One Easy Habit – หนึ่งนิสัยง่ายๆ แบบไหนและต้องเป็นอย่างไร ที่จะช่วยทำให้คุณมีความสุขกับงานที่ทำ? มาหาคำตอบกันได้กับบทความนี้
หนึ่งในนิทานที่คุณอาจเคยอาจได้ฟังตอนเป็นเด็ก หรือ ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งแรกเลยก็ได้ที่ได้อ่านสำหรับบางคน นิทานเรื่องนี้อาจจะทำให้คุณได้อะไรบางอย่างกลับไป พร้อมกับมุมมองใหม่ๆ ที่อาจจะทำให้คุณอยากเปลี่ยนงาน หรือ ตั้งใจทำงานเดิมมากขึ้น หรือ มองเห็นงานเดิมในมุมใหม่ที่คุณอาจจะไม่เคยคิดมาก่อน
นิทานเรื่องนี้เกี่ยวกับนักเดินทางและอิฐสามชั้น โดยเรื่องราวเริ่มต้นจากการที่นักเดินทางคนหนึ่งออกเดินทางไกล และเขาได้พบกับช่างก่ออิฐ 3 คนระหว่างทาง ซึ่งช่างก่ออิฐทั้ง 3 คนนั้นทำงานหนักมากในการพยายามบรรจงก่อร่างวางอิฐทีละก้อน นักเดินทางเดินเข้าไปหาพวกเขาพร้อมกับถามพวกเขาว่ากำลังทำอะไรอยู่ ชายคนแรกตอบว่า “ฉันกำลังวางอิฐอยู่” ชายคนที่ 2 ตอบว่า “ฉันกำลังสร้างโบสถ์” และชายคนสุดท้ายตอบว่า “ฉันกำลังสร้างมหาวิหารอยู่!”
แม้ว่าช่างก่ออิฐแต่ละคนจะมีงานเหมือนกัน แต่แรงบันดาลใจในการทำงานและประสบการณ์ของพวกเขาแตกต่างกันมากอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่น่าสนใจจากนิทานนี้คือ คุณจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนของการรวมสิ่งที่ทำอยู่เข้ากับความรู้สึกมีส่วนร่วมของผู้ทำ ซึ่งการตระหนักว่าอิฐแต่ละก้อนที่กำลังวางอยู่นั้นเป็นส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้น ทำให้ช่างก่ออิฐรู้สึกถึงความสุขและการเติมเต็มที่มากกว่าคนที่มองว่าเป็นแค่งานก่ออิฐเฉยๆ
“เหตุผลว่าทำไม อยู่เบื้องหลังนิทานเรื่องนี้”
คุณจะเห็นได้ชัดมากว่าช่างก่ออิฐคนสุดท้าย มีความกระตือรือร้นในการทำงานมาก เพราะสำหรับเขา เขาไม่ได้หยิบอิฐทีละก้อนแล้ววางมันลงเฉยๆ แต่เขามีภาพมหาวิหารในหัวและก้อนอิฐแต่ละก้อนคือ การปะติปะต่อมหาวิหารในหัวของเขาขึ้นทีละเล็กทีละน้อย เราเองก็เช่นกันเราก็สามารถค้นหาความหมายในงานของเราได้โดยมีคำว่า “ทำไม” เป็นเบื้องหลังความกระตือรือร้นในการทำงานนี้ สิ่งที่เรากำลังทำอยู่จะชัดเจนขึ้นมาในความรู้สึก เมื่อคุณเชื่อว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นคือสิ่งสำคัญ
“พนักงานพึงพอใจในงานที่ทำมากขึ้น เมื่อพวกเขารู้สึกได้รับความสำคัญ”
การสํารวจล่าสุดของผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกันกว่า 2,000 คนใน 26 อุตสาหกรรมพบว่าพนักงานมีความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น เมื่อพวกเขารู้สึกว่างานที่ทำอยู่นั้นมีความหมาย มีคุณค่า และมีคนให้ค่าผลลัพธ์ของงาน การสำรวจเดียวกันนี้ยังพบอีกว่าการขึ้นเงินเดือนและการเลื่อนตำแหน่งเป็นเรื่องปกติในหมู่พนักงานที่ค้นพบความหมายของงานตัวเอง นอกจากนี้พวกเขายังมีแนวโน้มที่จะทำงานหนักขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
“นิสัยที่มีความหมาย”
การค้นหาจุดประสงค์ในการทำงานของเราในทุกวันจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้สำหรับอาชีพเรา แต่การรู้ความหมายของสิ่งที่ทำและนำไปใช้จริงเป็นสิ่งที่แตกต่างกัน หากอธิบายให้เข้าใจได้โดยง่ายคือ แม้ว่าคุณจะรู้ข้อดีของการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะตื่นมาออกกำลังกายทุกวันตอนเช้าได้ เพราะฉะนั้นการสร้างนิสัยแบบนี้จึงสามารถเรียกได้ว่า “นิสัยที่มีความหมาย” ตัวช่วยง่ายๆ ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้จริงคือ ก่อนเริ่มงานใหม่อะไรก็ตาม ให้ใช้เวลากับตัวเองเพียงชั่วครู แล้วถามตัวเองว่า “ทำไมถึงเลือกทำงานนี้ งานนี้มีความหมายอะไรกับตัวฉัน”
“สร้างความหมายในงาน สร้างแรงจูงใจในการทำ”
Brendon Burchard ผู้เขียน High Performance Habits: How Extraordinary People Become That Way ได้แบ่งปันแนวปฏิบัติที่คล้ายกันที่เรียกว่า “Release Tension and Set Intention” ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เราพบในตลอดทั้งวัน เริ่มตั้งแต่การรับประทานอาหารเช้าไปจนถึงการบันทึกการเข้าร่วมประชุมทางโทรศัพท์ หรือ การส่ง email ต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสในการปลดปล่อยความตึงเครียดใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นหรือที่คุณเผลอเก็บมันไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ การสร้างนิสัยที่มีความหมายนี้อาจใช้เวลาสักครู่ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสักวันหนึ่ง แต่ยิ่งเราเพิ่มความหมายในนิสัยหรือการกระทำเหล่านั้นไปได้มากเท่าไร เราก็จะทำให้ตัวเองมีแรงจูงใจมากขึ้นในการทำมันให้เสร็จมากเท่านั้น
“ไม่ต้องเปลี่ยนโลก แค่ต้องให้ความรู้สึกเชิงบวกแก่คุณก็พอ”
ความหมายในแต่ละนิสัยอาจมีความสำคัญในการต่อยอดสิ่งที่คุณช่วยหรือการพัฒนาตัวเองไปสู่เป้าหมายที่คุณวางไว้ แต่จำไว้ว่าในการมองหาความหมายของการกระทำหรือนิสัยที่คุณมี ไม่จำเป็นว่าการกระทำนั้นจะต้องเปลี่ยนโลก สร้างสันติภาพ หรือสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง ความหมายที่คุณได้เป็นเพียงแค่พลังเชิงบวกที่คุณได้รับเมื่อทำมัน อาจจะเป็นรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย หรือความรู้สึกพึงพอใจเมื่องานลุล่วง
ในบางครั้งงานที่คุณต้องพบเจออาจจะเป็นงานที่น่าเบื่อเป็นอย่างมาก ความจริงที่ต้องพบคือ บางงานที่รับมอบหมายนั้นไม่สามารถหาความหมายทางจิตใจได้เลย เป็นเพียงการทำเพราะเจ้านายสั่ง หรือเจ้านายคุณจะมีความสุขอย่างแน่นอนที่คุณทำงานน่าเบื่อนี้เสร็จสิ้นลงได้ ให้คุณลองคิดว่าคุณต้องทำเพื่อรักษางาน เพื่อหาเงินให้ครอบครัว เพื่อตำแหน่งที่ดีขึ้นในอนาคต หรือ เพื่อให้เจ้านายชอบคุณมากกว่าคนอื่นสักนิดหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีการมองหาความหมายจากงานที่ทำในรูปแบบอื่นๆ อีก ยกตัวอย่างเช่น ทำไมฉันถึงต้องทำงานนำเสนอนี้ให้ดี คำตอบคือ เพื่อช่วยให้ได้รับการสนับสนุนมากขึ้นในโครงการที่รับผิดชอบอยู่ หรือ ทำไมฉันจึงต้องตรวจสอบ Email ที่ถูกส่งเข้ามาของฉันอยู่เสมอด้วย คำตอบคือเพื่อลดความเครียดในการทำงานและรู้สึกว่าปลดทุกอย่างให้เบาลงก่อนที่จะกลับบ้านได้อย่างสบายใจ หรือ ทำไมฉันต้องทำบันทึกประจำวันนี้ด้วย คำตอบคือ เพื่อติดตามว่างานของทีมไปในทิศทางที่ดีขึ้นหรือไม่เมื่อมองย้อนกลับมา
บทสรุป
ถึงแม้ว่าบางครั้งงานของเราจะไม่ได้สร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมอย่างมหาวิหารของช่างก่ออิฐ แต่ก็ยังมีความหมายมากมายที่เราสามารถหาได้จากการตั้งคำถามกับตัวเองด้วยคำว่า “ทำไม”
บางครั้งผลลัพธ์ที่คุณได้อาจเป็นการก้าวย่างไปสู่บางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่า อาจเป็นโอกาสที่มาในรูปแบบของต้นแบบให้กับคนอื่น หรือ อาจจะเป็นทางออกที่สร้างสรรค์ที่คนอื่นกำลังเฝ้ารอผลลัพธ์นี้อยู่ก็ได้ เหตุผลทั้งที่คุณจะนำมาเติมเต็มช่องว่างของการสร้างการกระทำหรือนิสัยที่มีความหมายกับคุณ ไม่มีเหตุผลใดที่ไม่ดีตราบใดที่เหตุผลเหล่านั้นสร้างความรู้สึกเชิงบวกกับคุณและมีความหมายกับคุณ
“สุดท้ายแล้วทุกการกระทำของเราล้วนสร้างความหมายทั้งสิ้น อยู่ที่มุมที่คุณเลือกมอง ว่ามุมนั้นคุณเห็นความหมายของมันหรือไม่”
Reference:
This One Easy Habit Will Make You Better (and Happier) at Work
บทความแนะนำ:
วิธีค้นหาความหมายในงานของคุณ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ชอบหรือรักในงานนี้ก็ตาม
หางานอดิเรกที่คุณรัก เพราะมันดีต่อชีวิตและอาชีพของคุณ