สมัครงานไปเยอะ แต่ก็ไม่ได้งานสักที เชื่อว่าคุณหรือคนใกล้ตัวของคุณก็น่าจะเคยประสบปัญหาแบบนี้ แล้วสาเหตุที่แท้จริงเป็นเพราะอะไร? นี่คือ 15 เหตุผลหรือสาเหตุที่เป็นไปได้ที่คุณไม่ได้รับการจ้างงานและเรามีวิธีแก้ไขมานำเสนอให้คุณด้วย
การหางานในยุคที่เศรษฐกิจถดถอยแบบนี้กลายเป็นเรื่องยากเมื่อทรัพยากรมนุษย์มีล้นตลาดผิดกับตำแหน่งงานดีๆ ที่มีน้อยนิด ยิ่งถ้าต้องลบตำแหน่งที่มีระบบเส้นสายออกไป มั่นใจได้เลยว่าตำแหน่งที่เหลืออยู่ต้องมีการแข่งขันที่สูงมากอย่างแน่นอน อาจดูเป็นเรื่องที่น่าท้อใจเป็นอย่างมากที่ต้องพาตัวเองไปสมัครงานยังสถานที่ต่างๆ แล้วกลับถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือต้องพบกับความเงียบกริบแบบที่ไม่ได้รับการตอบรับหลังจากที่สมัครงานไปแล้วหรือหลังจากที่ได้มีการสัมภาษณ์งานไปแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นกลายตัวทำลายความคาดหวังที่ตั้งใจเอาไว้ในทุกๆ ครั้ง
“แทนที่จะก้มหน้าก้าวต่อไป การถอยออกมาหนึ่งก้าวอาจได้ประโยชน์มากกว่า”
ถึงแม้ว่าจะพบกับความผิดหวังมานับครั้งไม่ถ้วน หลายคนก็ยังเลือกที่จะก้มหน้าก้มตาส่งใบสมัครต่อไปและยังคงเดินออกไปสัมภาษณ์งานยังสถานที่ทำงานต่างๆ ด้วยความคิดที่ว่ามันต้องมีสักที่ที่เลือกเรา แต่ความเป็นจริงแล้วคุณอาจจะได้รับประโยชน์มากกว่า หากคุณลองถอยออกมาหนึ่งก้าวและพิจารณาหาสาเหตุดูว่าเพราะอะไร? คุณถึงไม่ได้รับผลลัพธ์ที่คุณต้องการเสียที อะไรคือปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้คุณไม่ได้รับเลือก? การหยุดคิดตอนนี้ อาจจะทำให้คุณประหยัดเวลาในอนาคตได้อีกเยอะเลย
หากคุณเลือกที่จะหยุด และพิจารณาถึงสาเหตุดังกล่าว ต่อไปนี้คือเหตุผล 15 ข้อที่อาจจะทำให้คุณไม่ได้รับการตอบรับในการจ้างงานและเรามีวิธีแก้ไขมานำเสนอ
หากคุณไม่ได้รับการติดต่อกลับในการนัดสัมภาษณ์ นั่นหมายความว่า
1. เรซูเม่หรือจดหมายแนะนำของคุณ ไม่เหมาะกับงาน
หากคุณร่อนใบสมัครไปหลากหลายบริษัท แต่กลับไม่ได้รับการติดต่อกลับมาเลย หรือการติดต่อกลับมามีเพียงหยิบมือ (ตอบกลับมาไม่ถึง 10%) เมื่อเทียบกับใบสมัครที่ส่งไปเป็นจำนวนมาก ผู้ร้ายในเรื่องนี้อาจเป็นประวัติทั่วไปของคุณ หรือ จดหมายแนะนำตัวเองของคุณ หรือ วิธีการนำเสนอตัวเองของคุณให้ตรงกับงาน ก็เป็นไปได้
“คุณควรปรับแต่งใบสมัครของคุณให้เหมาะกับบทบาท หน้าที่ ความรับผิดชอบ ของตำแหน่งงานที่คุณสนใจจะสมัครไป”
นายจ้างกำลังมองหาคนที่ตรงกับลักษณะงานของพวกเขา พวกเขาอาจจะมีผู้สมัครหลายร้อยคนในแต่ละงานที่เปิดรับสมัคร ดังนั้นคุณจึงต้องแน่ใจว่าได้บอกนายจ้างในอนาคตอย่างครบถ้วนถึงความเหมาะสมที่คุณมีต่อตำแหน่ง ผ่านการปรับแต่งประวัติส่วนตัวและจดหมายแนะนำตัวของคุณด้วยการค้นหาสิ่งที่นายจ้างในอนาคตของคุณต้องการ โดยคุณควรปรับแต่งใบสมัครของคุณให้เหมาะกับบทบาท หน้าที่ ความรับผิดชอบ ของตำแหน่งงานที่คุณสนใจจะสมัครไป
2. ประวัติย่อของคุณไม่ได้จัดรูปแบบอย่างถูกต้อง และน่าสนใจ
บางทีคุณอาจต้องทำหลายอย่างเพื่อปรับแต่งเรซูเม่ของคุณ แต่ปรากฎว่าการแจ้งเตือนยังคงเงียบกริบไร้การติดต่อกลับ ใบสมัครของคุณอาจติดอยู่ในระบบติดตามผู้สมัคร และไม่เคยถูกเผยแพร่ให้ใครได้อ่าน หากคุณกำลังสมัครงานผ่านใบสมัครออนไลน์ ประวัติย่อของคุณน่าจะถูกส่งผ่านทางโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สแกนใบสมัคร ติดตามผู้สมัคร และโดยทั่วไปแล้วจะช่วยให้ผู้สรรหาและผู้จัดการการจ้างงานจัดการการค้นหาในฝั่งของพวกเขา ผู้เชี่ยวชาญด้านการจ้างงานยังสามารถใช้โปรแกรมเหล่านี้เพื่อค้นหาเรซูเม่ที่มีคำหลักที่เกี่ยวข้องกับงานที่กำหนดได้อีกด้วย
เพื่อให้แน่ใจว่าโปรแกรมเหล่านี้ สามารถอ่านเรซูเม่ของคุณอย่างถูกต้อง คุณจำเป็นต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- อย่าจัดรูปแบบให้หรูหราเกินไป หลีกเลี่ยงตาราง กราฟิก และคอลัมน์ที่ไม่จำเป็น
- รวบรวมคำที่เกี่ยวกับบทบาทที่คุณต้องการสมัครเอาไว้ นายหน้าและผู้จัดการที่ดูแลในการสรรหาบุคคลากรมักจะใช้คำโดยตรงจากรายละเอียดงานเพื่อค้นหา
- สแกนคำอธิบายงานเพื่อหาทักษะและประสบการณ์ที่พวกเขากำลังมองหาจากนั้นเลือกสิ่งที่คุณมี และรวมไว้ในเรซูเม่ของคุณโดยใช้ภาษาเดียวกัน
- ตั้งชื่อหัวข้อเป็นคำที่ใช้โดยมาตรฐาน เช่น ประสบการณ์ และการศึกษา
3. คุณกำลังสมัครงานที่ไม่ถูกต้อง
ดูรายละเอียดงานและถามตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่าคุณมีทักษะที่จำเป็นในการทำงานหรือไม่? คุณไม่มีคุณสมบัติตำกว่าเกณฑ์สำหรับบทบาทที่คุณกำหนดเป้าหมายใช่หรือเปล่า? สิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำคือซื่อสัตย์ว่าคุณไม่ได้เขียนคุณสมบัติเกินจริง บริษัทยังลังเลที่จะจ้างคนที่มีประสบการณ์สูงสำหรับบทบาทระดับเริ่มต้น เพราะฉะนั้นคุณจะต้องแน่ใจว่าบทบาทที่คุณเลือก จะทำให้คุณสนใจและท้าทายคุณได้มากพอ เพราะหากคุณเกิดเบื่อหรือหมดไฟขึ้นมา บริษัทก็จำเป็นต้องรับสมัครพนักงานใหม่อีกครั้ง ทำให้แน่ใจว่าคุณกำหนดเป้าหมายงานที่เหมาะสมสำหรับความต้องการของคุณ
4. คุณสมัครงานไม่เพียงพอ
อาจเป็นเรื่องปกติที่คุณจะจู้จี้เป็นพิเศษกับบทบาทที่คุณกำลังพิจารณา แต่ถ้าคุณสมัครงานไปเพียงแค่ไม่กี่ที่ โปรดรู้ไว้เลยว่าการหางานใหม่ของคุณจะกินเวลานานอย่างแน่นอน เพราะในการหางาน มีการแข่งขันเสมอ ใครๆ ก็อยากได้งานที่ดี ด้วยกันทั้งนั้น และงานดีๆ ก็ไม่ได้มีจำนวนเยอะเสียด้วย ดังนั้นไม่เพียงแค่คุณต้องทำการบ้านในการสมัครงานให้ดี ให้ละเอียดถี่ถ้วนในแต่ละที่ คุณต้องเพิ่มโอกาสที่จะได้งานใหม่ด้วยการเพิ่มจำนวนในการสมัครงานด้วย
5. คุณไม่ได้บอกคนอื่นเกี่ยวกับการหางานของคุณ
คุณอาจรู้อยู่แล้วว่าควรจะสร้างคอนเนคชันเมื่อกำลังหางาน อาจจะเป็นคนรู้จักในบริษัทที่ต้องการ หรือคู่ค้าของบริษัทที่คุณต้องการร่วมงานด้วย ให้ลองสมัครโดยอ้างอิงหรืออย่างน้อยก็ใช้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวกับ Connection เหล่านั้น ลองแสดงมันลงในประวัติส่วนตัวดู คุณควรเผยแพร่การค้นหาของคุณให้กว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การขอความช่วยเหลือจากคนที่คุณรู้จักโดยตรงก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน
หากคุณได้สัมภาษณ์เบื้องต้นทางโทรศัพท์ แต่กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ ต่อจากนั้นเลย
6. คุณไม่ได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการสัมภาษณ์เบื้องต้นทางโทรศัพท์
การสัมภาษณ์เบื้องต้นทางโทรศัพท์อาจทำให้คุณรู้สึกถึงความไม่เป็นทางการ เราอาจเรียกมันได้ว่าการพูดคุยแบบเร่งด่วน แต่อย่านิ่งนอนใจไป ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการคุยโทรศัพท์ แต่ก็เป็นการพูดคุยที่เรียกได้ว่าเป็นการสัมภาษณ์เช่นกัน และคุณเองก็ต้องเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์รูปแบบนี้ด้วย คุณควรทำการบ้านด้วยการหาข้อมูลบริษัท คิดตัวเลขไว้ในหัวสำหรับจำนวนเงินที่อยากได้ อะไรที่เป็นไปได้และไม่ได้สำหรับคุณ อย่างน้อยที่สุด การเตรียมการเสนอขายและความคาดหวังด้านเงินเดือนของคุณให้พร้อมตลอดเวลาจะช่วยให้คุณสามารถเข้ารอบลึกๆ ในการหางานครั้งนี้ก็ได้
7. คุณอาจจะยังไม่รู้จักบริษัทที่สมัครงานไปดีพอ
สิ่งหนึ่งที่นายจ้างประเมินก่อนที่จะยื่นข้อเสนอคือ โอกาสที่คุณจะยอมรับข้อเสนอนั้น และวิธีที่ดีในการแสดงว่าคุณน่าจะยอมรับก็คือการแสดงความสนใจในบริษัท คุณจะแสดงความสนใจอย่างไรนอกเหนือจากการพูดว่าคุณตื่นเต้นกับโอกาสนี้ โดยมากการรู้เกี่ยวกับพวกเขา คุณควรเตรียมการพูดคุยเกี่ยวกับบทบาทและองค์กรที่คุณสนใจจะร่วมงานด้วยเพื่อแสดงออกถึงความสนใจของคุณ
8. คุณยังไม่ได้เตรียมคำตอบที่ดีพอสำหรับคำถามสัมภาษณ์ทั่วไป
คุณควรดูคำถามสัมภาษณ์ทั่วไปและฝึกฝนวิธีตอบคำถามเหล่านั้น การลองซ้อมด้วยการพูดคำตอบที่คุณต้องการออกมาดังๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมตัว การซ้อมแบบนี้จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการโต้ตอบของคุณอย่างรวดเร็ว หากคุณสามารถหาใครสักคนมา role play เป็นบทบาทสมมุติสัมภาษณ์กับคุณและให้คำติชมเกี่ยวกับจุดแข็ง จุดอ่อน หรือ จุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ก็ยิ่งดีเข้าไปอีก อย่าพยายามท่องจำคำตอบเพราะคุณคงไม่ได้อยากพูดเหมือนหุ่นยนต์ขณะสัมภาษณ์ คำตอบของคุณอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามบริษัทที่คุณสมัครไปและสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา ดังนั้นจงฝึกตอบคำถามทุกครั้งที่คุณได้รับเชิญให้ไปสัมภาษณ์กับบริษัทใหม่ คุณต้องเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์แต่ละครั้ง ไม่ใช่แค่การสัมภาษณ์ทั่วไป
9. คุณให้ความสำคัญกับการเตรียมคำตอบในการสัมภาษณ์มากเกินไป และละเลยทักษะการสัมภาษณ์อื่นๆ
คุณคงไม่ได้อยากเป็นคนที่ลืมทักทาย หรือ เป็นพวกถามคำตอบคำกับผู้สัมภาษณ์ คุณต้องนึกถึงทักษะอื่นๆ ที่จำเป็นในการสัมภาษณ์ด้วย เช่น การเล่าเรื่อง การฟังอย่างตั้งใจ การสบตาและภาษากายอื่นๆ ซึ่งการเอาใจใส่ และการพูดคุยเล็กน้อยเหล่านี้ ถือเป็นความสามารถที่เราปรับปรุงได้ด้วยการตระหนักว่าคุณต้องใส่ใจและฝึกฝนกับมัน ดังนั้นหากคุณได้อ่านมาถึงตรงนี้และยอมรับว่า คุณพลาดมาหลายอย่างจริงๆ คุณก็มาถึงครึ่งทางแล้ว และ พร้อมที่จะแก้ไขเพื่อให้มีโอกาสในการได้งานใหม่ง่ายขึ้นแล้ว
10. คุณไม่ผ่านการสัมภาษณ์ทางเทคนิค
การสัมภาษณ์เบื้องต้นของคุณอาจเป็นทางการมากขึ้นด้วยการทดสอบทางเทคนิค โดยเฉพาะการสมัครงานในตำแหน่งที่ต้องมีการทดสอบความสามารถ เช่น งานด้านโฆษรา อาจจะต้องเจอกับการเขียนคำโฆษณา หรือ งานด้านคอมพิวเตอร์ ก็อาจจะเจอกับคำถามเกี่ยวกับการเขียนโค้ดที่ส่งมาระหว่างการสัมภาษณ์รอบแรกท่ามกลางการประเมินอื่นๆ กล่าวอีกนัยหนึ่ง นั่นคือสิ่งใดก็ตามที่ประเมินความสามารถด้านเทคนิคของคุณในการทำงาน ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องเตรียมตัวให้ดีพอ โดยทั่วไปแล้วการทดสอบทักษะไม่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างไร้ที่ติ แต่ถ้าคุณประสบปัญหากับการประเมินทางเทคนิคทุกครั้งที่คุณสัมภาษณ์งานกับบริษัทใหม่ คุณอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการเรียนรู้โดยอย่าใช้ทางลัด คุณควรเริ่มต้นค้นหาหนังสือหรือหลักสูตรที่เกี่ยวข้องและศึกษามัน และต้องแน่ใจว่าคุณไม่ได้ทำข้อผิดพลาดทั่วไปที่คุณสามารถแก้ไขได้ง่ายๆ หากคุณยังคงล้มเหลวกับเรื่องเดิมๆ เหล่านี้อยู่ คุณอาจจะต้องประเมินว่าคุณสมัครงานผิดประเภทหรือไม่? คุณอาจจะจำเป็นต้องได้รับประสบการณ์เชิงปฏิบัติมากขึ้นเกี่ยวกับทักษะเหล่านี้ในตำแหน่งระดับล่างก่อนที่จะเริ่มสมัครงานใหม่อีกครั้ง
หากคุณได้รับการสัมภาษณ์หลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้รับข้อเสนอให้ไปร่วมงานเลย
11. คุณมีทักษะ แต่ไม่มีเรื่องราวที่น่าสนใจ
คุณอาจเป็นผู้สมัครที่มีทักษะที่เหมาะสมกับงาน คุณผ่านการคัดเลือกและสัมภาษณ์ล่วงหน้า แต่ยังไม่มีข้อเสนอใดๆ เข้ามาหลังจากนั้นเลน มันเกิดอะไรขึ้น? สถานการณ์นี้อาจหมายถึงคุณไม่มีเรื่องราวที่ถูกต้อง ในการสัมภาษณ์ คุณต้องระบุเหตุผลว่าเหตุใดงานจึงเหมาะสมในฐานะที่จะเป็นงานที่เป็นก้าวต่อไปในอาชีพการงานของคุณ งานนี้สอดคล้องกับเรื่องราวของการพัฒนาวิชาชีพของคุณอย่างไร? คุณสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้โดยตรงในการตอบกลับกับคำถามยอดนิยมที่ว่า “บอกฉันเกี่ยวกับตัวคุณ” หรือ “ทำไมจึงมีบทบาทนี้” และสานต่อตลอดการสัมภาษณ์งานได้
12. คุณกำลังถอยออกมาเล็กน้อยเพื่อแข็งแกร่ง
เป็นเรื่องดีที่จะตื่นเต้นกับโอกาสในการทำงาน แต่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากเกินไป ดังนั้นการแสดงความสนใจของคุณด้วยการต้องมีความรู้มากมายเกี่ยวกับบริษัทและต้องการการแบ่งปันข้อมูลเหล่านั้น เช่น อย่ามาสัมภาษณ์ก่อนเวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมง หรือ อย่ารออย่างงุ่มง่ามในล็อบบี้ และ อย่าทำให้ทุกคนรู้สึกแย่ว่าพวกเขายังไม่พร้อมสำหรับคุณ อย่าเขียนข้อความขอบคุณถึงผู้สัมภาษณ์ของคุณและใส่รายละเอียดจากการสนทนา อย่าโทรหาทุกวันเพื่อดูว่ามีการอัปเดตเกี่ยวกับบทบาทหรือไม่ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณดูเหมือนเป็นคนน่ารำคาญในสายตาของผู้สัมภาษณ์ หรือ คนที่คัดเลือกคนเข้าทำงานได้
13. คุณยังไม่โดดเด่นมากพอ
คุณไม่ต้องการเป็นที่จดจำด้วยเหตุผลผิดๆ ดังนั้นเพื่อให้คุณโดดเด่นในทางที่ถูกต้อง คุณต้องพร้อมที่จะแสดงให้เห็นว่าคุณมีความหลงใหลเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับงาน คุณยังสามารถแสดงความหลงใหลที่ไม่เกี่ยวข้องแต่น่าสนใจได้เช่นกัน เช่น การทำขนมปังหรือการขี่จักรยาน ค้นหาสิ่งที่คุณสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความเอร็ดอร่อย จากนั้นเพิ่มชัยชนะด้วยการบอกเล่าถึงความสำเร็จที่คุณภาคภูมิใจเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ
14. คุณเป็นคนคิดลบมากเกินไป
โดยทั่วไปแล้วผู้สัมภาษณ์มักจะชอบผู้สมัครที่คิดบวกและไม่ได้มองว่าแย่ที่สุดในทุกสิ่งเสมอไป เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่ต้องการทำงานกับคนที่มีทัศนคติลบมากเกินไป ให้ระวังวิธีการใช้คำพูดของคุณ เป็นเรื่องง่ายที่จะคิดลบเกินไปโดยไม่ตั้งใจและชี้ให้เห็นปัญหาทั้งหมดที่คุณเห็น อย่าลืมว่าคุณไม่ได้ทำให้ใครขุ่นเคืองใจ มุ่งเน้นการแก้ปัญหาแทนที่จะมุ่งเน้นไปที่ปัญหาเท่านั้น
15. คุณไม่ได้เตรียมการถึงบุคคลอ้างอิงของคุณ
หากกบุคคลที่คุณใช้ในการอ้างอิงของคุณ พูดถึงสิ่งที่แตกต่างจากที่คุณพูดในการสัมภาษณ์อย่างสิ้นเชิง นั่นอาจเป็นธงสีแดงขนาดใหญ่สำหรับผู้จัดการการจ้างงาน เพื่อหลีกเลี่ยงการที่บุคคลที่คุณใช้ในการอ้างอิงในการสมัครงานให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกับคุณโดยไม่ตั้งใจ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณแจ้งพวกเขาล่วงหน้าเพียงพอว่าอาจจะมีสายเรียกเข้าจากบริษัทที่คุณไปสัมภาษณ์งานมา คุณควรบอกให้พวกเขารู้ว่าคุณสมัครตำแหน่งอะไร และทำไมคุณถึงคิดว่าคุณเหมาะสม การส่งเรซูเม่และจดหมายแนะนำตัวที่เหมาะกับคุณก็มีประโยชน์เช่นกัน คุณต้องแน่ใจว่าเรื่องราวของพวกเขาและเรื่องราวของคุณสอดคล้องกัน
บทสรุป
บางครั้งคุณอาจถามตัวเองบ่อยๆ ว่า สมัครงานไปเยอะ แต่ก็ไม่ได้งานสักที?
ทั้งที่คุณเองก็พยายามที่จะหางาน สมัครงาน หรือออกเดินทางไปสัมภาษณ์ ความพยายามของคุณอาจไม่ใช่สิ่งที่ผิด ทิศทางที่คุณทุ่มความพยายามเหล่านั้นต่างหากที่อาจจะผิดไป ขอให้คุณหยุดก่อน และรอพิจารณาดูสักนิดว่าทิศทางที่คุณกำลังทุ่มเทไปนั้นถูกต้องหรือไม่? และสาเหตุที่ทำให้คุณไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ต้องการคืออะไร?
เพราะฉะนั้นอาจถึงเวลาหยุดและค้นหาสาเหตุเหล่านั้นเพื่อแก้ไข และทุ่มความพยายามไปให้ถูกทาง ลองย้อนกลับไปที่ประวัตส่วนตัวของคุณ เรซูเม่ หรือจดหมายแนะนำตัว เอกสารต่างๆ ของคุณน่าสนใจพอแล้วหรือยัง ตัวคุณเองมีเรื่องเล่าที่โดดเด่นพอจะให้ผู้สัมภาษณ์จดจำได้หรือไม่? และตอนนี้ทักษะของคุณพร้อมแล้วหรือยังกับการสัมภาษณ์ในหลากหลายรูปแบบตามที่นายจ้างในอนาคตของคุณต้องการ คุณควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทางไปพยายามอีกครั้งเพื่อเป็นการการันตีว่าครั้งนี้ความพยายามของคุณจะไม่นำมาซึ่งการปฏิเสธด้วยความเงียบเหมือนครั้งที่ผ่านมา
Reference:
Here Are 15 Possible Reasons You’re Not Getting Hired—and How to Fix Them