Rage Applying คือ การสมัครงานด้วยความโกรธ เป็นการสมัครงานมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อตอบสนองความอึดอัด คับข้องใจจากงานปัจจุบัน ซึ่งการสมัครงานแบบนี้ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร อ่านเพิ่มเติมได้จากบทความนี้ได้เลย
ในปี 2021 กลายเป็นปีที่มีจำนวนพนักงานลาออกจากงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากนั้นในปี 2022 ที่ผ่านมา ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกันด้วยการมีเทรนด์ Quiet Quitting เกิดขึ้น โดยเทรนด์พนักงานรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดเกี่ยวกับการทำงานในสิ่งที่กำหนดไว้ในรายละเอียดงานของตำแหน่งตัวเองเท่านั้น และจะปฏิเสธความรับผิดชอบเพิ่มเติมใดๆ อย่างหนักแน่น และเมื่อมาถึงปี 2023 นี้ เทรนด์ใหม่ที่กำลังถูกพูดถึงกันตามโซเชียลมีเดียก็คือ Rage Applying หรือ การสมัครงานด้วยความโกรธ
พอได้ยินชื่อเทรนด์ประจำปีนี้ ทุกคนอาจจะขมวดคิ้วทำหน้างุนงง หรืออาจจะร้องอ๋อมาบ้าง เพราะโค้ชด้านการทำงานหลายคนใน Tiktok ก็เคยอธิบายถึงเรื่องนี้กันมาบ้างแล้วเหมือนกัน ดังนั้นเรามาทำความรู้จักเทรนด์การทำงานใหม่ที่น่าสนใจและมีสีสันมากกว่าเทรนด์ในปีที่ผ่านมากัน
ความโกรธในการทำงานคืออะไร?
เมื่อพูดถึงความโกรธที่เกี่ยวกับการทำงาน คุณอาจจะสงสัยว่ามันคืออะไร? ใช่ความโกรธที่เกิดจากเจ้านายลำเอียง หรือ โกรธเพื่อนร่วมงานที่ชอบเอาหน้า หรือ โกรธที่ลูกน้องไม่มีความรับผิดชอบหรือเปล่า? ใช่แล้ว ทั้งหมดนี้เป็นความโกรธในการทำงานทั้งสิ้น ซึ่งการสมัครงานด้วยความโกรธ เทรนด์นี้ คือเทรนด์ที่เกี่ยวกับการใช้ความโกรธเหล่านี้ในการสมัครงานใหม่นั่นเอง
“เราอยู่ในยุคที่การสมัครเป็นเรื่องง่ายมาก”
งานปัจจุบันของคุณทำให้คุณโกรธมาก จนอยากลาออกและเริ่มกดเข้าเว็บหางานในอินเทอร์เน็ตหรือเปล่า? งานทุกงานที่เกี่ยวข้องกับสายงานของคุณ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลแค่ไหน ระหว่างที่กำลังเลื่อนมองหางานมากมายผ่านสายตา ในหัวของคุณก็กำลังเล่นฉากบทสนทนาที่น่ารำคาญระหว่างคุณกับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่งผลทำให้ความโกรธมันพลุ่งพล่านมากขึ้นไปอีก จนคุณอยากจะลาออกให้ได้ภายในวินาทีนี้เลย
“นี่เป็นสัญญาณที่คุณจะเริ่ม สมัครงานด้วยความโกรธ”
คำนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกในแพลตฟอร์ม Tiktok ในเดือนธันวาคม 2022 เมื่อมีผู้ใช้ชื่อ @redweez โพสต์วิดีโอเล่าว่าเขาได้รับข้อเสนอในการทำงานพร้อมค่าจ้าง 25,000 ดอลลาร์ จากการกดสมัครงานในตอนที่กำลังเบื่องานที่ทำและกำลังมีความอารมณ์โกรธอยู่เต็มเปี่ยม วิดีโอดังกล่าวกลายเป็นไวรัลในโลกอินเทอร์เน็ตอยู่กลายสัปดาห์ หลังจากนั้นก็เริ่มมี Tiktoker อีกหลายคนออกมาโพสต์ประสบการณ์ สมัครงานด้วยความโกรธของตัวเองกันอย่างแพร่หลาย
“เรื่องนี้กำลังเป็นแนวทางหางานมาโดยตลอด”
ในแพลตฟอร์ม Tiktok ได้เรียก Rage Applying ว่าการใช้ความโกรธ โดยมีโค้ชอาชีพด้านการทำงานออกมาบอกว่าจริงๆ แล้วการสมัครงานโดยใช้ความโกรธเป็นแรงผลักดัน เป็นวิธีที่เราใช้กันมาตลอดอยู่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องใหม่ Cassie Spencer ผู้ดำเนินรายการพอดแคสต์ Happenstance อธิบายว่าสิ่งที่ดูใหม่ในเทรนด์ สมัครงานด้วยความโกรธ ไม่ใช่การใช้ความโกรธสมัครงาน แต่เป็นแพลตฟอร์มที่เราใช้ในการสมัครงานกันทุกวันนี้ ซึ่งมันสะดวกและง่ายขึ้น จึงทำให้การสมัครเป็นไปได้อย่างง่ายดายเมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่ต้องเดินทางไปยังบริษัทที่ต้องการสมัครเพื่อยื่นใบสมัครและรอนัดวันสัมภาษณ์เท่านั้น
ทำไมเราถึงได้แรงผลักดันจากความโกรธ?
หากพูดกันความตรงแล้ว ความโกรธมีรากฐานมาจากอารมณ์ด้านลบที่รุนแรง บางทีคุณอาจกำลังเผชิญหน้าอยู่กับปัญหาที่เกี่ยวกับระบบหรือวัฒนธรรมองค์กรของบริษัทที่ไม่ตอบโจทย์การทำงานของคุณ เช่น การมีเจ้านายที่เป็นพิษหรือ ถูกบังคับให้ย้ายโต๊ะทำงานหลังจากทำมาหลายปีแล้ว การปลดพนักงานบางคนอย่างไม่เป็นธรรม และคุณก็รู้สาเหตุของความไม่เป็นธรรมเหล่านั้นเสียด้วย หรือตำแหน่งในปัจจุบันของคุณอาจจะยังไม่ตรงตามความต้องการและพาคุณไปถึงเป้าหมายไม่ได้
“ไม่แปลกที่พนักงานจะมีความโกรธ หลังจากผ่านวันทำงานที่ยากลำบากมา”
พนักงานโดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และกลุ่มมิลเลนเนียล กำลังมองหาบริษัทที่ไม่ได้มีวัฒนธรรมองค์กรหยุดไว้ในศตวรรษที่ 20 พวกเขาสามารถตัดสินใจได้ตั้งแต่ทดลองงานเลยด้วยซ้ำว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้ หลายองค์กรมีแผนกบุคคลที่ไม่ได้ก้าวเดินไปตามความก้าวหน้าของโลก พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมพนักงานถึงเริ่มโกรธจัดหลังจากผ่านวันที่ยากลำบากมาวันหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานผิดพลาดหรือการแก้ไขงานทั้งแต่แรกอย่างไม่สมเหตุสมผล พวกเขาจะรู้สึกว่ากำลังแก้ไขทุกปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ซึ่งทั้งหมดนั้นจะส่งผลให้พนักงานรู้สึกว่าการใช้ความโกรธเป็นทางออกที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด อย่างน้อยก็ได้บรรเทาเลือดที่เดือนพล่านของคุณด้วยการปล่อยไอน้ำออกมาเสียหน่อย
ความโกรธใช้กับการสมัครงานได้จริงหรือไม่?
หากคุณพบว่าตัวเองกำลังเดือดดาลจนต้องหลั่งน้ำตาตอนดึกดื่น อย่าคิดว่าทุกคนจะได้พบกับที่ทำงานใหม่ที่เสนอเงินเดือนก้อนโตให้ เมื่อเราดูเทรนด์ใน Tiktok อาจจะรู้สึกว่ามีหลายคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ก็มีหลายคนเช่นกันที่ไม่สำเร็จและเขาไม่ได้ออกมาแบ่งปัน การสมัครงานเป็นการโยนตัวเองลงในโอกาสและเส้นทางใหม่ๆที่คุณอาจได้พบว่าคุณไม่เหมาะกับบริษัท หรือบริษัทไม่เหมาะกับคุณ ดังนั้นอย่าสมัครในสิ่งที่ไม่เหมาะกับเราอย่างแท้จริง
“เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์”
มีแนวโน้มสูงที่ความโกรธจะกระตุ้นให้คุณเข้าสู่สถานการณ์ที่คุณไม่พอใจ เวลาที่คุณใช้ไปในการสมัครงานใหม่อาจไร้ประโยชน์เพราะในเวลาที่ความโกรธยังวนเวียนให้เลือดสูบฉีด คุณมักจะมองข้ามความพยายามสร้างเรื่องราวโน้มน้าวใจบริษัทที่คุณสมัคร เพื่อให้เขามองว่าคุณโดดเด่น คุณแทบจะไม่ได้สังเกตเห็นข้อผิดพลาดของตัวเองเลยด้วยซ้ำ คุณจะไม่ได้นำเสนอตัวเองในแง่มุมที่ดีที่สุด และหากคุณจะสมัครกราดไปทั้งหมด ให้รู้ไว้เลยนั่นอาจจะไม่ใช่งานที่ดีที่สุดของคุณก็ได้
ถึงแม้ว่าการสมัครงานด้วยความโกรธอาจไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการได้งานในฝัน แต่ก็มีแง่มุมที่สามารถช่วยให้เรามีโอกาสหางานได้เช่นกัน ดังต่อไปนี้
- การสมัครงานโดยมีความโกรธ เป็นแรงผลักดันเป็นการเปิดโอกาสในด้านต่างๆ ในคราวเดียว
- คุณจะไม่สงสัยในคุณสมบัติของคุณสำหรับบทบาทที่เป็นไปได้ เพราะความโกรธจะทำให้คุณไม่ต้องลังเลหรือคิดเยอะว่าคุณเหมาะสมหรือไม่
- มีโอกาสได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้น เนื่องจากความโกรธจะทำให้คุณกล้าพูดกล้าต่อรอง
- มีโอกาสได้ตำแหน่งตามที่ต้องการ ความโกรธจะทำให้คุณขาดการยับยั้งในการพูด
คุณสามารถทำอะไรแทนการใช้ความโกรธ?
แทนที่จะบรรเทาความตื่นตระหนกและความโกรธ ที่รู้สึกด้วยการแสดงออกถึงความเดือดดาล ให้ลองทำสิ่งต่างๆ ให้ช้าลง และหันหน้าพูดหรือระบายกับใครสักคน อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอีกด้านก็ได้
“สิ่งแรกคือการหยุดและรับรู้ที่มาของอารมณ์”
ก่อนที่จะเกิดการสมัครงานเพราะถูกความโกรธผลักดัน ให้คุณลองหยุดเพียงชั่วครู่และรับรู้ว่าอารมณ์นั้นมาจากไหน? ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ กลัว วิตกกังวล หรืออย่างอื่น บางครั้งเรารู้สึกโกรธเพราะพวกที่ทำงานแย่จริงๆ และมันก็ยิ่งทำให้คุณรู้สึกโดดเดี่ยวเข้าไปอีก หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณ คุณต้องการแค่การผ่อนคลายหรือพักผ่อนจากเรื่องราวที่เผชิญอยู่เสียหน่อย เอาตัวเองออกจากสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานสักคนเกี่ยวกับความไม่สบายใจและลองบอกกล่าวสิ่งที่คุณต้องการ
บทสรุป
สมัครงานด้วยความโกรธ เทรนด์การทำงานที่หลากหลายลองทำแล้วปรากฏว่าประสบความสำเร็จ แต่อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าไม่ใช่ทุกคนที่สำเร็จ ความโกรธไม่ว่าอย่างไรก็มีรากฐานมาจากอารมณ์ด้านลบที่รุนแรง ซึ่งการกระทำและผลลัพธ์ที่ได้จากอารมณ์อาจไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการอย่างแท้จริง
ดังนั้นก่อนที่คุณจะกดสมัครงานใหม่เพื่อหนีออกจากที่มาของความโกรธที่ทำงานของคุณ ให้คุณหยุดแล้วตั้งสติ มองหาต้นตอของความโกรธ อะไรที่ทำให้คุณไม่มีความสุข คุณกำลังต้องการอะไร คุณมีส่วนทำให้ความโกรธนั้นเกิดขึ้นหรือไม่ และคุณต้องการอะไรในอนาคต เมื่อลองถามตัวเองด้วยความเหล่านี้แล้วคุณจะรู้ว่าสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ ใช่ที่ทำงานใหม่หรือไม่?
“อย่าปล่อยให้ความโกรธเผาผลาญคุณด้วยการโยนคุณไปยังที่ที่ไม่ใช่ แต่ปล่อยให้ความโกรธกระตุ้นคุณให้ค้นหาที่ที่ใช่จะดีกว่า”
Reference:
What Is “Rage Applying,” and Does It Actually Work?
บทความแนะนำ:
วิธีค้นหาความหมายในงานของคุณ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ชอบหรือรักในงานนี้ก็ตาม