เพื่อนร่วมงานแย่ๆ สามารถทำให้พนักงานดีๆ ลาออกได้เช่นกัน หากเราต้องมาเจอกับ เพื่อนร่วมงานแย่ๆ เราจะรับมืออย่างไร? มาหาคำตอบได้กับบทความนี้ได้เลย
หากคุณไม่ได้ทำงานคนเดียวอยู่ที่บ้าน หรือ ไม่ได้ทำงานแล้วมีเงินเข้าบัญชีได้โดยในงานนั้นๆ เริ่มต้นและจบที่คุณ ก็หมายความว่า คุณก็ต้องเคยมีเรื่องราวเกี่ยวกับการมีเพื่อนร่วมงานที่ทำให้คุณทำงานยากลำบากอย่างแน่นอน อาทิเช่น เพื่อนบางคนที่ไม่เคยมาตรงเวลา เพื่อนที่ยืมปากกา หรือ ยืมของอื่นๆ ไปแล้วไม่ยอมมาคืน หรือ เพื่อนที่มีพฤติกรรมหยาบคายใส่คุณเป็นประจำ แม้บางพฤติกรรมจะเป็นสิ่งที่คุณบอกว่าทนได้ แต่ถ้ามันกลายเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นประจำจน ซึ่งพฤติกรรมแย่ๆ เหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณควรจะต้องมาทนใช่ไหม?
“เพื่อนร่วมงานสามารถเป็นสาเหตุให้พนักงานคนหนึ่งลาออกได้”
จากงานวิจัยทำให้เราพบว่าเพื่อนร่วมงานที่ร้ายกาจสามารถชักนำให้คุณลาออกจากบริษัทได้ หรือ ยิ่งกว่านั้นคือความร้ายกาจของพวกเขาจะผลักคุณออกจากบริษัทได้โดยที่เขายังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเดิมแบบเฉยๆ ได้เลย ดังนั้นไม่ใช่แค่งานที่คุณต้องรับมือในแต่ละวันในที่ทำงานเท่านั้น แต่เพื่อนร่วมงานก็เป็นอีกหนึ่งความน่าหนักใจที่คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อม ในการจัดการความสัมพันธ์ให้อยู่ในกรอบของความสงบ โปรดจำไว้ว่าการระเบิดอารมณ์หงุดหงิดและแสดงความโกรธเกรี้ยวไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น มีแต่จะส่งผลเสียต่ออาชีพการงานของคุณด้วยซ้ำ
ทำไมคุณต้องรู้วิธีการจัดการกับ เพื่อนร่วมงานแย่ๆ เหล่านี้
การรู้วิธีจัดการกับเพื่อนร่วมงานแย่ๆ ที่เข้าใจยากและอาจพลิกบทบาทกลายเป็นคนที่ร้ายกาจกับคุณ ถือเป็นทักษะในชีวิตที่สำคัญ แม้คุณอาจจะรู้สึกชอบคนที่ทำงานของคุณหลายคน แต่ทักษะนี้จะช่วยทำให้คุณเอาตัวรอดได้จากสถานการณ์ยากลำบากที่บางทีคุณอาจจะคาดไม่ถึงว่ามันจะเกิดขึ้น
“ทักษะการรับมือกับเพื่อนร่วมงานแย่ๆ ถือเป็นอาวุธติดตัว”
ทักษะการจัดการความขัดแย้งเป็นเหมือนการบอกให้คุณพกอาวุธเอาไว้โดยไม่ได้บอกให้คุณใช้มันในทันที แต่ให้หยิบมันออกมาใช้เมื่อจำเป็นหรือใช้มันอย่างชาญฉลาด และคุณต้องไม่ใช้มันในการทำร้ายคนอื่นด้วยเช่นกัน เมื่อคุณเริ่มเรียนรู้ที่จะยอมรับหรือเผชิญหน้ากับพฤติกรรมของคนรอบตัว คุณจะเรียนรู้ที่จะสนใจตัวเองและคนที่ดีกับคุณมากขึ้น
“ตรวจสอบความรู้สึกของตัวเองสักครู่”
ก่อนที่จะเสี่ยงเอาตัวเองเข้าไปสู่ความขัดแย้ง ให้คุณลองใช้เวลาสักครู่เพื่อตรวจสอบความรู้สึกของคุณที่มีต่อคนที่กำลังรบกวนคุณ ลองตั้งคำถามว่าทำไมเขาถึงสามารถทำให้คุณรู้สึกแย่ รบกวนจิตใจ หรือเป็นต้นเหตุของอารมณ์ทางด้านลบให้กับคุณได้มากขนาดนี้ โดยปกติแล้วคนเรามักจะไม่ชอบคนที่ทำให้เรานึกถึงคนที่สร้างปมให้เราในอดีตหรือเหมือนเราในเวอร์ชั่นที่ตัวเราเองนั้นไม่ชอบเสียเท่าไร หากคุณตอบคำถามได้ว่าทำไมคนรอบตัวคุณถึงกลายเป็นสาเหตุของความรู้สึกลบที่เกิดขึ้น คำตอบนั้นอาจจะเพียงพอให้คุณได้คลายความคับข้องใจที่เกิดขึ้นได้โดยที่ไม่ต้องโยนตัวเองใส่ความขัดแย้งใดเลย
ประเภทของเพื่อนร่วมงานแย่ๆ
มีวิธีการที่สร้างสรรค์และกลยุทธ์มากมายที่จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจยากเหล่านั้นได้ แต่คุณต้องจัดกลุ่มพวกเขาให้ได้เสียก่อนว่าพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงานประเภทไหนสำหรับคุณ
1. พวกเฉื่อยชา
เพื่อนร่วมงานประเภทนี้จะถือว่าเป็นคนขี้เกียจ พวกเขามาเพื่อทำงานให้เสร็จลุล่วงไปโดยไม่ได้สนใจคุณภาพหรือคำชื่นชมใด พวกเขาจะเป็นพนักงานประเภทที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด เพราะพวกเขามักทำงานช้า แม้จะเสร็จตรงตามเวลาได้ แต่กลับไม่มีความกระตือรือร้นในการทำให้ดีกว่าเดิมหรือเร็วกว่าเดิมได้ และพวกเขาจะหงุดหงิดมากเป็นพิเศษหากงานทุกอย่างของคุณขึ้นอยู่กับพวกเขา
2. พวกขี้บ่น
เราทุกคนต้องพ่นลมออกมาในบางครั้งที่เหนื่อยไม่ว่าจะทางกายหรือใจก็ตาม แต่คุณอาจจะต้องพ่นลมหายใจออกมาเพิ่มเมื่อเพื่อนร่วมงานของคุณไม่เคยหยุดบ่น เพื่อนร่วมงานประเภทนี้มักหมกมุ่นอยู่กับปัญหาเดิมๆโดยที่ไม่ได้พยายามหาวิธีแก้ไข ช่วงแรกคุณอาจจะคิดว่ามันไม่ได้หนักหนาสาหัสแต่อย่างไร แต่เมื่อคุณต้องมาเจอกับเพื่อนขี้บ่นแบบนี้จนมันกลายเป็นกิจวัตร คุณจะเริ่มปฏิเสธเพื่อนร่วมงานคนนี้ และคุณอาจจะทนไม่ไหวเมื่อคุณกลายเป็นเรื่องที่เขากำลังบ่น
3. พวกที่ต้องการเป็นศูนย์กลางของความสนใจ
แม้หลายคนจะบอกว่าไม่ชอบการเป็นจุดสนใจ แต่กับบางคนพวกเขาชอบที่จะได้เป็นดาวในที่ทำงาน พวกเขาจะพยายามทำตัวเป็นจุดสนใจและพยายามทำตัวให้โดดเด่นที่สุด แต่สิ่งที่แย่ก็คือพวกเขาไม่ได้พยายามโดดเด่นด้วยการทำงาน แต่พวกเขาพยายามทำอย่างอื่นที่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ กับใคร หรือการทำงานเลย โดยปกติแล้วพฤติกรรมแบบนี้จะถูกทำเพื่อปกปิดความไม่มั่นใจ หรือ ไม่มั่นคงภายในจิตใจของพวกเขาเอาไว้
4. พวกที่เป็นคนเก่งรอบด้าน
คุณอาจมีเพื่อนร่วมงานหรือสมาชิกในทีมที่ทำตัวเหมือนนักปราชญ์ พวกเขาทำเหมือนรู้ทุกอย่าง คิดว่าตัวเองเป็นผู้รู้รอบด้าน พวกเขามักพูดเสียงดังในที่ประชุมเสมอ ยึดความคิดของตัวเองเป็นใหญ่โดยไม่ยอมรับคำวิจารณ์ของผู้อื่น และตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ด้วยความประมาทเสมอเพราะคิดว่าตัวเองรู้และเข้าใจหมดแล้ว สิ่งที่แย่ที่สุดคือคนเหล่านี้มีงานอดิเรกที่ชอบควบคุมความคิดของคนอื่นๆ เสียด้วย
5. พวกชอบซุบซิบนินทา
มีเรื่องซุบซิบหรือการนินทากันมากมายในที่ทำงาน อย่างที่โบราณเขาว่าเอาไว้ว่าไม่มีใครไม่เคยถูกนินทา แต่บางครั้งเรื่องของการนินทาอาจจะมีมากเสียยิ่งกว่าเรื่องของงาน เพื่อนร่วมงานเหล่านี้ชอบนินทาผู้คนลับหลังคนอื่น เผยแพร่ข่าวลือที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ และไม่สนใจในการตามหาความจริงในเรื่องนั้นด้วย สิ่งที่พวกเขาต้องการคือส่งต่อข้อมูลผิดๆ เหล่านั้น ยิ่งได้ส่งต่อมากเท่าไร ยิ่งมีความสุข พฤติกรรมนี้ก่อให้เกิดการดูถูกเหยียดหยามและการนินทาโดยไม่มีมูลความจริงในที่ทำงาน
วิธีจัดการกับ เพื่อนร่วมงานแย่ๆ ในแต่ละประเภท
เมื่อคุณสามารถจำแนกเพื่อนร่วมงานของคุณออกเป็นประเภทต่างๆ ได้แล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาจัดการกับเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจในแต่ละประเภทกัน ถึงจะหยุดความร้ายกาจของเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็หลีกเลี่ยงหรือทำให้พวกเขาไม่ใช่ความร้ายกาจนั้นกับคุณได้ด้วย 12 วิธีการ ดังต่อไปนี้
1. เรียนรู้ที่จะแสดงความคิดเห็น : หากเพื่อนร่วมงานของคุณทำให้คุณรู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายใจในที่ทำงาน อาจถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับต้นเหตุความไม่สบายใจเหล่านั้นแล้ว เอ่ยปากบอกพวกเขาว่าคุณรู้สึกอย่างไรเพื่อให้พวกเขาเข้าใจมุมมองของคุณมากขึ้น คำพูด ภาษา หรือ การแสดงออกของคุณจะเป็นตัวกำหนดว่าพวกเขาจะแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองหรือไม่
2. ทำความรู้จักกับมุมมองของคนอื่น : บางครั้งการลองมองจากมุมมองของคนอื่น ทำความรู้จักมุมมองที่แตกต่างของเพื่อนร่วมงานก็จะช่วยให้คุณเข้ากับพวกเขาได้ง่ายขึ้น หลังจากทำความรู้จักแล้วคุณอาจตระหนักได้ว่าภูมิหลังและประสบการณ์ชีวืตของพวกเขาเป็นอย่างไร? และทำไมสิ่งเหล่านั้นถึงกลายมาเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมและมุมมองของพวกเขาในปัจจุบัน แม้ว่าคุณสมควรได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพแต่หากคุณเข้าใจมุมมองของคนอื่น อาจช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการอยู่ร่วมกับพวกเขามากขึ้น
3. มุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์เชิงบวก : แทนที่จะหมกหมุ่นอยู่กับเพื่อนร่วมงานคนเดิมที่คอยแต่จะปล่อยพลังลบใส่คุณ หรือ ทำให้คุณเกิดความคิดลบๆในหัว ให้เปลี่ยนจุดสนใจของคุณไปอยู่ที่เพื่อนร่วมงานคนอื่นแทน คนที่สามารถสร้างพลังบวกให้กับคุณได้ มีการสนทนาแบบสบาย หรือคนที่สามารถยกระดับจิตใจของคุณได้ ในวันที่คุณรับพลังลบมาเต็มที่ ลองขอให้เพื่อนร่วมงานคนโปรดไปทำอะไรสนุกๆร่วมกับคุณเพื่อผ่อนคลายและกระชับความสัมพันธ์ดู
4. พูดคุยกับหัวหน้าของคุณ : เมื่อมีพนักงานบางคนเริ่มฝ่าฝืนนโยบายของบริษัทและส่งผลทางลบต่องานที่คุณรับผิดชอบ อาจถึงเวลาต้องแจ้งปัญหาให้หัวหน้างานหรือแผนกบุคคลได้รับทราบ บันทึกพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของเพื่อนร่วมงานคนนั้นเพื่อทำให้แน่ใจว่าคุณมีหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำของเขา
5. ยอมรับบุคลิกภาพของคนอื่น : คุณอาจพบว่าเพื่อนร่วมงานคนนั้นไม่ได้ทำอะไรผิดเลยเพียงแต่คุณไม่ชอบบุคลิกของเขา ไม่ชอบการพูด การแสดงสีหน้า หรือแม้แต่วิธีเดินของเขา เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติเมื่อเราเกิดไม่ถูกชะตากับใครบางคน เมื่อคุณพบคนที่ชอบและคนที่คุณต้องการหลีกเลี่ยง เรียนรู้ที่จะยอมรับว่าคุณต้องอยู่ร่วมกับทุกคน ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม พยายามหาสิ่งที่คุณชอบเกี่ยวกับบุคลิกภาพของตัวของพวกเขา คุณอาจจะไม่ชอบวิธีการพูดของเขา แต่ชอบตอนที่เขานำเสนองานต่อหน้าคนทั้งแผนก ให้มองด้านที่ดีของพวกเขาเอาไว้
6. วางตัวเป็นกลาง : หากเพื่อนร่วมงานคนอื่นกำลังพูดถึงใครคนหนึ่งอย่างได้อรรถรส ในวงสนทนานั้นเต็มไปด้วยเรื่องที่คุณเคยเห็น ได้ยิน หรือไม่เคยเลย ซึ่งเรื่องเหล่านั้นคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริงหรือไม่ พยายามรักษาความเป็นกลางไว้คือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นบวกสำหรับทุกคน
7. จำกัดการโต้ตอบ : การจำกัดระยะเวลาที่คุณใช้กับเพื่อนร่วมงานจะช่วยให้คุณรับมือสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น คุณอาจพบว่าคุณสามารถจัดการมันได้ดีขึ้นเมื่อคุณมีเวลาร่วมกับเพื่อนร่วมงานที่น่าอึดอัดใจน้อยลง ในมื้อกลางวันหรือระหว่างการประชุมพยายามอยู่กับเพื่อนร่วมงานที่คุณเห็นว่าเขาใจดีและให้กำลังใจคุณอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจกับความรู้สึกของพวกเขาให้มากกว่าเพื่อนร่วมงานที่ทำให้คุณอึดอัดใจ
8. พัฒนาตัวเอง : แม้ว่าเพื่อนร่วมงานของคุณจะทำตัวไม่เป็นมืออาชีพ แต่คุณต้องมีทักษะในด้านการพัฒนาตัวเอง การพยายามปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเมตตาและความเคารพอย่างต่อเนื่อง การที่เขาไม่ได้ทำดีกับคุณ ไม่ได้แปลว่าคุณต้องร้ายใส่เขากลับ หากคุณนิ่งเฉยและปล่อยพวกเขาไปได้ จะแสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่ของคุณในสถานการณ์นี้ เป็นการดีที่สุดที่จะจัดการความขัดแย้งเหล่านี้ด้วยตัวเองแทนที่จะนำเพื่อนร่วมงานคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
9. รู้จุดที่ทำให้เกิดความกระตือรือร้น : ลองสังเกตดูว่าพฤติกรรมใดของเพื่อนร่วมงานที่ท้าทายอารมณ์และความรู้สึกของคุณที่สุด หากพวกเขาเริ่มทำพฤติกรรมเหล่านั้น ให้คุณดึงตัวเองออกจากสถานการณ์เหล่านั้นทันที การทำแบบนี้จะสามารถช่วยให้คุณสงบสติอารมณ์ในการทำงานได้ โดยเน้นไปที่การนำพลังงานทั้งหมดที่คุณมีไปใช้กับการทำงานจะเกิดประโยชน์มากกว่า
10. โฟกัสในด้านบวก : แม้ว่าการมุ่งความสนใจไปที่เพื่อนร่วมงานคนอื่นที่ดีกับคุณอาจจะพูดเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่ความจริงการเมินเพื่อนร่วมงานที่มักทำให้คุณหงุดหงิดเสมอกลับกลายเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะทำได้ ให้คุณคิดไว้เสมอว่างานที่ทำหรือผลประโยชน์จากงานของคุณคือการขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆในชีวิตของคุณไม่ใช่พลังงานลบจากเพื่อนร่วมงานเหล่านั้น
11. สะท้อนการกระทำของคุณเอง : ขณะที่คุณคิดถึงเพื่อนร่วมงานที่น่าหงุดหงิดใจ ให้ลองนึกถึงวิธีการที่คุณปฏิบัติต่อพวกเขาดู คุณอาจพบว่าคุณทั้งคู่มีการกระทำเหมือนกันจนสร้างวงจรย้อนกลับของพฤติกรรมขึ้นมา หากคุณต้องการทำลายวงจรนี้ ให้ลองพยายามปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเมตตาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง คุณอาจสร้างวงจรใหม่ขึ้นที่พบว่าพวกเขาพยายามตอบแทนน้ำใจที่คุณมีให้ก็ได้
12. แสดงความเห็นอกเห็นใจ : ทุกคนมีเรื่องที่ตัวเองจะต้องจัดการ ซึ่งแค่ประโยคนี้ก็สามารถอธิบายพฤติกรรมของเพื่อนร่วมงานที่คุณไม่เข้าใจได้ทั้งหมดแล้ว หากคุณลองแสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ทำความรู้จักพวกเขาให้ดีขึ้น มองจากมุมมองของพวกเขา คุณอาจพบว่าถ้าคุณเป็นพวกเขา คุณก็อาจจะเลือกทำในสิ่งเดียวกันก็ได้
บทสรุป
มนุษย์เงินเดือนอย่างเราใช้เวลาเยอะมากในแต่ละวันอยู่ที่ทำงาน แทบจะมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานมากกว่าครอบครัวที่บ้านหากไม่รับรวมเวลานอน เพราะฉะนั้นจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสถานที่ทำงานและเพื่อนร่วมงานมีผลต่อคนทำงานทั้งสิ้น การที่เราต้องอยู่ร่วมกันกับคนที่ไม่ได้เราไม่จิ้มเลือกมาเอง แน่นอนว่าเราต้องพบเจอความแตกต่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่นิสัย วัฒนธรรม ความคิด สิ่งที่ถูกปลูกฝัง หรือประสบการณ์ ซึ่งแต่ละคนมีเส้นทางในการเก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆมาไม่เหมือนกันจึงไม่แปลหากการแสดงออกหรือพฤติกรรมของเพื่อนร่วมงานหลายคนจะทำให้คุณรู้สึกไม่เข้าใจหรือไม่พอใจอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่คุณไม่ใช่ประธานบริษัท คุณไม่สามารถเลือกเพื่อนร่วมงานหรือคนที่คุณต้องการทำงานร่วมด้วยได้เองอยู่แล้ว สิ่งที่ทำได้คือการยอมรับความแตกต่าง ศึกษา และหาวิธีอยู่ร่วมกับพวกเขาได้โดยที่ตัวคุณเองไม่เดือดร้อนและไม่โดดเอาเปรียบ หากคุณกำลังรู้สึกอึดอัดกับเพื่อนร่วมงาน ในคุณลองจำแนกดูว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานประเภทไหนและสามารถใช้วิธีไหนในการจัดการเขาได้บ้าง
“การที่คุณเป็นคนที่ทำงานร่วมกับใครก็ได้ ถือเป็นคุณสมบัติของการเป็นมืออาชีพ”
Reference:
How to deal with difficult coworkers: Tips and examples
12 Ways to Deal With a Difficult Co-Worker
บทความแนะนำ:
7 เหตุผลที่ทำให้คนฉลาดหรือคนที่ทำงานหนักไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ