UV Care254 Airflow เครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศ คือ คำตอบที่ดีที่สุด สำหรับคุณภาพอากาศที่ดีในบ้าน และ ในที่ทำงานของเรา
เพราะ โควิดติดผ่านอากาศได้ อากาศที่เราใช้ร่วมกันมีความเสี่ยง เราจะป้องกันอย่างไรดี?
เพราะโควิด-19 เป็นเชื้อไวรัสโควิดที่สามารถติดได้ทางอากาศ (Airborne) การมาของโควิดสายพันธุ์ โอไมครอน (Omicron) ที่สามารถแพร่กระจายและติดต่อในคนได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดลตา ส่งผลทำให้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
“อากาศที่เราใช้ร่วมกันมีความเสี่ยง”
ถึงแม้ว่าเราทุกคนจะพยายามเต็มที่ ที่จะป้องกันตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น มาตรการ Social Distancing การใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ด้วยแอลกอฮอล์เจล สเปรย์ สบู่ หรือ ด้วยวิธีการอื่นๆ
รวมถึงหน้ากากอนามัยที่เราใส่ทุกวัน ก็ยังพบว่ามีความเสี่ยง เช่น หากมีผู้ติดเชื้อ หรือผู้ป่วยโควิด มีอาการไอ หรือจาม สารคัดหลั่งต่าง ๆ ก็สามารถฟุ้งกระจายในอากาศได้ในทันที และอาจทะลุผ่านหน้ากากที่เราใช้อยู่ได้
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า อากาศรอบๆ ตัวเรา โดยเฉพาะในบ้านหรือในที่ทำงาน สะอาด และ ปลอดภัยสำหรับเราจริงๆ
“เพราะเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ในอากาศตลอดเวลา เราจะรับมืออย่างไร?”
หากมีเชื้อโรคในอากาศ เราก็ต้องหาวิธีมาจัดการด้วยการฆ่าเชื้อโรคเหล่านั้น แอดมินก็เลยไปหาข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตอนนี้เขามีวิธีการใดบ้างที่จะฆ่าเชื้อโรคในอากาศได้ และก็พบว่า ทั่วๆ ไป มีวิธีจัดการอยู่ 3 ประเภท ดังนี้
แบบแรก คือ การใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์เป็น กรด หรือ ด่าง และแอลกอฮอล์ : โดยการฉีดพ่นในบริเวณที่พักอาศัย หรือ ที่ทำงาน แต่ปัญหาที่ตามมาคือ มีกลิ่นฉุน ส่งผลต่อเฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องใช้ต่างๆ และต้องระมัดระวังไม่ให้คนหรือสัตว์อยู่ในบริเวณที่กำลังฉีดพ่น
แบบที่สอง คือ การใช้โอโซน หรือ การใช้อะตอมของออกซิเจนที่ไม่เสถียร (OH) : โอโซนจัดเป็นตัวออกซิไดส์ (Oxidizing agent) โดยมีฤทธิ์สูงกว่าก๊าซคลอรีนถึง 51% และมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ได้เร็วกว่า 3.125 เท่าตัว สามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้ แต่ปัญหาที่ตามมาคือ มีสารตกค้างอันตรายต่อร่างกาย และในระหว่างใช้โอโซน คนและสัตว์จะอยู่ในพื้นที่นั้นไม่ได้
แบบที่สาม คือ การใช้รังสี UVC แบบเปิด : โดยการใช้แสง UVC ที่มีความเข้มข้นสูงเพื่อฆ่าเชื้อโรคในอากาศ แต่ปัญหาที่พบก็คือหากสัมผัสถูกแสง อาจก่อให้เกิดมะเร็ง รวมทั้งเป็นอันตรายต่อผิวหนังและดวงตา จะใช้งาน ก็ต้องห้ามคนและสัตว์อยู่ในพื้นที่นั้นๆ
ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องกรองอากาศ โดยมีแผ่นกรองแบบ Hepa/Ulpa ก็ไม่ได้เป็นการฆ่าเชื้อโรคในอากาศแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการกักเก็บเชื้อโรคในอากาศเอาไว้ที่แผ่นกรอง และต้องคอยเปลี่ยนแผ่นกรองอยู่บ่อยๆ ซึ่งอาจทำให้เชื้อโรคต่างๆ ฟุ้งกระจายขึ้นมาได้อีก
หรือการใช้เทคโนโลยีประจุไอออน ซึ่งก็ไม่ได้ฆ่าเชื้อโรคโดยตรง แต่เป็นการปล่อยประจุไฟฟ้าออกไปจับอนุภาคและเชื้อโรคในอากาศ ทำให้อนุภาคและเชื้อโรคตกลงที่พื้น ซึ่งก็ต้องอาศัยการทำความสะอาดพื้นด้วยสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็น กรด หรือ ด่าง และแอลกอฮอล์เพื่อทำการฆ่าเชื้อโรคอยู่ดี
“เครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศ UV Care254 Airflow คือ คำตอบสำหรับคุณภาพอากาศที่ดีในบ้าน”
หากจะเลือกวิธีการที่ดีที่สุดในการฆ่าเชื้อโรค สำหรับบ้านของเราก็คงต้องเลือก UV Care254 Airflow
นวัตกรรมที่คิดค้นและพัฒนาโดยคนไทย ด้วยรังสี UVC ระบบปิด ที่สามารถฆ่าเชื้อโรคในอากาศได้แบบ Realtime ด้วยอัตราการฆ่าเชื้อมากกว่า 90% ในพื้นที่ใช้งานจริง ทั้งยังปลอดภัยต่อคนและสัตว์ ขณะที่เปิดใช้งาน
สำหรับเครื่องนี้ เขาออกแบบมาเพื่อ ฆ่าเชื้อโรคในอากาศโดยเฉพาะ โดยใช้รังสี UVC ความยาวคลื่น 254 nm. และ UV Dose สูงกว่ามาตรฐานถึง 30 เท่า ที่สามารถทำลาย DNA และ RNA ของเชื้อโรค ได้อย่างรวดเร็ว ใน 1.6 วินาที ภายในอุโมงค์อาบรังสี ซึ่งเป็นสิทธิบัตรเฉพาะจาก Sol-N Tech
เป็นเครื่องที่สามารถ ฆ่าเชื้อโรคในอากาศได้แทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นไวรัส (รวมโควิดด้วย) ยีสต์ รา และ แบคทีเรีย ตัวเครื่องทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง คน หรือ สัตว์อยู่ในพื้นที่ ก็ไม่มีปัญหา ปลอดภัยหายห่วง เพราะตัวเครื่องเขาออกแบบมาอย่างดี ป้องกันการเล็ดลอดของรังสี ไม่ปล่อยโอโซน และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs – Volatile organic Compounds)
“มั่นใจ เชื่อถือได้ เพราะมีมาตรฐานสูงและผ่านการทดสอบในระดับสากล”
ตัวเครื่อง UV Care254 Airflow มั่นใจได้เลยว่าดีจริง เชื่อถือได้จริง เพราะ ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อและความปลอดภัยในการใช้งาน จากสถาบันที่น่าเชื่อถือในระดับสากล ทั้งในห้องปฎิบัติการและพื้นที่ใช้งานจริง อาทิเช่น Intertek, ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC), กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยสำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) และ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เป็นต้น
ตอนนี้ก็มีหน่วยงานทั้งภาครัฐ และบริษัทเอกชนรายใหญ่มากมายที่ได้นำเครื่องนี้ ไปใช้งาน และแอดมินเองก็เห็นอุปกรณ์ตัวนี้ ติดตั้งอยู่ที่โรงพยาบาลหลายแห่ง ก็ทำให้สบายใจ และมั่นใจที่จะเลือกใช้มากยิ่งขึ้น
“ใช้งานก็ง่าย คุ้มค่าในราคาที่จับต้องได้ เมื่อแลกกับคุณภาพอากาศที่ปลอดภัยในบ้านของเรา”
เขาออกแบบมาให้ใช้ง่าย เสียบปลั๊ก กดปุ่มเปิด ก็ทำงานแล้ว
ตัวเครื่องเขามีการรับประกันตัวเครื่องและหลอด UVC 1 ปี ซึ่งหากเราเปิดใช้ตลอดเวลาหลอด UVC ก็จะใช้งานได้อยู่ราวๆ 1 – 1.5 ปี ส่วนตัวเครื่องอุปกรณ์ภายใน เช่นพวก Mainboard ก็มีอายุประมาณ 5 ปี
ตอนนี้ เขามีหลายรุ่นให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นแบบ ติดผนัง หรือ แบบตั้งพื้น โดยดูจากขนาดพื้นที่ และ รูปแบบของการใช้งาน
ตัวอย่าง บ้านของแอดมิน เลือกซื้อเครื่องนี้เช่นกัน เป็นแบบตั้งพื้น ที่เขาออกแบบมาสำหรับพื้นที่ไม่เกิน 60 ตารางเมตร เอามาใช้ในห้องรับแขกและรวมไปถึงส่วนที่เป็นพื้นที่ทำงานด้วย แอดมินเปิดใช้ตลอดเวลา เสียค่าไฟฟ้าประมาณ 130 บาทต่อเดือน แต่หากเปิดเฉพาะช่วงเวลาที่ใช้ ก็ยิ่งประหยัดมากเข้าไปอีก ถือว่าคุ้มค่าอย่างมากเลย เมื่อต้องการอากาศที่ปลอดภัย สำหรับทั้งตัวเราเองและสมาชิกในครอบครัว
เราสามารถเลือกนำไปใช้ในที่ทำงานก็ได้ อย่างเช่น ร้านกาแฟของน้องสาวแอดมิน ก็มีเจ้าเครื่อง UV Care254 Airflow ไปติดตั้งเช่นกัน ทำให้มั่นใจทั้งผู้ให้บริการ และผู้รับบริการ มากยิ่งขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการ และ มาตรฐานที่ร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือออฟฟิศ ควรต้องมีในยุคนี้
สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : www.goodtechthai.com
โควิดติดผ่านอากาศได้ ทำให้อากาศที่เราใช้ร่วมกันมีความเสี่ยง แล้วเราจะป้องกันและรับมืออย่างไรดี?