Lifelong Learning เป็นวิธีการเรียนรู้รูปแบบหนึ่ง ที่เราเองก็สามารถเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่เกี่ยวเลยว่าเราจะอยู่ในวัยไหนก็ตาม เราก็สามารถเรื่องรู้เรื่องใหม่ๆ ได้ต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
งานในอดีตหรือตำแหน่งงานในอดีตยังหายไปได้เลย บริษัทยักษ์ใหญ่ในอดีตยังปิดกันได้เลย ก็ด้วยเหตุที่พวกเขา หรือ บริษัทเหล่านั้น ขาดการเรียนรู้ ขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็ถูกคลื่นการเปลี่ยนแปลงกลืนกินไป
ในยุคนี้ เป็นยุคที่เทคโนโลยีออกใหม่หรือสินค้าออกใหม่กันเป็นรายนาที บริษัทเกิดใหม่เกิดขึ้นในโลกนี้เป็นรายนาทีเช่นกัน ไหนจะเป็นเรื่องการมาของ Automation หรือ Artificial Intelligence ที่เข้ามามีบทบาทในทุกบริบทของโลกยุคนี้
งานดั้งเดิมหายไป แต่ความต้องการของตลาดงานกับชุดความรู้ใหม่ก็เกิดขึ้นมากมายเช่นกัน อันที่จริงแล้วนี่คือสัญญานเตือนให้เราต้องเรียนรู้ พัฒนาตนเอง อย่างเร่งด่วน เพราะงานที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ อาจจะไม่มีอีกต่อไปแล้วก็ได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
เชื่อว่าเราเองก็คงไม่อยากเจอแบบนี้ใช่ไหม?
ดังนั้นถ้าไม่อยากตกงานในอนาคตอันใกล้นี้ ก็จงเริ่มต้นลงมือกับการเรียนรู้และพัฒนาตนเองเสียตั้งแต่ตอนนี้ นี่คือเหตุผลและความสำคัญที่ว่า ทำไม “การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง” ถึงสำคัญ และ ทำไมเราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
“ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง”
ประโยชน์ที่ได้จาก “การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง” ไม่ได้แค่ได้เรื่องความรู้ หรือ ทักษะใหม่ๆ หรือ ทำให้หางานง่าย หรือ ทำให้เรามีหน้าที่การงานที่มั่นคงเพียงอย่างเดียว ยังมีผลพลอยได้ที่เกิดจากการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น
ทำให้สมองของเรามีสุขภาพดีและแข็งแรง แถมอายุยืนอีกด้วย :
ถ้าการออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง สมองก็ต้องการออกกำลังกายเพื่อให้ตัวเขาเองแข็งแรงเช่นกัน วิธีการออกกำลังกายสมองวิธีนึงก็คือด้วยการเรียนรู้
เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ทำกิจกรรมใหม่ๆ จะช่วยพัฒนาเรื่องความจำและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองของเราอีกด้วย
มีการศึกษาจาก Massachusetts General Hospital และ Harvard Medical School บอกว่าผู้สูงอายุที่มีกิจกรรมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องมาตลอดชีวิต จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์ (โรคสมองเสื่อม) น้อยลง และ ด้วยการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องยังช่วยให้มีความจำที่ดีอีกด้วย
และยังมีการศึกษาเพิ่มเติมอีกว่า “การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง” ช่วยทำให้อายุยืนอีกด้วย ผลการศึกษาเหล่านี้ ทำให้นึกถึงผู้สูงอายุหลายๆ ท่านในบ้านเราหรือในต่างประเทศ ผู้ที่เป็นนักปราชญ์ หรือนักคิด หรือนักวิจัย บุคคลเหล่านี้ล้วนมีความจำและสติปัญญาเป็นเลิศ ถึงแม้ว่าอายุจะล่วงเลยไปกว่า 70, 80 แล้วก็ตาม
ทำให้เรามีสุขภาพจิตดีและแข็งแรง :
รู้หรือไม่ การอ่านหนังสือ สามารถช่วยลดความเครียดได้อย่างง่ายดาย
มีการศึกษาจาก University of Sussex ประเทศอังกฤษ เขาพบว่า การอ่านหนังสือเพียงแค่ 6 นาที ก็สามารถลดระดัความเครียดของเราได้แล้ว และยังช่วยทำให้ระดับการเต้นของหัวใจดีขึ้นอีกด้วย
ในผู้สูงอายุ การอ่านหนังสือยิ่งมีประโยชน์มหาศาล ไม่เพียงแค่ลดความเครียด ยังช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยลดความดัน ลดโอกาสการเป็นโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจได้อีกด้วย
ถึงว่า นักเขียนหรือบรรดาครูบาอาจารย์ชื่อดังหลายท่าน ทั้งในและต่างประเทศ ต่างก็มีสุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี ก็เพราะเกิดจากการอ่านหนังสือเยอะๆ แบบนี้นี่เอง
ถ้าเราอายุยังน้อย ถือว่าได้เปรียบ เพราะถ้าไม่อยากมีความเสี่ยงในเรื่องโรคภัยต่างๆ การอ่านหนังสือแค่วันละนิดวันละหน่อย แค่ครั้งละ 6 นาที ก็ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคภัยต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
ทำให้เรามีชีวิตชีวา จากการได้เจอเพื่อนใหม่ เจอสังคมใหม่ๆ :
เพราะรูปแบบของ “Lifelong Learning” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเรียนรู้ด้วยตัวเอง เช่นการอ่านหนังสือ หรือ เรียนจากระบบออนไลน์ แต่รวมไปถึงการเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น หรือ ที่เรียกว่า “Social Learning”
“Social Learning” เป็นการเรียนรู้ที่สำคัญมากเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ผ่านกลุ่มคน ที่อาจจะมีความชอบคล้ายๆ กัน หรือ ชอบอะไรที่เหมือนๆ กัน เกิดการปฏิสัมพันธ์ (Social Interaction) กันในวงกว้าง เกิดเพื่อนกลุ่มใหม่เป็นต้น
มีการศึกษาบอกว่า ผู้สูงอายุ ที่มีการปฏิสัมพันธ์ (Social Interaction) ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ จะทำให้มีสุขภาพดี ไม่ป่วยง่าย และมีความสุขมากขึ้น เพราะได้เรียนรู้และได้อยู่ใกล้ชิดกับกลุ่มคนที่ชอบอะไรที่เหมือนๆ กัน เกิดการสนับสนุนและให้กำลังใจกันเชิงบวก
เรื่องนี้จริง ไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุ มันรวมไปถึงคนทำงานหรือคนทั่วไปเช่นเดียวกัน การที่เราได้มีโอกาสได้ไปเรียนด้วยการเข้ากลุ่มใหม่ๆ หรือ ไปเรียนที่ต้องเจอคนใหม่ๆ แน่นอนว่าเราย่อมได้รับพลังบวกเข้ามาในชีวิตได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้นถ้าเราอยากมีชีวิตชีวา ไม่อยากเป็นคนขี้เบื่อ หรือ หมดไฟ ลองหาทักษะใหม่ๆ ที่เป็นแบบ “Social Learning” ไปลงเรียนดูนะครับ รับรองชีวิตของเราจะมีความหมายขึ้นอีกเยอะเลย
ถึงตรงนี้แล้ว คงเข้าใจ และคงต้องหันมาให้ความสำคัญกับเรื่อง “Lifelong Learning” แบบจริงจังกันแล้วนะครับ
Reference:
https://www.telegraph.co.uk/news/health/news/5070874/Reading-can-help-reduce-stress.html
https://n.neurology.org/content/85/1/48
https://journals.sagepub.com/doi/abs/10.1177/0956797613499592?papetoc=
บทความอื่นๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
Top 10 Skills of 2025 ทักษะสำคัญที่คนทำงานต้องมีก่อนปี 2025
Lifelong Learning เพราะชีวิต คือการเรียนรู้ ไม่มีที่สิ้นสุด