เมื่อไหร่ ผู้หญิงถึงจะ มีความเท่าเทียม? เรื่องของความเชื่อที่ว่า “เป็นผู้หญิง ก็คงเป็นได้แค่ช้างเท้าหลัง” หรือ “ผู้หญิงเมื่อแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วก็คงเป็นได้แค่แม่บ้านเท่านั้น” หรือ “หากเป็นเรื่องของการทำงาน ผู้หญิงเป็นคนที่ไม่เด็ดขาด ไม่เหมือนผู้ชาย จึงเป็นเรื่องยากที่ผู้หญิงจะขึ้นมาเป็นผู้บริหารได้” นี่คือตัวอย่างในเรื่องของความเชื่อที่ผู้ชายส่วนมาก มีต่อผู้หญิง หรือ แม้กระทั่งตัวผู้หญิงเองก็คงจะเคยมีความเชื่อแบบนี้เช่นกัน
แต่ความเชื่อเหล่านี้ คงใช้กับผู้หญิงยุคนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ปัจจุบันศักยภาพของผู้หญิง มีเทียบเท่ากับผู้ชาย หรือ เผลอๆ อาจจะมีมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะในปัจจุบัน พบว่า ผู้หญิง ได้ขึ้นมามีบทบาทที่สำคัญมากมายในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น เจ้าของธุรกิจ หรือ เป็นผู้บริหาร หรือ เป็นผู้นำองค์กร หรือ หน่วยงาน ที่มีชื่อเสียง และที่มีความสำคัญมากมาย
โดยเฉพาะในประเทศไทยของเรา สังคมไทยในปัจจุบัน ผู้หญิงก็มีสิทธิมากขึ้นกว่าในอดีตมาก เห็นได้จากการยอมรับบทบาทของผู้หญิงในการเข้ามาทำงาน หรือ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารในองค์กร มีมากขึ้นเช่นกัน
ประเทศไทย มีสัดส่วนผู้บริหารหญิงสูงมาก โดยมีสัดส่วนของซีอีโอที่เป็นผู้หญิงสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก และมีซีเอฟโอที่เป็นผู้หญิง สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก
อ้างอิงจากข้อมูลจากผลสำรวจของ แกรนท์ ธอนตัน ซึ่งผลการสำรวจนี้ สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสของผู้หญิงไทยในองค์กรเอกชน ที่เปิดกว้างและได้รับโอกาสในการเติบโตในสายบริหาร มากกว่าประเทศอื่นๆ ผลที่ตามมา จึงทำให้เรื่องของความเท่าเทียมกันทางเพศ หรือ Gender Equality โดยเฉพาะในที่ทำงาน จึงกลายเป็นเรื่องที่หลายๆ บริษัท หรือ หลายๆ องค์กรในบ้านเราให้ความสำคัญ และพยายามผลักดันเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
เหมือนกับที่ SC Asset ที่นี่ เป็นอีกหนึ่งองค์กร ที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง Gender Equality in Workplace อย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นสนับสนุนความเท่าเทียมกันทางเพศในองค์กร เพราะที่นี่ ผู้บริหารเขาเชื่อว่า พลังของพนักงานผู้หญิง ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนไหนขององค์กรก็ตาม ก็ถือเป็นอีกหนึ่งพลังที่สำคัญที่จะช่วยพนักงานผู้ชายนำพาองค์กรไปให้ไกลกว่าเดิมได้
ที่ SC Asset เขาก็จะมีการเปิดโอกาสให้พนักงานผู้หญิงได้เข้ามามีบทบาทกับองค์กรเทียบเท่าพนักงานผู้ชายในแทบทุกด้าน และที่นี่ก็มีจำนวนของผู้บริหารและหัวหน้างานที่เป็นผู้หญิงในหลายภาคส่วนในปริมาณที่สูงเช่นกัน
แล้ว ที่ SC Asset เขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จริงจังขนาดไหน? และ พนักงานที่เป็นผู้หญิงของที่นี่ เขารู้สึกกับเรื่องนี้อย่างไร? ลองมาดูความคิดเห็นของพนักงานเหล่านี้กันว่า Gender Equality in Workplace ของที่นี่ มีผลต่อการทำงานของพวกเขาอย่างไร?
“องค์กรที่น่าทำงานด้วย ควรจะต้องเป็นองค์กรที่เปิดกว้างและให้โอกาสผู้หญิงได้แสดงพลังและความสามารถ”
คุณอร อรวิศา ผลส่ง, ตำแหน่ง Head of Marketing and Sales : คุณอร บอกกับเราว่า ก่อนที่จะเริ่มหางาน คุณอรได้มองหาหลายบริษัท แต่สุดท้ายก็เลือกที่นี่เพราะ “เขาให้โอกาสสำหรับผู้หญิง” หลังจากที่ได้มาทำงานที่นี่แล้วก็เป็นตามนั้นจริงๆ เพราะตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ที่ SC Asset ก็ทำให้เห็นว่า ผู้หญิงได้รับโอกาสเท่าเทียมกับผู้ชายจริงๆ เพราะที่นี่ผู้บริหาร เขาเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคน โอกาสเติบโตของที่นี่ ผู้บริหารเขาก็ดูที่ความสามารถของพนักงานจริงๆ โดยไม่ได้ดูว่าพนักงานเป็นเพศใด
คุณอร บอกกับเราว่า การเป็นผู้หญิง จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นอุปสรรค เพราะ “เราเป็นผู้หญิงโลก Digital เราไม่จำเป็นต้องเป็นแค่แม่บ้าน ผู้หญิงสามารถทำได้ในหลากหลายบทบาท หลากหลายหน้าที่ หากผู้หญิงอย่างเรา ไม่หยุดพัฒนาตนเอง มีใจรักในการทำงานต้องมีพลังเชิงบวก และมองไปข้างหน้า ผู้หญิงก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน”
จากตัวอย่างของคุณอร เธอก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา จากจุดเริ่มต้นที่เป็นพนักงานผู้หญิงธรรมดา ก็สามารถเติบโตกับที่นี่จนสามารถเป็นผู้บริหารได้
“การทำงานในทุกวันนี้ อย่าให้มีข้อจำกัดที่เกิดจากความเป็นผู้หญิงหากเรื่องไหนที่ผู้ชายทำได้ผู้หญิงก็สามารถทำได้เช่นกัน”
คุณเมย์ ภัทราภรณ์ ศรีเมืองลพ, ตำแหน่ง Community Management Manager : น้องเมย์ บอกกับเราว่า ผู้หญิงเรา จำเป็นมากต้องมีความมั่นใจในตัวเอง ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้รู้ หรือ ไม่ได้เก่งทุกเรื่อง แต่เราต้องเชื่อว่าเราสามารถเรียนรู้กับเรื่องนั้นๆ ได้
“ความเชื่อของเรา ต้องสร้างจากจุดเล็กๆ เราสามารถล้มเหลว หรือท้อแท้ได้ แต่อย่าล้มเลิก” น้องเมย์ บอกว่า ในการทำงาน ปัญหาและอุปสรรคเป็นเรื่องที่เราก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว ถามว่าเคยท้อไหม? ก็มี แต่ก็ต้องมองว่า ทุกอย่างมันมีทางออกเสมอ เพราะเราไม่ได้ทำงานคนเดียว เรายังสามารถเรียนรู้ หรือ หาคำตอบกับปัญหาเหล่านั้นจากคนอื่นๆ ได้ หรือ ในบางครั้งเราเองก็อาจจะเป็นที่พึ่ง หรือ เป็นคนช่วยเหลือคนอื่นในยามที่เขามีปัญหาได้เช่นกัน
อย่างที่ SC Asset น้องเมย์ เพิ่งมาทำงานได้ปีกว่าๆ บอกกับเราว่า ที่นี่มีวัฒนธรรมการทำงานที่แตกต่างจากที่เดิมของเธอมาก ที่นี่ทุกคนในทุกระดับ ตั้งแต่ผู้บริหารลงมาจนถึงระดับล่าง ทุกคนต่างก็เข้าถึงง่าย พนักงานไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ก็จะได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน
ตัวอย่างเช่น เวลางานมีปัญหา ก็สามารถขอความเห็น หรือ ขอคำแนะนำ หรือ ขอความช่วยเหลือกันได้ง่ายมาก ทำให้เวลาที่เจอปัญหา แก้ไขเสร็จสิ้นในระยะเวลาไม่นาน ด้วยวัฒธรรมองค์กรที่เป็นแบบนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นครอบครัว มากกว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน ล่าสุดน้องเมย์ เพิ่งได้รับรางวัล Miss SC Grand Sale 2020 ของ SC Asset ซึ่งเป็นรางวัลที่เธอภาคภูมิใจมากกับการทำงานกับองค์กรแห่งนี้
“สายตาอาจจะมองไม่เห็นได้เท่าคนอื่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำอะไรเท่าคนอื่นไม่ได้”
คุณฟ้าใส ญาณิศา เรืองฉาย, ตำแหน่ง Student Trainee ด้าน Artificial Intelligent (AI) : น้องฟ้าใส เป็นผู้พิการทางสายตา กำลังศึกษาอยู่ปีหนึ่ง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ น้องฟ้าใสบอกกับเราว่า สาเหตุที่น้องต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ก็เพราะน้องฟ้าใส อยากพิสูจน์ตนเอง เพราะมีความเชื่อที่ว่าเราสามารถทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วยได้ โดยทั้งผลการเรียนและผลงานดีทั้งคู่ได้ ปรากฏว่าผลการเรียนของน้องฟ้าใส ในเทอมที่ผ่านมาได้เกรดเฉลี่ยถึง 3.67 นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอทำได้จริงๆ
“คนส่วนใหญ่ มักมองว่า คนพิการ ทำงานได้แค่งานง่ายๆ ไม่สามารถทำงานแบบคนปกติ หรือ งานยากๆ ที่ซับซ้อนได้ แต่ขอบอกเลยว่า นั่นคือความเชื่อที่ผิด ความจริงแล้วเราทำได้ดีกว่านั้นอีก”
ในเรื่องการทำงาน น้องฟ้าใสบอกกับเราว่า ที่ SC Asset เขาให้โอกาสกับทุกคน รวมทั้งคนพิการด้วย การทำงานที่นี่ เขาสอนให้น้องฟ้าใสเห็นว่า หากเราหยุดนิ่ง ไม่กล้าลองอะไรใหม่ๆ หรือ ไม่เปิดโอกาสให้ตนเองได้ทดลอง หรือ เรียนรู้ กับเรื่องใหม่ๆ เราก็จะติดอยู่กับที่ หรือถดถอยไปในที่สุด นีคือแรงบันดาลใจอีกอย่างนึงที่ทำให้น้องได้มาทำงาน รับผิดชอบในส่วนของ AI Platform ให้กับทาง SC Asset ทั้งๆ ที่น้องฟ้าใส เองก็ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องนี้มาก่อน
น้องฟ้าใส บอกกับเราว่า น้องโชคดี ที่ได้ทำงานกับบริษัท SC Asset บริษัทที่ให้โอกาสสำหรับคนพิการอย่างแท้จริง และ น้องยังบอกกับเราอีกว่า “อยากให้มองคนพิการด้วยใจที่เป็นกลาง คนพิการอาจจะมีข้อจำกัดบ้างก็จริง แต่เราก็สามารถสร้างความสามารถ สร้างทักษะอื่นๆ เพิ่มเติมมาทดแทนกันได้” โอกาส และการ มีความเท่าเทียม คือสิ่งที่คนพิการเองก็อยากได้รับ และ พวกเขาเองก็อยากจะรู้สึกว่ามีคุณค่า อยากให้คนเห็นศักยภาพของพวกเขาจริงๆ
ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้มองว่าความพิการทางสายตาของเธอจะเป็นข้อจำกัด ได้เแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วว่า เธอก็สามารถทำได้ดีมาก ไม่แพ้คนปรกติอย่างเราเลย – น้องฟ้าใส ญาณิศา เรืองฉาย
“ทุกอาชีพ ทุกตำแหน่ง ล้วนมีความสำคัญและมีเกียรติกันทั้งนั้น เพราะทุกคนก็ทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพ ดังนั้นอย่ามองอาชีพใครต้อยต่ำกว่ากันเลย”
คุณปุ้ย ปัทมา ศรีทอง, ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย : น้องปุ้ย เป็นพนักงานแจกบัตรและรับบัตรจอดรถ สังกัดหน่วยงานรักษาความปลอดภัย ดูแลอาคารสำนักงาน หลายๆ ครั้ง น้องปุ้ย ก็รู้สึกว่าหลายคนไม่เข้าใจ มักมองว่าอาชีพของน้องรวมไปถึงเพื่อนร่วมอาชีพในกลุ่มของหน่วยงานรักษาความปลอดภัย เป็นอาชีพที่ไม่มีค่า ไม่มีความสำคัญ ซึ่งพวกเขาไม่รู้ความจริงเลยว่าในแต่ละวันทำอะไรบ้าง เราต้องอำนวยความสะดวก แก้ปัญหา หรือ เรื่องอื่นๆ มากมาย ที่หลายคนอาจจะไม่รู้
“บางครั้งก็น้อยใจ ว่างานที่เราทำนั้นต่ำต้อย หรือ งานที่เราทำไม่มีค่า”
น้องปุ้ย เล่าให้ฟังว่า ในทุกๆ วันก็ย่อมต้องเจอกับปัญหาบ้างแต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดา เช่น กรณีที่เก็บค่าจอดรถเพิ่มจากลูกค้า ทำให้เผชิญการเหวี่ยงหรือวีนบางโอกาส เพราะงานลักษณะนี้ คืองานบริการ น้องปุ้ย บอกกับเราว่า งานของน้องคือการให้บริการ ถึงแม้ว่าใครจะว่างานมันต่ำต้อยแค่ไหน แต่น้องปุ้ยก็จะไม่เก็บเอาคำพูดเหล่านั้นมาคิดมาก เพราะทุกวันนี้ เธอทำงานนี้อย่างเต็มที่ มาตลอดระยะเวลา 10 ปี
สิ่งที่ได้มาไม่ใช่แค่รายได้เพื่อครอบครัว แต่เป็นความสุขที่ได้จากการทำงานที่เธอรัก และ ได้ร่วมกับเพื่อนร่วมงานที่ดีอีกหลายสิบชีวิต และ ยังมีลูกค้าที่ดีๆ อีกมากมายที่ให้เกียรติและมองว่าอาชีพของเธอก็มีความสำคัญที่เธอต้องคอยให้บริการต่อไป เพราะที่นี่สำหรับน้องปุ้ย คือบ้านอีกหลังนึง เป็นบ้านที่เป็นครอบครัวใหญ่
“ผู้หญิงอย่างเราหากโอกาสไม่เข้ามาหา เราก็ต้องออกตามหา หรือสร้างโอกาสให้กับตัวเราเอง”
คุณเพชร ณปภัช ศรีชาติโสภณ, ตำแหน่ง Contact Centre Manager : คุณเพชร ดูแลหน่วยงานที่ พนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง คุณเพชร บอกกับเราว่าถึงแม้ว่าหน่วยงานจะมีผู้หญิงเยอะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ให้โอกาสผู้ชายเข้ามาทำ เพราะจริงๆ แล้วในสายงานนี้ ผู้ชายก็สามารถทำได้ และเผลอๆ สามารถทำได้ดีกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่ผู้หญิงมี แต่ผู้ชายขาดก็คือ ในเรื่องของความเข้าใจลูกค้า ความละเอียดในเนื้องาน ซึ่งสองส่วนนี้หากผู้ชายคนไหนได้ไป ก็จะประสบความสำเร็จในสายงานนี้ได้ไม่ยาก และ อาจจะไปทำงานสายงานอื่นได้ง่ายด้วยเช่นกัน
“ล้มบ่อยๆ คือประสบการณ์ ยิ่งล้มยิ่งเก่ง ล้มแล้วลุก แล้วรีบเรียนรู้ แล้วก็รีบพัฒนา”
เรื่องของโอกาส ผู้หญิงอย่างเราไม่จำเป็นต้องรอโอกาส คุณเพชร บอกว่าที่เธอมาถึงจุดนี้ได้ ไม่ใช่เพราะเธอเก่ง หรือ เธอรอโอกาส เธอเริ่มจากการเปิดโอกาสให้กับตัวเองในการเริ่มต้นเรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆ คุณเพชร ยังบอกอีกว่า การที่เราไม่รู้ ไม่ใช่ว่าเราจะรู้ไม่ได้ เราทำไม่เป็นตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตเราจะทำไม่ได้
อย่างที่ SC Asset คุณเพชรบอกว่า ที่บริษัท มักจะมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ ผู้บริหารเองก็เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนได้ลอง ได้ลงมือทำสิ่งใหม่ คุณเพชรเองก็ไม่เคยปฏิเสธโอกาสที่เข้ามาเลย หากหัวหน้าให้ลองทำอะไรใหม่ๆ ก็พร้อมที่จะลองทำดูก่อน ถึงแม้ว่าจะผิดพลาด ก็จะเรียนรู้ไปกับมัน เพราะนี่คือหนทางของการพัฒนาตนเอง
บทสรุป
เรื่องราวทั้งหมดนี้ ก็เป็นตัวอย่าง เป็นแรงบันดาลใจ รวมไปถึงแง่คิดในการทำงานและการดำเนินชีวิต จากผู้หญิงเก่ง และแกร่ง ทั้ง 5 คน จากบริษัท SC Asset ที่แสดงให้เห็นแล้วว่าผู้หญิงยุคนี้ก็ มีความเท่าเทียม ได้เช่นกัน
ถึงตรงนี้ เนื่องในโอกาส วันสตรีสากล หรือ International Women’s Day ซึ่งตรงกับวันที่ 8 มีนาคม นี้ จึงอยากเชิญชวนให้ทุกองค์กร ทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือ ชุมชน ลุกขึ้นมาส่งเสริมและสนับสนุนความเท่าเทียมกันทางเพศ และ ร่วมกันผลักดันให้ผู้หญิงได้รับโอกาสและมีบทบาทในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ ไปด้วยกัน
#ChooseToChallenge #IWD2021 #ผู้หญิงเบื้องหลังความสำเร็จของSC
#SCSuperWomen #SCASSET