กายภาพบำบัด ถือเป็นอีกหนึ่งการดูแลรักษาที่สำคัญโดยเฉพาะในยุคนี้ ที่คนทำงานเองก็มีปัญหาในเรื่องสุขภาพ เช่น อาการปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ กันเยอะ
จากในตอนที่ผ่านมา แอดมินได้พาทุกคนไปดูในแทบทุกส่วนของการทำงานในช่วงวิกฤตโควิด-19 แล้ว ไม่ว่าจะเบื้องหน้า เบื้องหลัง ด่านหน้าที่สุด จนถึงด่านหลังสุดที่ไม่เคยเห็น หรือแม้แต่ทีมที่ต้องลงพื้นที่ไปทำงานก่อนอย่างงาน IC หรือ งานควบคุมโรคติดเชื้อ สิ่งที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนเลยจากการดูการทำงานหลายฝ่าย คือทุกฝ่ายทำงานตรงนี้เพื่อทุกคนอย่างเต็มใจ ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่สุด
จากตอนที่แล้วที่เราได้เห็นสเต็ปแรกของการก้าวเข้าสู่วิกฤตการณ์โควิด-19 ไปแล้ว วันนี้เราจะก้าวยาวๆไปถึงสเต็ปการรักษาขั้นสุดท้ายก่อนได้กลับบ้านอย่าง ศูนย์กายภาพบำบัด จาก กภ.สุพรรณี เฉยรอด หัวหน้างานภายภาพบำบัด โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
“ที่นี่ เราไม่ได้ดูแลเฉพาะคนไข้อัมพฤกษ์ อัมพาตเท่านั้น”
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าศูนย์กายภาพบำบัด ดูแลเฉพาะคนไข้ที่มีอาการอัมพฤกษ์ อัมพาตเท่านั้น แต่จริงๆแล้วนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของงานทั้งหมดเท่านั้น เพราะศูนย์กายภาพบำบัดยังมีงานอีกหลายส่วนไม่ว่าจะเป็น กระดูก กล้ามเนื้อ ประสาท เด็ก และโรคอื่นๆอีก ซึ่งคนไข้จะมีตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุเลย
“อาการปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล่ อาการยอดฮิต”
คนไข้ส่วนใหญ่จะเข้ามารับการรักษาในส่วนของกระดูกและกล้ามเนื้อ เป็นประเภทปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล่ ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการที่คนเป็นกันเยอะมาก โดยเฉพาะอาการปวดคอ อาจจะเพราะกระดูกคอเสื่อม กระดูกคอเคลื่อน หมอนรองกระดูกเคลื่อน ในปัจจุบันคนไข้ประเภทนี้เยอะขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งเกิดจากอุบัติเหตุและจากการมีพฤติกรรมทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ หรือค้างไว้ท่าเดียวเป็นเวลานาน
“งานของเราหลากหลายกว่าแค่การ กายภาพบำบัด ที่หลายคนเข้าใจ”
ในการรักษาที่ศูนย์กายภาพบำบัด ยังรวมถึงอาการเกี่ยวกับระบบประสาทอีกด้วย เช่น อาการบาดเจ็บเส้นประสาท เกิดการอ่อนแรงของแขนและขา เส้นเลือดตีบหรือเส้นเลือดแตก ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้งานโดยส่วนใหญ่จะมีความหลากหลายมาก อย่างเช่นงานที่เกี่ยวกับเด็ก จะมีตั้งแต่เด็กเกิดมาแล้วแขนอ่อนแรงข้างหนึ่ง ยกแขนไม่ขึ้น ทางศูนย์ก็จะส่งไปด้านกล้ามเนื้ออ่อนแรงของเด็ก หากมีพัฒนาการล่าช้า ก็จะส่งไปด้านกระตุ้นพัฒนาการ หรือกลุ่มเรื่องการเดินเซ เดินช้า เดินกะเผลก ก็จะถูกส่งไปเรื่องการทรงตัว เป็นต้น
“พวกเรามีบทบาท กับหลังการรักษาโควิดค่อนข้างเยอะ”
ในวิกฤตการณ์โควิด-19 อีกหนึ่งบทบาทของศูนย์กายภาพบำบัดที่เพิ่มขึ้นมาก็คือ การดูแลผู้ป่วยโควิด-19 หลังจากได้รับการรักษาแล้วมีอาการที่ต้องอาศัยการ กายภาพบำบัด เช่น ได้รับยาแล้วหายใจอ่อนแรง การนอนนานเกินทำให้แขนและขาอ่อนแรงหรือไม่สามารถขยับได้อย่างใจเหมือนเดิม รวมถึงการเยียวยาสุขภาพให้กลับมาใช้งานได้ปกติอีกด้วย
“โจทย์ของเราคือ ทำอย่างไรให้คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมหลังติดโควิด-19”
งานของกายภาพจะเกิดขึ้นเมื่อหมอตรวจพบว่าคนไข้มีปัญหา เช่น ปอดแฟบ ปอดขยายตัวไม่ดี ร่างกายอ่อนแรง หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงจากการนอนนานเกิน เมื่อได้รับการวินิจฉัยเช่นนั้นจึงส่งมายังศูนย์กายภาพบำบัดแล้วนักกายภาพจะประเมินหาวิธีรักษาต่อไป เช่น การต้องเข้าไปทำในเรื่องการขยายตัวของปอด การฝึกให้คนไข้ออกกำลังกาย ฝึกกล้ามเนื้อแขนขา หาวิธีทำอย่างไรให้ปอดกลับมาเหมือนเดิมเพื่อช่วยให้คนไข้กลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม
“ทุกคนกังวล และก็กลัว แต่มันคือหน้าที่ของเรา”
คนไข้ก็มีความกลัวและกังวล บุคลากรของเราก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นความกลัวของบุคลากรต่อโควิด-19 ก็มีเหมือนกับทุกคนทั่วไป กลัวกันหมด ไม่ว่าจะเป็นหมอ พยาบาล เบื้องหน้า เบื้องหลัง แต่เพราะตรงนี้คืองาน คือหน้าที่เราต้องทำ ทุกคนรู้ว่าเราต้องมีความรู้เพื่อป้องกันตัวเอง และยังมี IC หรืองานควบคุมโรคติดเชื้อ เข้ามาช่วยให้ความรู้และการปฏิบัติที่ถูกต้อง เช่น การใส่หมวก ใส่เสื้อคลุม ใส่ถุงมือ ล้างมือก่อนและหลังทำทุกเคส เป็นต้น
“ป้องกันทั้งเขาและเรา ต่างคนต่างต้องมีมาตรการในการป้องกันและดูแลตนเอง”
การป้องกันตัวเองมันต้องเกิดจากคนทั้งสองฝ่าย กระบวนการของ IC ที่ได้เข้ามาให้ความรู้บุคลากรมีตั้งแต่การสอนให้บุคลากรป้องกันตัวเองในการให้การรักษาคนไข้ ตลอดจนวิธีการปฏิบัติตัวของคนไข้ที่เข้ารับการรักษา เพื่อให้บุคลากรทุกคนมีความรู้ไม่ใช่แค่ป้องกันตัวเองอย่างถูกวิธี แต่ต้องสามารถบอกให้คนไข้ทุกคนป้องกันตัวเองได้อย่างถูกวิธีด้วยเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างต้องมีมาตรการในการดูแลรักษาตนเองในสถานการณ์แบบนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้เหลือน้อยที่สุด
“เราลดปริมาณการรับคนไข้เข้ามารักษาลง ในขณะที่ยอดคนไข้จากอาการออฟฟิศซินโดรมกลับพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ”
ในช่วงโควิด-19 ทางศูนย์กายภาพบำบัดจำเป็นต้องลดจำนวนคนไข้ลงเหลือเพียงแค่ 25% เท่านั้น และตอนนี้มีการรับเพิ่มเป็น 50% แต่ยังไม่สามารถเปิดรับคนไข้เต็มรูปแบบได้ เพราะนอกจากจะลดความแออัดในการเข้ารับการกายภาพบำบัดแล้ว บุคลากรส่วนหนึ่งของศูนย์กายภาพบำบัดต้องไปช่วยฉีดวัคซีนด้วย ในสถานการณ์ที่ทางศูนย์รับคนไข้ได้น้อยแบบนี้ กลับมียอดคนไข้จากอากาศออฟฟิศซินโดรมพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างน่าตกใจ และบางคนก็เป็นหนักมาถึงขั้นต้องได้รับการบำบัดเสียด้วย
“ออฟฟิศซินโดรม อาการที่มากับการ Work from home”
ในวิกฤตการณ์โควิด-19 เช่นนี้ การ Work from home ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในทางออกของการหยุดเชื้อเพื่อชาติ และจำนวนคนที่ประสบปัญหาอาการออฟฟิศซินโดรมที่มากขึ้นก็เป็นสิ่งที่ตาม คนไข้ส่วนใหญ่เป็นเพราะเกิดจากการทำงานซ้ำๆในท่าเดิมเป็นเวลานาน จริงๆแล้วการทำงานไม่ควรนั่งท่าเดิมนานเกินไป 3 ชั่วโมง เพราะหากนานเกินไป กล้ามเนื้อที่ปกติต้องหดคลาย จะกลายเป็นค้างเอาไว้ แล้วกล้ามเนื้อมันจะหดเข้าหากันแทน สิ่งนี้จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ เช่นอาการปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ เป็นต้น
“น้องนั่งรถเข็นมา ขยับตัวก็ปวด นั่งก็ปวด เดินก็ปวด นอนก็ปวด เหยียดแขน เหยียดขาไม่ได้”
กภ.สุพรรณีเล่าให้ฟังว่ามีน้องคนหนึ่งมารับการบำบัด น้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย เป็นหมอนรองกระดูกเคลื่อน เกิดจากการที่น้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์นานเพราะทำธีสิส จนกระทั่งเข้ารับการรักษาครั้งที่สามน้องถึงเริ่มช่วยเหลือตัวเองได้ เดินจากชั้นบนลงมาชั้นหนึ่งได้
“เป็นความภูมิใจที่ได้ช่วยให้เขากลับมายิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น”
การที่น้องคนนั้นกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ เป็นความภูมิใจของศูนย์กายภาพบำบัดอย่างมาก และมันยังเป็นกำลังใจให้กับทางศูนย์ได้พยายามต่อไปอีกด้วย ในตอนแรกคุณพ่อคุณแม่ของน้องกลัวการต้องให้น้องผ่าตัด น้องเสียโอกาสหลายอย่าง เพราะเพิ่งเรียนจบ แต่ไปสัมภาษณ์งานก็ไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองก็ไม่ได้ การมีส่วนร่วมในการทำให้เด็กคนหนึ่งได้กลับไปมีชีวิตปกติและสามารถมีอนาคตที่สดใสได้อย่างที่เขาต้องการมันเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจมาก
“น้องๆทุกคน มาทำงานด้วยใจ”
ศูนย์กายภาพบำบัดไม่เคยปิดเลย แม้แต่ช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 รุนแรงจนถึงจุดพีคที่สุด มีเพียงแค่การลดจำนวนคนไข้ในแต่ละวันเท่านั้น ในส่วนของ IC ยังคงช่วยเหลือด้านป้องกันความเสี่ยงอย่างเต็มที่ ทุกคนที่มาทำงาน ทุกคนเต็มใจและเต็มที่ส่วนของตัวเองมาก ในศูนย์จะมีการคุยกันตลอดว่ากลัวไหม กลัวได้ แต่ต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองให้ได้ เรียนรู้ที่จะต้องอยู่ทำงานในสถานการณ์แบบนี้ให้ได้ ถ้าเชื้อโรคมันยังอยู่กับเราแบบนี้ สุดท้ายเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด และผ่านมันไปด้วยกัน
บทสรุป
ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่แค่เพียงความน่ากลัวของการแพร่ระบาดโควิด-19 เท่านั้น แต่การ Work from home ก็ทำให้เกิดการระบาดของออฟฟิศซินโดรมอย่างเงียบๆเช่นกัน มันไม่ใช่โรคติดต่อแต่คนกลับเป็นกันมากมาย มีทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว ซึ่งมันสามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าแค่ปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล่ หากเรายังมีพฤติกรรมในรูปแบบเดิม ศูนย์กายภาพบำบัดสามารถช่วยคุณได้ก็จริง แต่การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็คือคุณต้องรู้สึกความพอดีในการทำงาน ขยับตัว ลุกขึ้นเดิน หรือออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง เพื่อให้ร่างกายได้มีอิริยาบถอื่นๆ จะได้ไม่ต้องเดินทางไปถึงศูนย์กายภาพบำบัด
“ไม่ใช่แค่รอดจากออฟฟิศซินโดรมเท่านั้น เราต้องรอดจากโควิด-19 ไปด้วยกันด้วย”
ติดตามรับชมเรื่องราว เบื้องหลังวิกฤติและการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ในการรับมือกับสถานการณ์โควิด ได้กับรายการ Unmask Story เรื่องเล่าหลังแมสก์ของบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
ภารกิจฟื้น..คืนร่าง ภารกิจ..กายภาพบำบัด | โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
หรือ จะเลือกรับฟังข้อมูลเพิ่มเติมในรูปแบบของ Podcast:
….
บทความ แนะนำ :
ควบคุมโรคติดเชื้อ ด่านแรก…ของด่านหน้า รพ. ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
ติดตามชมรายการ UNMASK STORY
กับ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
ได้ทุกวันเสาร์ เวลา 20:00 น.
ทาง Facebook เพจ @มนุษย์เงินเดือนพันธุ์ใหม่
และ ช่องทาง Social Media ของ The Practical