อวสานงานอดิเรก เมื่อรายได้เสริมเปลี่ยนกิจกรรมยามว่างของทุกคนให้กลายเป็นงานได้ โดยเฉพาะในยุคนี้มีช่องทางงานมากมายที่สร้างรายได้ดีให้กับเราได้มากอีกด้วย แต่มันก็มีเรื่องที่เราอาจจะไม่เคยทราบมาก่อนก็ได้ ลองมาติดตามเรื่องราวของ Tommy Wylde ดูว่างานอดิเรกที่สร้างรายได้ให้กับเขา แล้วจากนั้นเกิดอะไรขึ้น
หนึ่งในเคล็ดลับของการมีอิสระทางการเงิน หรือ มีเงินจำนวนมากอย่างที่ใครหลายคนวาดฝัน ก็คือ การมีรายได้เสริม มีหนังสือหลายเล่มและไลฟ์โค้ชมากมายต่างก็แนะนำให้เรามองหาสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีหรือถนัด มาดัดแปลงมันให้เกิดเป็นอาชีพ หรือ เป็นรายได้แหล่งที่ 2 ซึ่งอาจจะทำให้เราเพิ่มจำนวนครั้งที่จะไปทานอาหารมื้อแพงๆ ต่อเดือน เพิ่มจำนวนครั้งที่ได้ออกไปเที่ยวได้มากขึ้น หรือ เพิ่มจำนวนเสื้อผ้าราคาแสนแพงต่อเดือนได้ โดยหากคุณมีเวลาเหลือ คุณอาจจะเปิดคอร์สสอนภาษาออนไลน์ หรือ เปิดบ้านสอนงานเย็บปักถักร้อย หรือ จะเป็นไกด์พาชาวต่างชาติเที่ยวก็ได้
Tommy Wylde ชื่นชอบสัตว์ป่ามาโดยตลอด เขาชอบสอนคนอื่นเกี่ยวกับสัตว์ป่าที่เขาหลงใหล เมื่อเขาว่างจากงานประจำ เขาจะใช้ความชื่นชอบบวกกับความรู้เพื่อนำกลุ่มคอมมูนิตี้เล็กๆ ไปสำรวจดูนกและชมสัตว์ป่าเสมอ และเมื่อการระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้น เวลาว่างจากงานประจำที่เขาทำก็มีมากขึ้น เขาจึงตัดสินใจใช้ประโยชน์จากงานอดิเรกนี้ในการสร้างรายได้เสริมเล็กน้อย ด้วยการเปิดเว็บไซต์ข้อมูลสัตว์ป่าชื่อว่า Floofmania
“เมื่องานอดิเรกกลายเป็นงานที่ประสบความสำเร็จ”
Wylde เริ่มว่าจ้างนักเขียนให้นำความรู้เกี่ยวกับสัตว์ในอเมริกาเหนือต่างๆ ของเขามาเขียนเป็นบทความลงเว็บไซต์ ซึ่งกระแสตอบรับดีมาก เขาตีพิมพ์บทความเกือบ 500 บทความในระยะเวลาอันสั้น จำนวนผู้อ่านก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 700 คน เป็น 800 คนต่อวัน โดยเว็บไซต์นี้ยังมีค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย ซึ่งกลายเป็นรายได้ของเขาราวๆ $400 ถึง $500 ต่อเดือนจากโฆษณา ความสำเร็จทำให้เขาทุ่มเวลามากขึ้นกับเว็บไซต์นี้ จากที่เคยโฟกัสหัวข้อที่หลงใหล กลายเป็นการเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ต้องการ และเขียนเพื่อกระตุ้นให้พวกเขาต้องการอ่านมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมันเริ่มกลายเป็นความเครียด
“เมื่อความชื่อชอบไม่ได้มอบความผ่อนคลาย แต่กลายเป็นความเครียด”
เขาใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงทุกเช้า ในการเขียนบทความก่อนจะเริ่มทำงานประจำ หลังจากเลิกงานเขาจะกลับมาดูแลเว็บไซต์และทำงานบทความต่อเสมอ เขาลงทุนกับเว็บไซต์ไปเป็นจำนวนมาก จนกระทั่ง 2 ปีหลังจากนั้น จำนวนคนที่เข้ามาเยี่ยมชมในเว็บไซต์นี้ก็เริ่มลดลง เหลือประมาณ 200 คนเท่านั้น เขาลองใช้กลยุทธ์มากมายเพื่อให้เว็บไซต์กลับมาอยู่ในเส้นทางเดิม แม้มันจะมีจังหวะที่ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับการเติบโตที่เห็นได้ในช่วงแรกอยู่ดี เขามีรายได้จากเว็บไซต์เหลือเพียงแค่ $50 ต่อเดือนเท่านั้น
“เมื่องานอดิเรกกลายเป็นงาน ก็เป็นเรื่องยากที่จะกลับไปเพลิดเพลินกับมันอีกครั้ง”
Wylde เล่าว่าเขาเสียใจมากที่ทุ่มเทเวลาและความพยายามในการสร้างเว็บไซต์ แต่ผลลัพธ์ในปัจจุบันกลับมีเพียงเล็กน้อยไม่เหมือนในช่วงแรกที่เขาเคยได้รับ นอกเหนือจากการสูญเสียรายได้จากเว็บไซต์แล้ว ผลลัพธ์ที่เขาได้จากการเร่งรีบเปลี่ยนแปลงให้งานอดิเรกกลายเป็นงาน คือเขาสูญเสียสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นความสุข ความตื่นเต้น และจุดที่สบายใจไปแล้ว เขาพบว่าเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะกลับไปเพลิดเพลินกับสัตว์ป่าได้
“งานอดิเรก อยู่ในหมวดหมู่เพื่อความสนุกสนาน พิสูจน์แล้วว่ามีผลกระทบเชิงบวกต่อสุขภาพจิตและร่างกาย”
หากพูดกันด้วยเรื่องของงานอดิเรกแล้ว มันคือกิจกรรมที่ช่วยให้เราได้ผ่อนคลาย ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสุขภาพจิตและร่างกาย ฮอร์โมนและสารสื่อประสาทจะรู้สึกดีที่เราได้ผ่านกิจกรรมบางอย่างที่กระตุ้นความหลงใหลของเราได้ งานวิจัยพบอีกว่างานอดิเรกช่วยลดความเครียดและนำไปสู่ชีวิตที่ยืนยาวขึ้นได้ แต่ด้วยช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจตกต่ำให้คนส่วนใหญ่มองหาเงินเสริมพิเศษมากขึ้น การพึ่งพางานมากกว่าหนึ่งงานเพื่อหาเลี้ยงชีพกลายเป็นเรื่องปกติ และคนก็เลือกที่จะใช้ประโยชน์จากทุกโอกาสในการหารายได้ แม้พนักงานประจำที่ยอมเปลี่ยนงานอดิเรกของตัวเองเพื่อดึงงานอดิเรกมาเป็นรายได้เสริมให้ได้
“ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ มีการให้ความสำคัญกับผู้คนที่เพิ่มรายได้ด้วยงานแปลกๆ”
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทำให้อาชีพเสริมจากงานอดิเรกกลายเป็นงานยอดนิยม ผู้ใหญ่ 1 ใน 3 ของสหรัฐฯ กล่าวว่าพวกเขาต้องการเงินสำหรับค่าครองชีพปกติ ในขณะที่ 27% ใช้เพื่อใช้จ่ายตามดุลย ทำไมไม่ลองหาเงินจากงานอดิเรกที่ทำอยู่ แนวคิดนี้ได้รับแรงผลักดันในช่วงการระบาดของโควิด-19 ตามรายงานการวิจัยปี 2022 โดยธนาคารแห่งประเทศอังกฤษการจดทะเบียนธุรกิจใหม่ในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับปี 2019-2020 ในสหรัฐอเมริกาแอปพลิเคชันทางธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 60% ในปี 2020 และยังคงสูงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทางทฤษฎีนั้นเราสามารถบอกได้ว่าสมาร์ทโฟนทำให้พนักงานพร้อมใช้งานเสมอ และการทำงานระยะไกลก็เริ่มกัดเซาะขอบเขตเวลาการทำงานของพนักงานมากยิ่งขึ้น ในเมื่อโทรศัพท์อยู่ในมืออยู่แล้ว ทำไมไม่พยายามหาเงินจากงานอดิเรกล่ะ?
“ถ้าคุณรักสิ่งที่คุณทำ จะไม่มีวันไหนที่คุณทำงานเลยในชีวิต จริงหรอ?”
ถ้างั้นเราควรจะเปลี่ยนงานอดิเรกทุกอย่างให้กลายเป็นรายได้เสริมได้หรือไม่? ความจริงแล้วงานอดิเรกจะยังมีความสุขได้แม้จะสร้างรายได้ก็ตาม เพียงแต่มันมาพร้อมความกดดันที่แตกต่างกัน หลายอย่างมาจากแง่มุมทางธุรกิจของมัน เช่นเดียวกับงานใดๆ ที่มีความเครียด เมื่อใครสักคนพูดกับคุณว่าถ้าคุณรักในสิ่งที่คุณทำ จะไม่มีวันไหนที่คุณรู้ว่าไปทำงานเลยแม้แต่วันเดียว นี่อาจจะไม่เป็นความจริง ทุกคนรู้ดีว่าแม้จะรักงานที่ทำแค่ไหน แต่วันที่ท้าทายจนความเครียดถาโถมก็ยังคงต้องเจอกันอยู่ดี แต่มันจะไม่ได้รู้สึกเหมือนทำงานเสมอไป ถ้าคุณตั้งใจสร้างพื้นที่และขอบเขตการทำงานเพื่อให้คงความรู้สึกหลงใหลและผ่อนคลายเอาไว้จากงานอดิเรกเหล่านั้น
“คุณอาจไม่มีงานอดิเรกอีกต่อไป เพราะคุณกำลังสร้างรายได้จากมัน”
อะไรก็ตามที่เริ่มโยนเงินลงไปเป็นส่วนผสมมันอาจกลายเป็นเรื่องยากที่จะกลับไปเป็นเพียงเรื่องที่สบายใจและผ่อนคลายได้อีกครั้ง Tang นักจิตวิทยากล่าว่า การเปลี่ยนงานอดิเรกให้กลายเป็นรายได้เสริม เสี่ยงต่อความสุขและผลประโยชน์ที่ควรจะเกิดขึ้นกับสุขภาพของคุณทั้งหมด จากการศึกษายังพบอีกว่าหากไม่มีงานอดิเรกผู้คนมีแนวโน้มที่จะรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับชีวิตและเครียดมากขึ้น เมื่อรายได้เสริมกลายเป็นทางเลือกที่ล่อแหลมทางเศรษฐกิจและสุขภาพจิต แต่กลับเป็นกุญแจที่ช่วยเปิดช่องทางรายได้ ลดความไม่มั่นคงทางการเงินให้กับพนักงานประจำหลายคนได้ อาจดูตัดสินใจยาก แต่ความจริงแล้วคุณไม่จำเป็นต้องเลือกเลย
“สิ่งที่คุณต้องทำคือ หาจุดสมดุล”
แม้การนำตัวเงินเข้ามาปะปนกับงานอดิเรกที่ควรจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยจะมีความเสี่ยงมากมายที่อาจบั่นทอนความสุขที่คุณควรได้รับจากความชื่นชอบและความหลงใหลเหล่านั้น แต่มันกลับเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยด้านการเงินในช่วงเศรษฐกิจขาลงที่ไม่รู้จะขึ้นเมื่อไรอย่างที่โค้ชและหนังสือหลายเล่มแนะนำกัน
ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำไม่ใช่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่รักษาสมดุล สร้างขอบเขตระหว่างงานอดิเรกกับรายได้เสริมให้ดี คุณยังคงสนุกกับงานอดิเรก และไม่บังคับตัวเองให้ทำเพราะต้องการเงิน Wylde มุ่งเน้นไปที่การเขียนเกี่ยวกับเรื่องที่เขาชื่นชอบมากกว่าการไล่ตามความคิดเห็นของผู้คนที่เข้ามาชมเว็บไซต์ของเขา เขารักษาให้งานอดิเรกของเขายังมีชีวิตอยู่และมีรายได้เสริมอย่างไม่กดดัน
บทสรุป
“อวสานงานอดิเรก” เพราะงานอดิเรกตามคำจำกัดความ เป็นกิจกรรมที่ทำเป็นประจำในยามว่างเพื่อความสุข แต่ในช่วงไม่กี่ปีให้หลังนี้ ทุกคนใช้งานอดิเรกไปกับการหาประโยชน์ในรูปแบบของตัวเอง ซึ่งไม่เข้าใกล้คำจำกัดความของมันเสียเท่าไร เมื่อความคาดหวังจากงานอดิเรกเปลี่ยนไป กิจกรรมสนุกๆ ที่เคยทำเพื่อเติมเต็มช่องว่างของเวลาที่มีประสิทธิภาพและเยียวยาจิตใจที่อ่อนล้าจากงานกลับหายไป กลายเป็นช่องว่างที่ถูกเติมเต็มที่ด้วยงานอีกครั้ง
หลายคนประสบความสำเร็จจากการดึงงานอดิเรกมาเป็นงานที่สร้างรายได้เสริมเพื่อเพิ่มฐานรายรับในแต่ละเดือน แม้ว่ารายได้เสริมจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในการสร้างรายได้ในแต่ละเดือนให้เพิ่มขึ้นจริง แต่คุณยังคงต้องการผลกระทบเชิงบวกทางด้านร่างกายและสุขภาพจิตอยู่เช่นกัน คุณไม่สามารถขับเคลื่อนร่างกายของคุณไปได้ด้วยเงินเพียงอย่างเดียว อย่างน้อยร่างกายของคุณก็ไม่เห็นด้วยแน่ หากคุณทำเช่นนั้น ดังนั้นพยายามรักษาขอบเขตให้งานอดิเรกของคุณยังเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ช่วยเยียวยาคุณในวันที่หมดแรงทำงานและสร้างรายได้เสริมโดยที่ไม่กดดันและหรือเผลอเปลี่ยนเส้นทางของงานอดิเรกเหล่านั้นเพื่อตัวเงินเด็ดขาด
“งานอดิเรกทำให้คุณน่าสนใจและรอบรู้ คนที่ขาดงานอดิเรกเป็นเพียงคนที่เอาแต่คุยเรื่องงานในวงกินข้าวตอนพักกลางวันเท่านั้น”
Reference:
บทความแนะนำ:
One Easy Habit – หนึ่งนิสัยง่ายๆ ที่จะทำให้คุณมีความสุขกับงานที่ทำ