Well-Being หรือ การมีสุขภาวะที่ดี กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสำคัญเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในตอนนี้ เพราะ แรงกระตุ้นจากสถานการณ์ COVID-19 นำมาสู่ความตระหนักและพฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงแนวโน้มการพัฒนานวัตกรรมโดยมีประเด็นความยั่งยืนด้าน “สุขภาพ” เป็นตัวตั้ง ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของโรค ที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลง
เราได้เปิดจอคุยออนไลน์กับตัวแทนจากภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคประชาสังคม ที่กำลังขับเคลื่อนเรื่องนี้ในต่างบริบทแต่มีเป้าหมายเดียวกัน ผ่านมุมมองของ 3 ท่านจาก 3 วงการ ภายใต้เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในเรื่องของ Goal 3: Good health and well-being
- คุณอนุชิต วะสีนนท์ กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจดิจิทัลเฮลท์ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด
- ดร.อังคณา เลขะกุล สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) กระทรวงสาธารณสุข
- คุณธนากร พรหมยศ ผู้ร่วมก่อตั้ง และซีอีโอ Young Happy กิจการสังคมเพื่อผู้สูงวัย
ทั้ง 3 ท่าน จะมาแบ่งปันประสบการณ์และสะท้อนมุมมองในเรื่องนี้ให้เราได้เข้าใจกันมากขึ้น
COVID ตอกย้ำเรื่องสุขภาพ เชื่อมโยงถึงสังคมและเศรษฐกิจ
ดร. อังคณา เปิดประเด็นว่าเมื่อพูดถึงเรื่องสุขภาพดี คนทั่วไปจะนึกถึงเฉพาะเวลาเจ็บป่วยและรักษาโรค แต่ในมิติของคำว่า ‘สุขภาพ’ มีความหมายมากกว่านั้น คือ สุขะ แปลว่าดี ‘สุขภาพ’ คือ ภาวะที่ดี และภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ใช้คำว่า ‘Health’ แต่ใช้คำว่า Well-Being ซึ่งไปไกลกว่าเรื่องของการรักษาโรค
โดยอธิบายได้เป็น 4 มิติที่ครบรอบด้าน มิติแรก คือ แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย สอง คือ ใจที่ไม่เครียด ไม่มีภาวะซึมเศร้า สาม คือภาวะที่ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง มีสวัสดิการรัฐที่ดี และ มิติสุดท้าย คือ ด้านจิตวิญญาณที่ให้คนรู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักหน้าที่ของตัวเอง
และชี้ว่าสถานการณ์ COVID ทำให้ตระหนักถึงความเชื่อมโยงของทุกมิติ ทำให้คำว่า “สุขภาวะ” เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับทุกอย่าง เพราะเห็นได้ชัดว่า COVID ส่งผลกับเรื่องสังคมและเศรษฐกิจ เช่น คนตกงาน คนยากจน รายได้ลดลง ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศด้วย หรือ มาตรการล็อกดาวน์ เด็กไปโรงเรียนไม่ได้ ก็ส่งผลกระทบกับเรื่องการศึกษา
ในอีกมุมหนึ่ง ปัญหาเรื่องความยากจน หรือแรงงานข้ามชาติ หรือคลัสเตอร์สถานบันเทิง ก็มาซ้ำเติมปัญหาสุขภาพด้วย เพราะ ถ้าไม่สามารถควบคุมปัญหาเหล่านี้ นั่นคือคลัสเตอร์การระบาดของโรค รวมถึงปัญหาคนยากจนที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาล เช่น คลัสเตอร์ชุมชนคลองเตย แคมป์คนงานก่อสร้าง หรือในเรือนจก
ดูแลสุขภาพแบบ New Normal เทคโนโลยีนำ นวัตกรรมเกิด
คุณอนุชิต ในฐานะภาคเอกชนชั้นนำด้านเทคโนโลยี เสริมในประเด็นนี้ว่า ในสถานการ์ณ COVID เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีมีบทบาทอย่างมาก เช่น จากที่เคยไปโรงพยาบาลได้ ก็ไม่สามารถไปได้ หรือ ประชาชนเองก็อาจจะไม่อยากไปโรงพยาบาล
ดังนั้น การนำเทคโนโลยี เช่น Telemedicine เข้ามามีบทบาทในการดูแลผู้ป่วย หรือ มีข่าวว่าคนที่เป็นโรคอ้วน โรคความดันจะมีโอกาสที่จะเสียชีวิตสูง ความรับรู้นี้สร้างความตื่นตัวในการดูแลสุขภาพให้มีมากขึ้น จะเห็นว่า คนเริ่มออกกำลังกาย เริ่มใช้นาฬิกาต่างๆ เข้ามาตรวจเช็คสุขภาพของตัวเอง ซึ่งเป็นจุดที่มาบรรจบกันพอดีระหว่างเทคโนโลยีกับความตื่นตัวเรื่องสุขภาพ
คุณธนากร แชร์ว่า Young Happy ซึ่งเป็นกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) ก็ได้นำเทคโนโลยีมาสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาสังคมผู้สูงวัยด้วยเช่นกัน ด้วยเป้าหมายที่ต้องการสร้างสังคมแห่งความสุขให้กับคนวัยเกษียณ เน้นการเป็น active aging เพื่อให้ผู้สูงวัยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สนุก รู้สึกมีคุณค่า และพึ่งพาตัวเองได้ โดยสร้างให้ Young Happy เป็นคอมมูนิตี้ผู้สูงอายุออนไลน์ มีกิจกรรมให้ผู้สูงวัยได้เจอกัน ได้เรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ เช่น เรื่องเทคโนโลยีในการเรียกรถแท็กซี่ สามารถใช้สมาร์ทโฟนเวลาเหงาได้
ปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 100,000 คน และลงทะเบียนผ่าน application ประมาณ 30,000 คน จากการเริ่มต้นครั้งแรกที่พบความท้าทายในการขยายพื้นที่ ด้วยความเป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่ระดมทุนเองจากคนรอบตัวที่เชื่อถือ และใช้โอกาสจากงานประกวดจนมี business model ที่ชัดเจนมากขึ้น จนทุกวันนี้มีทีมงานประมาณ 20 กว่าคน ซึ่งเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีความสนใจ มีความพร้อมและศักยภาพ
สังคมสูงวัย หนึ่งใน Mega Trend ด้านสุขภาพ
ดร.อังคณา ฉายภาพเรื่องสังคมสูงวัยให้เห็นชัดเจนขึ้นว่า เป็นความท้าทายของประเทศไทยที่กำลังก้าวตามญี่ปุ่น คือ เป็นปิรามิดกลับหัวที่มีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุค่อนข้างมาก และเกิดคำถามว่าจะรับมืออย่างไร ที่ทำให้เห็นว่า “ความแก่” ไม่ได้เป็นปัญหาหรือภาระสังคม สามารถเป็น active citizen ที่ใช้ชีวิตประจำวันได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร หมายความว่าใช้ชีวิตด้วยตนเองอย่างมีความสุข ไม่เจ็บป่วย เป็นโรคเรื้อรัง หรือติดเตียงอยู่บ้าน ซึ่งต้องเริ่มจากครอบครัว คือ ทำอย่างไรให้ครอบครัวเข้าใจผู้สูงอายุที่มีความคิดเปลี่ยนไป
คุณธนากร แชร์มุมมองจากประสบการณ์ส่วนตัวว่า จากการที่มีคนข้างตัวอยู่ในวัยสูงอายุ ทำให้เกิดคำถามว่าเราจะแก่อย่างไร บางคนอาจคิดว่าจะเจอกับปัญหาความสูงวัยตอนอายุ 60 ปี ที่จริงๆแล้วคนเราเจอภาวะนี้สองครั้ง ครั้งที่หนึ่ง คือวันที่คุณพ่อคุณแม่แก่ตัวลงและเกษียณ ซึ่งจะเจอกับ side affect ภาวะที่คุณพ่อคุณแม่เปลี่ยนไป การดูแลเปลี่ยนไป ความเข้าใจก็เปลี่ยนไป การพูดคุยกันก็เปลี่ยนไป ส่วนอีกครั้งหนึ่ง คือเมื่อตัวเองเข้าสู่ภาวะสูงวัย อาจมีความคิดหรือ mindset ว่าความแก่เป็นเรื่องน่ากลัวที่ทุกคนต้องเจอ แต่ที่จริงแล้วคนที่เตรียมความพร้อมกับคนที่ไม่เตรียมความพร้อมจะแตกต่างกัน บางคนอายุ 70 ปีเหมือน 50 ปลายๆที่ยังดูแข็งแรงและดูมีความหวังในชีวิต แต่บางคนอายุ50 ปลายๆจะเข้าวัยเกษียณกลับรู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่รู้จะทำอะไรต่อดี ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องของคนทุกวัย สำหรับ Young Happy มองว่าบางครั้งที่มีการสื่อสารว่าไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยที่อาจดูเป็นมุมลบ แต่หากมองกลับกันสัดส่วนผู้สูงวัย 80% จาก 14 ล้านคน คือคนที่ยังแข็งแรงอยู่ จึงเป็นโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้คนกลุ่มนี้อยู่อย่าง Active ได้นานที่สุดก่อนจะติดบ้านและติดเตียง
เปลี่ยนจาก sick care ให้เป็น health care ดูแลสุขภาพต่อเนื่อง
คุณอนุชิต มองว่าถ้าไม่จำเป็นผู้สูงอายุไม่อยากไปโรงพยาบาล ดังนั้น จึงอยากให้เน้นที่การดูแลคนทุกวัยโดยเฉพาะผู้สูงอายุให้มีสุขภาพดี เพื่อให้ลดการไปโรงพยาบาลให้น้อยลง และเล่าให้ฟังถึงการทำงานของ True Digital Group ที่เน้นให้คนดูแลสุขภาพตัวเองเป็นหลัก โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อให้มีการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ใช่ทุกบ้านในประเทศไทยจะสามารถซื้ออุปกรณ์เพื่อตรวจเช็คสุขภาพของตนเองได้ จึงเป็นโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้มีอุปกรณ์หรือเครื่องวัดต่างๆกระจายอยู่ทั่วไป โดย True Digital มีโครงการสร้าง Health Corner ที่โลตัส หรือ แม็คโครให้เป็นบูธที่มีเครื่องวัดความดัน
และในอนาคตอาจจะมีเครื่องวัดองค์ประกอบของร่างกาย Body Composition ว่าไขมันสูงหรือไม่ กล้ามเนื้อเป็นอย่างไร การวัดจะแสดงออกมาเป็นค่าต่างๆ เช่น BMI ถ้าคนไทยได้ประเมินสิ่งเหล่านี้สม่ำเสมอ และให้แพทย์ตรวจผลเป็นประจำทุกสามเดือน จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการดูแลสุขภาพของตัวเอง เหมือนเป็นการตรวจสุขภาพแบบถี่ๆ แทนการตรวจสุขภาพปีละครั้งที่กระตุ้นให้ดูแลตัวเองแค่ 1-2 เดือนล่วงหน้า เป็นการเปลี่ยนจาก sick care ป่วยแล้วจึงไปพบแพทย์ ให้เป็น health care คือทำอย่างไรไม่ให้ป่วย
พึ่งพาตนเอง-เข้าถึง 2 Keyword สำคัญ ขับเคลื่อนสังคมสุขภาพดี
ดร. อังคณา ขมวดประเด็นว่าจากที่ฟังการทำงานของ True และ Young Happy ทำให้สนใจ key word ที่ตรงกับสิ่งที่ภาครัฐกำลังดำเนินงานอยู่ นั่นคือ การพึ่งพาตนเองและการเข้าถึง ซึ่ง “การพึ่งพาตนเอง” ต้องผ่าน “การเข้าถึง” เพราะถ้ามีพื้นที่ที่ทำให้คนทุกเพศทุกวัยทุกฐานะ สามารถเข้าถึงและพึ่งพาตนเองในการดูแลสุขภาพได้ นั่นคือเป้าหมายเรื่องการป้องกันควบคุมโรค
โดยชี้ว่าสิ่งที่ TRUE กำลังทำอยู่ จะช่วยลดความแออัดของโรงพยาบาลได้มาก โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องไปโรงพยาบาล เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โดยเฉพาะในเขตเมืองหรือกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่พิเศษที่แตกต่างจากพื้นที่อื่นในต่างจังหวัด เพราะเมื่อคนกรุงเทพฯ เจ็บป่วย ก็มักจะใช้บริการเอกชน แม้ว่าจะมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอยู่แล้ว ไม่ว่าเป็นบัตรทอง สิทธิของข้าราชการ หรือสิทธิประกันสังคม แต่ปัญหา คือมีหน่วยบริการเหล่านี้มีจำนวนไม่เพียงพอ ภาคเอกชนจึงมีบทบาทมาก ส่วนเรื่อง tele -medicine เป็นเทรนด์ที่มาแรงที่ภาครัฐกำลังก้าวไปสู่จุดนั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่ไม่ถนัด จึงอยากได้ความร่วมมือจากภาคเอกชนและภาคประชาสังคม
เทคโนโลยีคือคำตอบ ดึงทุกฝ่ายร่วม Platform เดียวกัน
คุณอนุชิต เสริมว่า เรามีความคิดตรงกันและมีจุดมุ่งหมายเหมือนกัน True Digital Group เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มุ่งมั่นตั้งใจจะสร้างแพลตฟอร์มเพื่อช่วยขับเคลื่อนในเชิงป้องกัน และต้องการหาพาร์ตเนอร์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยใช้เทคโนโลยี ทำให้ “Provider” เช่น ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ โรงพยาบาล คลินิก และ “Payer ” เช่น บริษัทประกันเอกชน ประกันของภาครัฐ รวมไปถึง Start-up ที่ทำธุรกิจทางด้าน health care เช่น start-up ที่ทำอุปกรณ์ตรวจเช็คสุขภาพต่างๆ เช่น วัดคุณภาพการนอนหลับ อุปกรณ์วัดเรื่องระดับน้ำตาล ให้มาอยู่ร่วมกันบนแพลตฟอร์มเดียวกัน สามารถเข้าถึงแพทย์ได้ หรือได้รับคำปรึกษาทางไกลสำหรับบางโรค
และมองว่าถ้าทุกคนมาช่วยกัน การขับเคลื่อนจะไปได้เร็ว ซึ่ง True , True Digital Group และบริษัทในเครือพร้อมดูแล เช่น การจัดให้มี Health Corner ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ให้ทุกคนสามารถไปวัดความดันที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตได้ทุกอาทิตย์ พร้อมกันนี้ ยังชี้ให้เห็นว่าเทรนด์ใน 5-10 ปีต่อจากนี้ จะมีระบบ Healthc are ที่เป็น D igital twin คือข้อมูลสุขภาพทุกด้านที่เป็นกิจกรรมประจำวัน เช่น ความดัน BMI จะถูกส่งมาให้ทีมรักษาพยาบาล หรือ AI ที่จะคอยดูแลให้ตลอดเวลาว่าแต่ละท่านเป็นอย่างไรบ้าง ถ้ามีใครผิดปกติ จะเตือนไปที่คุณหมอที่ดูแล โดยไม่ต้องรอให้ป่วย หรือเมื่อมีความผิดปกติ จะมีทีมโทรมาซักถามอาการ เป็นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันอย่างแท้จริง ซึ่งสามารถลดงบประมาณของประเทศได้มหาศาล
คนรุ่นใหม่ใช้โมเดล SE พร้อมขยายผลไอเดียสร้างสุข
คุณธนากร ต่อยอดว่าจากประสบการณ์ในการทำธุรกิจเพื่อสังคมเข้าปีที่ 4 พบว่าการแก้ปัญหาสังคมเป็นเรื่องไม่ง่าย สิ่งสำคัญ คือบุคลากร แต่ถ้าสะท้อนจากมุมมองของกลุ่ม Social Enterprise พบว่ามีแนวโน้มที่ดี และค่อนข้างเติบโต เพราะมีคนสนใจประเด็นนี้มากขึ้น อีกทั้งคนรุ่นใหม่เริ่มตั้งคำถามกับความหมายของชีวิต พูดถึงเรื่องความยั่งยืน จึงลุกขึ้นมาแก้ปัญหาในหลายมุม โดยใช้ Social Enterprise เป็นโมเดลขององค์กร หากภาครัฐและเอกชนเปิดโอกาสในการจัดซื้อจัดจ้างหรือการทำงานหรือความร่วมมือกับ Social Enterprise ให้มากขึ้น จะขยายผลไอเดียดีๆจากคนรุ่นใหม่ได้อีกมาก
โดยยกตัวอย่างการทำงานของ Young Happy ในวิกฤต COVID ที่มีโครงการ Challenge Online ที่พยายามกระจายความร่วมมือและการดูแลไปในภูมิภาคอื่น โดยสัดส่วนสมาชิก 80% อยู่กรุงเทพมหานคร และเริ่มมี 20% ที่อยู่หัวเมือง เช่น เชียงใหม่ ชลบุรี โดยทีมงานของ Young Happy จะส่งโจทย์ให้ผู้สูงอายุที่บ้านแก้ปัญหาทุกวัน แข่งขันกับเพื่อน จนครบ 21 วัน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำอะไรเดิมๆซ้ำๆจนเกิดภาวะเบื่อหรือเหงา เช่น ถ่ายรูปรดน้ำต้นไม้ ดื่มน้ำ 8 แก้ว ทำอาหารให้ครบ 5 สี ร้องเพลง และให้เหตุผลของกิจกรรมเหล่านั้น แล้วแชร์กันเป็นคอมมูนิตี้ ในช่วง COVID รอบแรกที่ผ่านมา มีคนเข้าร่วมกิจกรรมนี้เกือบ 2,000 คน นอกจากนี้ยังมีโครงการ Young Happy Time Bank พาผู้สูงอายุที่มีศักยภาพไปช่วยเหลือกลุ่มคนที่เป็น under-privilege เช่น ไปสอนผู้สูงอายุตามชุมชน หรือไปเยี่ยมเยียนผู้สูงอายุที่บ้านพักคนชรา เกิดความกลมเกลียวกัน ให้กำลังใจซึ่งกันเเละกัน ผู้สูงอายุที่ได้ช่วยคนอื่นจะรู้สึกว่าตนเองยังมีคุณค่าและเป็นประโยชน์ หรือโครงการล่าสุด คือ Online Learning เป็นมหาวิทยาลัยชีวิตของผู้สูงอายุ ชื่อ Happy Lean ที่มีคลาสเรียนต่างๆที่สร้างให้ผู้สูงอายุโดยเฉพาะ โดยเรียนผ่านทางมือถือ
รัฐ เอกชน ประชาสังคม ร่วมออกแบบการดูแลสุขภาพครบวงจรไร้รอยต่อ
ดร. อังคณา จุดประกายว่า ในอนาคตการดูแลสุขภาพแบบครบวงจรไร้รอยต่อจะเกิดขึ้นได้ ถ้าทุกภาคส่วนช่วยกันออกแบบ ช่วยกันคิด ว่าอยากให้สังคมของเราเป็นอย่างไร แล้วก็ช่วยกันทำ จากที่เห็นสิ่งดีๆในภาคเอกชน หรือภาคประชาสังคม เช่น TRUE ที่ใช้จุดแข็งเรื่องเทคโนโลยีที่มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบเพื่อสุขภาพหรือสุขภาวะ หรือ Young Happy เริ่มจากประสบการณ์ตรงของคนในครอบครัว และลุกขึ้นมาสร้างสังคมผู้สูงวัย
ดังนั้น ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน เราก็มีส่วนร่วมออกแบบและร่วมทำได้ แม้แต่ในระดับบุคคล ก็เริ่มจากตัวเองได้ ด้วยการรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ออกกำลังกาย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ในส่วนของภาครัฐ สามารถทำในสิ่งที่ภาคส่วนอื่นๆ ทำไม่ได้ เช่น การออกมาตรการทางกฎหมาย หรือมาตรการทางสังคม เช่น กฎหมายเรื่องเมาไม่ขับ ไม่สวมหมวกกันน็อก ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานของปัญหาสุขภาพ และหาทางสร้างความร่วมมือทำงานกับคนอื่นแบบ partnership ดึงภาคเอกชนและภาคประชาสังคมเข้ามาทำงานร่วมกัน กำหนดทิศทางออกแบบไปด้วยกัน ลงมือทำร่วมกัน จะได้มีการประสาน การทำงานอย่างแบบไร้รอยต่อ คือ ความครบวงจร
และทิ้งท้ายว่า อยากให้มองมิติเรื่องสุขภาวะลึกซึ้งขึ้น เพราะการไม่เจ็บป่วย อาจไม่เพียงพอสำหรับการมีสุขภาพดีในยุคนี้ แต่ต้องรวมถึงการมีความสุขในการใช้ชีวิต มีเป้าหมายของการมีชีวิตอยู่ จนถึงระดับสังคม ที่ต้องช่วยกันตอบโจทย์ว่า เราจะทำอย่างไรให้ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนที่เราอยู่เข้มแข็ง และประเทศของเรามีสันติภาพ มีสวัสดิการที่ดี จึงจะบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนที่รวมเรียกว่า Well-Being หรือการมีสุขภาวะที่ดีอย่างแท้จริง
และนี่ก็คือ มุมมองและประสบการณ์ของผู้ร่วมเสวนาทั้ง 3 ท่าน ในเรื่อง การสร้างงาน ที่ตอบโจทย์ทั้งคุณค่าและมูลค่า เพื่อความเติบโตอย่างยั่งยืน
….
รายการ “เราปรับ…โลกเปลี่ยน We Shift…World Change”
ตอน “ดูแลสุขภาพเชิงรุก เพื่อสุขภาวะที่ดี”
หรือ จะเลือกรับฟังรายการ ในรูปแบบของ Podcast ได้ที่:
ติดตามชมรายการ “เราปรับ…โลกเปลี่ยน We Shift…World Change” Facebook
ได้ทาง Facebook เพจ @มนุษย์เงินเดือนพันธุ์ใหม่ หรือ Facebook Global Compact Network Thailand และ ช่องทาง Social Media ของ The Practical