ต้องเป็นนักเล่าเรื่องที่ดีที่สุด
    mypilottest01

      Related Posts

      ปลดล็อกศักยภาพ กับ 60 บทเรียนชีวิตจาก Adam Grant

      มกราคม 6, 2025

      การจัดการเวลาแนวใหม่ : กลยุทธ์จาก Deep Work โดย Cal Newport

      กันยายน 4, 2024

      การปฏิวัติความสำเร็จ ในที่ทำงาน: กลยุทธ์จาก Atomic Habits โดย James Clear

      กันยายน 3, 2024

      The SPEED of Trust: ความไว้วางใจ สิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้

      มิถุนายน 17, 2024

      Comments are closed.

      Our Picks

      ตั้งเป้าหมายการเงินให้สำเร็จ – วิธีการและเคล็ดลับจากประสบการณ์จริง

      มิถุนายน 22, 2024

      ลาเพื่อพาพ่อแม่ไปหาหมอ หรือ ลาเพื่อไปดูใจพ่อแม่เป็นครั้งสุดท้าย ใช้ลากิจได้

      สิงหาคม 18, 2023

      แผนการเกษียณ ของคน Gen Z ควรเป็นอย่างไร? และต้องเริ่มต้นอย่างไร?

      มิถุนายน 6, 2023

      7 เหตุผลที่ทำให้คนฉลาดหรือคนที่ทำงานหนักไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ

      พฤษภาคม 30, 2023
      • Facebook
      • Pinterest
      • Instagram
      • YouTube
      Don't Miss

      ประกันสุขภาพจำเป็นหรือไม่? และส่งผลดีต่อคนทำงานในยุคนี้อย่างไร?

      By willskillพฤษภาคม 19, 20250

      ประกันสุขภาพ หร…

      ประกันสุขภาพของบริษัทใช้ร่วมกับประกันสังคมแต่ยังต้องจ่ายเพิ่มหรือเปล่า?

      พฤษภาคม 19, 2025

      Flashcards สมัยใหม่ ทำให้คุณใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเป็นทันทีได้อย่างไร?

      กุมภาพันธ์ 7, 2025

      จำไม่ให้ลืม | ทำไมคนที่พูดได้หลายภาษาจำคำศัพท์แล้วไม่ลืม?

      กุมภาพันธ์ 3, 2025

      Subscribe to Updates

      Get the latest creative news from SmartMag about art & design.

      About Us
      About Us

      Your source for the lifestyle news. This demo is crafted specifically to exhibit the use of the theme as a lifestyle site. Visit our main page for more demos.

      We're accepting new partnerships right now.

      Email Us: admin_thepractical@thepractical.co

      Our Picks

      ตั้งเป้าหมายการเงินให้สำเร็จ – วิธีการและเคล็ดลับจากประสบการณ์จริง

      มิถุนายน 22, 2024

      ลาเพื่อพาพ่อแม่ไปหาหมอ หรือ ลาเพื่อไปดูใจพ่อแม่เป็นครั้งสุดท้าย ใช้ลากิจได้

      สิงหาคม 18, 2023

      แผนการเกษียณ ของคน Gen Z ควรเป็นอย่างไร? และต้องเริ่มต้นอย่างไร?

      มิถุนายน 6, 2023
      New Comments
        Facebook YouTube Spotify Pinterest
        • Home
        • Work
        • Life
        • Balance
        • Sustainability
        • People Stories
        • InMind
        • Podcast
        © 2025 Willskill. Designed by Exaalgia.

        Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

        Sign In or Register

        Welcome Back!

        Login to your account below.

        Lost password?