
Assertiveness หรือ การกล้าแสดงออก ในการแสดงความคิด ความรู้สึก และความคิดเห็นด้วยความชัดเจนและความเคารพ ในขณะเดียวกันก็ยอมรับในสิทธิและมุมมองของผู้อื่น ถือเป็นทักษะการสื่อสารที่สำคัญซึ่งขยายผลประโยชน์นอกเหนือจากความสัมพันธ์ส่วนตัวไปสู่ขอบเขตของสถานที่ทำงานและสภาพแวดล้อมการเรียนรู้
ความกล้าแสดงออก เป็นทักษะที่จำเป็น แต่หลายๆ คนกลับประสบปัญหาในการกล้าแสดงออกอย่างมั่นใจ จากการสำรวจสาเหตุเบื้องหลังของการขาดความกล้าแสดงออก ช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้นว่าปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการสื่อสารที่ทำให้หลายๆ คน ไม่สามารถแสดงความกล้าออกมาได้ ดังต่อไปนี้
กลัวความขัดแย้ง
สาเหตุทั่วไปประการหนึ่งของการขาดความกล้าแสดงออก คือ ความกลัวความขัดแย้ง เราอาจจะหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็น เพื่อป้องกันความขัดแย้ง หรือการเผชิญหน้าที่อาจเกิดขึ้นได้ ความกลัวนี้เองอาจจะเกิดจากความปรารถนาที่จะรักษาความสามัคคีในความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานหรือคนในสังคมที่เราอาศัยอยู่ แต่การที่เราเพิกเฉยด้วยการไม่กล้าแสดงออกมานั้น มักส่งผลให้เกิดความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนองและก่อให้เกิดความเครียดที่เพิ่มขึ้นและนอกจากนี้อาจส่งผลทำให้เราขาดความนับถือในตัวเราเองได้เช่นกัน
ความนับถือตนเองต่ำ
การขาดความกล้าแสดงออก มีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับเรื่องของความนับถือตนเองต่ำ ใครก็ตามที่สงสัยคุณค่าของตนเอง อาจจะเกิดความลังเลที่จะแสดงความคิดเห็น โดยเขาอาจจะรู้สึกว่าความคิดของตนเองไม่ได้มีค่าหรือไม่สมควรที่จะได้รับความสนใจจากคนอื่นๆ ดังนั้นการสร้างความกล้าแสดงออก จึงมีผลและเกี่ยวข้องกับการจัดการและส่งเสริมความภาคภูมิใจในตนเอง
อิทธิพลทางวัฒนธรรมและสังคม
บรรทัดฐานทางวัฒนธรรมและสังคมที่เราทำงาน หรือ ที่เราอยู่ มีบทบาทสำคัญมากในการกำหนดรูปแบบของการสื่อสาร ในบางวัฒนธรรม ความกล้าแสดงออกอาจถูกมองว่าไม่สุภาพหรือเป็นการเผชิญหน้าซึ่งอาจจะนำพามาในเรื่องความขัดแย้งได้ ความคาดหวังของสังคมสามารถสร้างแรงกดดันในการปฏิบัติตาม ซึ่งทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับใครก็ตามหรือแม้กระทั่งตัวเราในการกล้าแสดงออกอย่างเปิดเผย
ประสบการณ์เชิงลบที่เคยผ่านมาในอดีต
ประสบการณ์เชิงลบในอดีต ที่เราเคยผ่านมา เช่น การถูกวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบที่รุนแรง หรือการถูกปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย อาจจะส่งผลให้เราไม่เต็มใจที่จะยืนยันและรักษาสิทธิ์ของตัวเอง เราก็อาจจะกลัวที่จะเจอเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ หรือประสบการณ์แย่ๆ เหล่านี้ และเป็นผลทำให้เราเลือกที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่จำเป็นต้องมีการกล้าแสดงออกในแทบทุกกรณี
ขาดทักษะการสื่อสาร
บางคนอาจจะขาดทักษะการสื่อสารที่จำเป็นในการแสดงออกอย่างชัดเจนและแน่วแน่ พวกเขาอาจจะต่อสู้กับการวางกรอบความคิดให้ชัดเจน โดยใช้ประโยคที่ขึ้นต้นด้วย “ฉัน” หรือจัดการอารมณ์อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่ต้องเจอกับความท้าทาย
การเน้นย้ำให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของผู้อื่นมากเกินไป
แนวโน้มที่จะจัดลำดับความสำคัญของความคิดเห็นของผู้อื่นมีมากกว่าความคิดเห็นของตัวเอง สามารถขัดขวางความกล้าแสดงออกได้ เพราะเราอาจจะกลัวการไม่เห็นด้วยหรือ กลัวการถูกปฏิเสธ ทำให้พวกเราจำเป็นจะต้องปิดบังความต้องการและความปรารถนาของตนเองเอาไว้ โดยเราหันไปเลือกทางที่จะทำให้ผู้อื่นพอใจเป็นอันดับแรก
แล้วเราจะแก้ปัญหาการขาด Assertiveness หรือ ความกล้าแสดงออก อย่างไร?
การทำความเข้าใจเหตุผลและสาเหตุที่ทำให้เราขาดความกล้าแสดงออก ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการพัฒนาความกล้าแสดงออก การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จะสามารถช่วยให้เราสามารถสื่อสารได้อย่างมั่นใจ ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีต่อคนรอบข้าง และยังช่วยลดความเครียด ส่งเสริมสุขภาพจิตใจที่ดีให้กับเราได้อีกด้วย
เราต้องเริ่มต้นทำความเข้าใจกับความกล้าแสดงออกเสียก่อน ความกล้าแสดงออกเกี่ยวข้องกับการสื่อสารที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา โดยเน้นความสำคัญของการแสดงออกในขณะที่เรายังคงเคารพสิทธิของผู้อื่น ลักษณะพื้นฐานของความกล้าแสดงออก ได้แก่:
- การสื่อสารที่ชัดเจน: การแสดงความคิด ความรู้สึก และความคิดเห็นในลักษณะเฉพาะเจาะจงและเข้าใจได้
- การเคารพสิทธิ์ของผู้อื่น: สื่อสารอย่างแน่วแน่โดยไม่ดูถูกหรือเพิกเฉยต่อความรู้สึกและความคิดเห็นของผู้อื่น
- การยืนหยัดสิทธิ์เพื่อตนเอง: สื่อสารความต้องการและขอบเขตอย่างมั่นใจ รวมถึงความสามารถในการพูดว่า “ไม่” เมื่อจำเป็น
- พฤติกรรมไม่ตอบโต้: รักษาความสงบและไม่แสดงออกถึงพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับความขัดแย้งก็ตาม
- การฟังอย่างกระตือรือร้น: มีส่วนร่วมในการฟังอย่างตั้งใจ ด้วยใจที่เปิดกว้าง และตอบสนองต่อมุมมองของผู้อื่นด้วยความเต็มใจ
- สร้างสรรค์ ความมั่นใจในตนเอง: ความรู้สึกมั่นใจในตนเอง และเห็นคุณค่าในตนเอง
ความกล้าแสดงออกในที่ทำงาน
ในที่ทำงาน ความกล้าแสดงออก ถือว่ามีบทบาทที่สำคัญในหลากหลายแง่มุม อาทิเช่น
- การสร้างขอบเขต: ความกล้าแสดงออกช่วยในการกำหนดขอบเขต สร้างความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดี และสามารถป้องกันการทำงานหนักเกินไปได้
- การสร้างความมั่นใจ: การสื่อสารที่กล้าแสดงออกจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในตนเอง ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการประชุม ในการทำงาน และการรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ
- การปรับปรุงการสื่อสาร: การสื่อสารที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา และให้ความเคารพสิทธิ์ของผู้อื่น ช่วยเพิ่มความเข้าใจและความน่าเชื่อถือให้กับเราได้ในหมู่เพื่อนร่วมงาน
- การแก้ไขข้อขัดแย้ง: ความกล้าแสดงออกที่ชัดเจน แต่ยังคงให้ความเคารพสิทธิ์ของผู้อื่น เอื้อต่อการแก้ไขข้อขัดแย้ง ช่วยให้สามารถแสดงออกถึงข้อกังวลและร่วมกันแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้
ความกล้าแสดงออกในสภาพแวดล้อมสำหรับการเรียนรู้
ในสภาพแวดล้อมสำหรับการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นในโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือ ในที่ทำงาน การแสดงออกอย่างแน่วแน่ของตัวเรา มีส่วนทำให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพได้เช่นกัน อาทิเช่น
- การถามคำถาม: หากเรากล้าที่จะถามคำถามที่เราไม่รู้ จะเป็นการช่วยให้ผู้เรียนแสวงหาความกระจ่างและความเข้าใจโดยการถามคำถาม
- การแสวงหาผลตอบรับ: การแสวงหาผลตอบรับจากครูหรือพี่เลี้ยง อย่างมุ่งมั่นและตั้งใจ จะช่วยในการระบุประเด็นที่ต้องการปรับปรุงและแก้ไขได้
- การมีส่วนร่วมในการอภิปราย: การสื่อสารที่กล้าแสดงออก ส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นในการอภิปรายในชั้นเรียนหรือกลุ่ม
- การสนับสนุนตนเอง: ความกล้าแสดงออก ช่วยในการสนับสนุนการสนับสนุนเพิ่มเติมหรือทรัพยากรเมื่อจำเป็น
- การกล้าเสี่ยง: การกล้าแสดงออกจะส่งเสริมให้ผู้เรียนกล้าเสี่ยง ส่งเสริมการสำรวจและการเติบโต
ความกล้าแสดงออก ด้วยการพูดว่า “ไม่” อย่างแน่วแน่
การพูดว่า “ไม่” เป็นส่วนสำคัญของการกล้าแสดงออก หลายคนประสบปัญหาไม่กล้าที่จะพูดคำนี้ เพราะไม่ต้องการปฏิเสธคนรอบข้าง ด้วยเหตุที่ต้องการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้ หรือ ไม่ต้องการให้คนรอบข้างมองว่าตนเองเป็นคนไม่ดี เป็นต้น เพื่อให้เรากล้าปฏิเสธ ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนในการปฏิเสธคำขออย่างแน่วแน่ อาทิเช่น
- มีความชัดเจนและตรงไปตรงมา: ระบุการปฏิเสธของเราอย่างชัดเจน และตรงไปตรงมา โดยไม่ต้องขอโทษหรือหาข้อแก้ตัวมาเป็นข้ออ้างโดยที่ไม่จำเป็น
- อธิบายเหตุผลของเรา: หากสะดวกและพอจะมีเวลา ให้เราระบุเหตุผลสั้นๆ ที่เราใช้ในการปฏิเสธที่จะช่วยให้ผู้อื่นเข้าใจมุมมองของเรามากขึ้น
- เสนอทางเลือกอื่น: หากเป็นไปได้ ให้แนะนำวิธีแก้ปัญหาอื่นๆ เพิ่มเติม ที่สอดคล้องกับขอบเขตของเรา ให้เป็นทางเลือกให้กับคนอื่นๆ
- ใช้ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ฉัน”: แสดงความรู้สึกและความคิดของเรา โดยใช้ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ฉัน” แทนที่จะกล่าวหาผู้อื่น
- ให้ความเคารพในสิทธิ์ของเราเองและของผู้อื่น: รักษาน้ำเสียงที่ให้ความเคารพและสุภาพในขณะที่ยืนยันการตัดสินใจของเรา
ประโยชน์ของการเป็นคนกล้าแสดงออก
1. เพิ่มความมั่นใจในตนเอง: ความกล้าแสดงออกส่งเสริมความรู้สึกมั่นใจในตนเองและเป็นการเสริมพลังให้กับตัวเราเองได้อีกด้วย
2. ปรับปรุงการสื่อสาร: การสื่อสารที่ชัดเจนและให้ความเคารพในสิทธิของผู้อื่น จะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์และความเข้าใจซึ่งกันและกัน
3. สร้างสถานการณ์แบบ Win-Win: ใครก็ตามที่กล้าแสดงออก มักจะมีความสามารถ มีความเชี่ยวชาญในการค้นหาวิธีแก้ปัญหา ที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้
4. เสริมสร้างทักษะการตัดสินใจ: ความกล้าแสดงออก มีส่วนทำให้ความสามารถในการตัดสินใจของเราดีขึ้น
5. สร้างความสัมพันธ์ที่ซื่อสัตย์: การสื่อสารที่ซื่อสัตย์และเปิดกว้างเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งและจริงใจ
เริ่มต้นเรียนรู้ที่จะกล้าแสดงออก
การเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารจำต้องใช้เวลาและการฝึกฝนในการพัฒนาความกล้าแสดงออก และนี่คือสิ่งที่อยากแนะนำหากเราพร้อมแล้วที่จะพัฒนาทักษะในเรื่องนี้
1. ประเมินสไตล์ของคุณ: ทำความเข้าใจรูปแบบการสื่อสารในปัจจุบันของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเชิงโต้ตอบ ก้าวร้าว หรือเชิงรุก
2. ใช้ประโยค ‘ฉัน’: แสดงความคิดและความรู้สึกโดยใช้ประโยค ‘ฉัน’ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ฟังดูเป็นการกล่าวหา
3. ฝึกพูดคำว่าไม่: เรียนรู้ที่จะพูดว่า “ไม่” โดยตรงและไม่มีการอธิบายที่ไม่จำเป็น
4. ซักซ้อมคำตอบของคุณ: ฝึกฝนสถานการณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแสดงออกอย่างแน่วแน่
5. ใช้ภาษากาย: รักษาภาษากายด้วยความมั่นใจ รวมถึงการสบตาและท่าทางที่ตรงไปตรงมา
6. ควบคุมอารมณ์: ฝึกฝนการสงบสติอารมณ์ในสถานการณ์ความขัดแย้ง โดยเน้นไปที่การสื่อสารที่สม่ำเสมอและมั่นคง
7. เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ: เริ่มต้นด้วยการฝึกการกล้าแสดงออกในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ก่อนที่จะค่อยๆ นำไปใช้กับสถานการณ์ที่ท้าทายมากขึ้น
บทสรุป
โดยสรุป การควบคุมความกล้าแสดงออก คือการเดินทางสู่การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การลดความเครียด และการเสริมสร้างศักยภาพส่วนบุคคล ด้วยการปลูกฝังทักษะการสื่อสารที่กล้าแสดงออก แต่ละบุคคลสามารถนำทางสถานการณ์ชีวิตต่างๆ ด้วยความมั่นใจ ความเคารพ และผลลัพธ์เชิงบวกได้
Reference:
Exploring the Benefits of Assertiveness in the Workplace and Learning Environments
Being Assertive: Reduce Stress, Communication Better
บทความแนะนำ:
การขอโทษ หรือ การยอมรับว่าตัวเองผิด ทำไมถึงเป็นเรื่องสำคัญ?
Emotions at Work – วิธีรับมือและจัดการกับอารมณ์ในที่ทำงาน