
THE PSYCHOLOGY OF MONEY – จิตวิทยาว่าด้วยเรื่องของเงิน เป็นหนังสือที่จะพาเราไปทำความเข้าใจในเรื่องของเงิน ว่าคนเราคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องเงิน ใช้เงินกันอย่างไร ใช้เงินกันแบบไหน และ หนังสือเล่มนี้ยังได้เปิดเผยเบื้องหลังความสำเร็จของคนส่วนมากอีกด้วยว่า คนที่เขาประสบความสำเร็จเขามีมุมมองกับเรื่องนี้และใช้เงินลงทุนกันอย่างไร?

เงินอยู่กับเราตั้งแต่ลืมตาดูโลก เราใช้เงินตั้งแต่ค่าทำคลอดในวันแรกที่เราลืมตาดูโลก ไปจนถึงค่าโลงศพสำหรับวันสุดท้ายก่อนที่ร่างกายของเราจะแหลกสลายไป ความหนาของปึกเงินในมือกลายเป็นปริมาณอำนาจที่แต่ละคนถืออยู่ ยิ่งเงินในมือหนามากเท่าไร? อำนาจก็ล้นมือเท่านั้น แต่สมการของเงินมันไม่ได้จบอยู่ที่ตรงนั้น เพราะเงินไม่ได้ให้แค่อำนาจเท่านั้น มันให้ความอัปยศแก่คนที่รับน้ำหนักเงินไม่ไหวได้ด้วยเช่นกัน
หนังสือจิตวิทยาว่าด้วยเรื่องของเงิน เล่มนี้กลายเป็นหนึ่งในหนังสือการเงินที่ดีที่สุดในรอบหลายปี เขียนโดย Morgan Housel ซึ่งเกี่ยวกับจิตวิทยาว่าด้วยเงิน ใครจะคิดว่าแค่กระดาษที่ลมพัดก็ปลิวและเหรียญที่เรามักทำหล่นใส่ท่อระบายน้ำตอนเปิดกระเป๋าตังค์ จะกลายเป็นสิ่งของทรงพลังที่สามารถตัดสินชีวิตของใครหลายคนได้ เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นเรื่องเงิน รู้อะไรไม่สำคัญเท่ารู้ว่าควรทำอย่างไร?
“ไม่มีใครเป็นคนบ้าจริงๆ”
คุณคงเคยได้อ่านหนังสือ ได้ดูหนัง หรือฟังข่าวเรื่องราวของใครสักคนที่ตัดสินใจในเรื่องการเงินได้ไม่ดีนัก จนคุณได้แต่สงสัยว่าคนเหล่านั้นพวกเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ หรือเศรษฐีสักคนที่สูญเสียความร่ำรวยไปทั้งหมดในเวลาอันสั้นเพียงเพราะว่าพวกเขาบริหารเงินที่เขามีไม่เป็น เรื่องเหล่านี้ดูเป็นเรื่องที่บ้ามากเลยใช่ไหม? แต่ความจริงแล้วไม่มีใครบ้าหรอก เพราะพวกเขาและเราก็ต่างมีการตัดสินใจในเรื่องเงินกันอย่างผิดๆ ได้ตลอดเวลา
“การจัดการเงินให้ได้ดีนั้น อาจจะเกี่ยวข้องกับความฉลาดของคุณเพียงเล็กน้อย แต่มันเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของคุณเป็นอย่างมาก โชคร้ายที่เรื่องของพฤติกรรมเป็นสิ่งที่ยากจะสอนแม้แต่กับคนฉลาดเองก็ตาม”
เรามักถูกสอนกันมาเสมอว่าผลลัพธ์ที่ดีมาจากการกระทำที่ดี และหากคุณพลาดหรือล้มเหลวนั่นแปลว่าคุณต้องทำอะไรผิดสักอย่าง แต่ความจริงอาจจะไม่ได้เป็นนั้นเสมอไป ในเรื่องของการเงินต่อให้คิดคำนวณมากอย่างดีแล้วก็ยังสามารถล้มเหลวในการลงทุนได้ และต่อให้ลงทุนอย่างคนไม่ฉลาดก็สามารถทำกำไรได้มากมายเช่นกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเราเริ่มให้ความสนใจกับเรื่องของ “โชค” ซึ่งเราอาจจะไม่สามารถบอกได้ว่าโชคเข้าข้างใคร มากแค่ไหน หรือ ใครมากกว่ากัน เพราะมันคือปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องของ “โชค” มันมีบทบาทจริงๆ
“หยุดวิ่งตามเงิน”
เรื่องของการเงิน หากเปรียบเสมือนเหรียญ ก็เป็นเหรียญที่มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี คนเราสามารถใช้เงินซื้อความสุข ซื้อความสบาย และสิ่งที่เราต้องการได้ แต่ในอีกด้านหนึ่งมันกลับสร้างความอิจฉาริษยาขึ้นอย่างเงียบๆ ความอิจฉาเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนให้คุณกลายเป็นนักล่าเงินโดยไม่รู้ตัว คุณอาจคิดว่าคุณกำลังทำงานเพื่อตัวเองและอนาคตของครอบครัว แต่เหตุผลที่แท้จริงอาจเป็นเพราะว่าคุณต้องการดูร่ำรวยกว่าเพื่อนบ้านของคุณหรือคนที่คุณกำลังเปรียบเทียบกับเขาก็แค่นั้นเอง และสิ่งที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ ก็คือคนยอมสละเวลาและความสัมพันธ์ที่มีค่าแล้วหันหน้ามาทำแต่งานเพื่อแลกกับเงินที่มากขึ้น
“ความสุขของคุณไม่สามารถเทียบได้กับเงิน อย่าไล่ตามเงินด้วยค่าใช้จ่ายของมัน”
วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงกับดักนี้ก็คือ ต้องเข้าใจว่าเงินมากขึ้นไม่ได้เท่ากับความสุขที่มากขึ้น ลองเปิดใจมองหาสิ่งสำคัญในชีวิตที่อยู่นอกเหนือจากงานและเงิน ให้ความสนใจกับสิ่งรอบตัว เริ่มจากเรื่องง่ายๆ อย่างการมีเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น ให้เวลากับการพักผ่อนให้มากขึ้น ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง หรือลองหางานอดิเรกทำ และลองกล้าที่จะปฏิเสธข้อตกลงทางธุรกิจที่มีความเสี่ยง ซึ่งอันที่จริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องรับทุกงานที่ถูกหยิบยื่นเสนอเข้ามา การสร้างความสมดุลของชีวิตเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้กำลังใช้ชีวิตทั้งหมดไปเพื่อการไล่ล่าเงินนั่นเอง
“กระตือรือร้นในการเล่นเกมระยะยาว”
การเงินถือเป็นเกมระยะยาว นักลงทุนที่สนใจแค่กำไรระยะสั้นไม่ใช่ผู้เล่นที่ฉลาดนัก ทักษะในการลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะสั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นนัก เพราะทักษะที่ต้องการจริงๆ ก็คือการทำนายตลาดให้สมบูรณ์แบบที่สุด สิ่งต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าคุณจะคิดว่าตัวเองคุ้นเคยกับตลาดหุ้นแค่ไหนก็ตาม ความกะทันหันในการเปลี่ยนแปลงของมันจะสร้างความประหลาดใจให้คุณอย่างที่คุณไม่สามารถคาดเดาได้เลย (ประเด็นนี้ทำให้แอดมินนึกถึงเรื่องของการมาของโควิด เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้เลย มาแบบกระทันหัน ส่งผลกระทบกับนักลงทุนและธุรกิจต่างๆ มากมายจริงๆ)
“ทักษะการลงทุนของคุณจะทำให้คุณมีเงิน แต่สิ่งที่คุณต้องการมากกว่าคือ ทักษะในการรักษาความร่ำรวย”
นักลงทุนนับไม่ถ้วนที่เคยร่ำรวยต้องจบชีวิตของตัวเองเพราะคำว่า “เคยร่ำรวย” พวกเขาสร้างผลกำไรมหาศาลจนกระทั่งมาอยู่ในจุดที่ความโลภเข้าครอบงำโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว พวกเขาหลงคิดไปว่าตัวเองคุ้นเคยกับตลาดเป็นอย่างดี จนกระทั่งตลาดที่พวกเขาคิดว่ารู้จักดีปล้นเงินของพวกเขาไปจนหมด และมันปล้นชีวิตของพวกเขาเข้าไปด้วยเช่นกัน เรื่องของการเงินเป็นเกมที่มีความเสี่ยง แต่ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง เพราะฉะนั้นผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจสิ่งเหล่านี้จะเล่นเกมนี้ด้วยมุมมองระยะยาวมากกว่าที่จะทำกำไรอย่างรวดเร็วโดยขาดความรอบคอบ
“ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าความสุขของคุณ!”
หลายคนเชื่อว่าเมื่อมีเงินมากขึ้น จะทำให้มีความสุขมากขึ้น แต่จากการสัมภาษณ์คนอเมริกันและงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากมายกลับพบว่า สิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุข คือการมีความสัมพันธ์ที่มีความหมาย ใช้เวลากับครอบครัวอย่างมีคุณภาพ และมีส่วนร่วมกับสังคม ดังนั้นอย่าปล่อยให้ตัวเองยึดความสุขเอาไว้กับสิ่งของต่างๆ หรือเอาชีวิตของคุณไปเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านที่อาจจะดูร่ำรวยกว่าบ้านคุณ เมื่อคุณมองคนในครอบครัวและสร้างความสัมพันธ์ที่ดี คุณจะพบว่าตัวเองมีความสุขมากกว่าการมีฐานะร่ำรวยกว่าคนข้างบ้านเสียอีก
“อย่าร่ำรวย จงมั่งคั่ง”
มีความแตกต่างระหว่างความร่ำรวยและความมั่งคั่ง คนที่อาศัยอยู่ในบ้านมูลค่าร้อยล้านเป็นคนรวย แม้ว่าพวกเขาจะยืมเงินเพื่อซื้อบ้านมา แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องมีรายได้สูงจึงจะสามารถชำระหนี้ได้ แต่ความมั่งคั่งคือ การที่คุณมีร้อยล้านเป็นเงินสดหรือสินทรัพย์ที่คุณยังไม่ได้ใช้ เมื่อมีคนพูดว่าพวกเขาต้องการเป็นเศรษฐี พวกเขามักจะหมายความว่าพวกเขาต้องการที่จะใช้ชีวิตที่หรูหรา สามารถใช้จ่ายเงินทองแบบเศรษฐีได้ แต่เศรษฐีที่มีความมั่งคั่งพวกเขาไม่ได้ใช้เงินวันละหลายๆ ล้าน พวกเขาต่างเก็บออมและลงทุนต่อยอดเพื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินมากมาย แต่นั่นเป็นสิ่งที่คนส่วนมากมักมองไม่เห็น แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่มองเห็นคือการแสดงของความรวยซึ่งใครก็สามารถดูรวยได้ และหลายคนที่ดูรวยก็อาจจะยากจนจริงๆ ก็ได้เช่นกัน
บทสรุป
ความไม่แน่นอน คือธรรมชาติของชีวิต เราทำดีที่สุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่เราคาดการณ์เอาไว้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เราต้องการเสมอไป หากคุณคาดการณ์ทิศทางความเป็นไปของตลาดและมันเป็นไปตามที่คุณต้องการ นี่ถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก แต่หากมันไม่ได้เป็นไปตามที่คุณหวัง อย่าเพิ่งท้อ สิ่งสำคัญคือต้องลุกขึ้นให้เร็วที่สุดแล้วเปลี่ยนแผนเพื่อรับมือสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้
แม้บางครั้งเราเองก็ต่างมีช่วงเวลาที่ตัดสินใจในเรื่องการเงินกันอย่างบ้าคลั่ง แต่อย่าลืมว่าไม่มีใครบ้าจริงๆ สิ่งนี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ พวกเขาถูกจำกัดความสามารถ ทักษะ และการตัดสินใจในเรื่องการใช้เงินด้วยความรู้ ประสบการณ์ และตลาดที่เรามี พยายามขอคำแนะนำจากคนรอบข้างที่ จากคนที่หลากหลายเพื่อเปิดมุมมองขีดจำกัดของตัวเอง ให้พวกเขาคอยเตือนสติก่อนที่การตัดสินใจอย่างบ้าคลั่งในเรื่องการเงินของคุณจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือปกป้องความสุขของคุณเอาไว้ ดึงสติตัวเองเอาไว้เสมอ อย่าเผลอเป็นคนที่ใช้ชีวิตเพื่อไล่ตามเงิน หมั่นให้เวลากับสิ่งที่สำคัญและคนสำคัญในชีวิตของคุณอยู่เสมอ เพราะสุดท้ายแล้วจะใช้เงินไปทำอะไรถ้าไม่สนุกกับมัน?
“เงิน คือพรอันประเสริฐและคำสาปแช่งอันขมขื่นต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเรา”
บทความแนะนำ:
Finance Basic – พื้นฐานเรื่องการเงินที่สำคัญผู้จัดการควรรู้