โดนสั่งย้าย ในกรณีนี้หมายถึงการย้ายสถานที่ทำงาน เช่น ทำงานอยู่ที่สำนักงานสาขาในกรุงเทพ และ อยู่ๆ ก็โดนสั่งย้าย ให้ไปทำงานอีกสาขานึง ที่อยู่ต่างพื้นที่ หรือ ต่างจังหวัด แบบนี้ บริษัทสามารถทำได้ไหม? และ ทำถูกต้อง ตามกฎหมายหรือไม่?
ก่อนที่จะคิดไปไกลว่า การที่เราโดนย้าย หรือ โดนลดตำแหน่ง หมายถึงว่า เจ้านายหรือบริษัทต้องการบีบเรานั้น ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า
“บริษัทสามารถโยกย้ายงาน หรือ เปลี่ยนแปลงบทบาทและตำแหน่งของพนักงานได้หรือไม่?”
การโยกย้ายงาน หมายถึงการที่บริษัท สั่งให้พนักงาน เปลี่ยนตำแหน่ง หน้าที่ การทำงาน หรือ เปลี่ยนสถานที่ทำงาน บริษัท หรือ นายจ้าง เขามีสิทธิในการสั่งให้พนักงานโยกย้ายงาน โดยปกติ คำสั่งก็มาจากผู้บริหาร ผู้จัดการฝ่ายบุคคล หรือ หัวหน้างาน ซึ่งเรื่องของการโยกย้าย ถือเป็นดุลพินิจของบริษัท หรือ นายจ้าง สามารถกำหนด หรือ สั่งโยกย้ายเมื่อไหร่ก็ได้ หรือ ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
“โดนสั่งย้าย ถึงแม้ว่าจะเป็นอำนาจของนายจ้าง แต่ก็ต้องให้ความยุติธรรมต่อลูกจ้างด้วย เพราะหลายๆ ครั้ง ก็พบว่า พนักงาน โดนสั่งย้าย ด้วยความไม่เป็นธรรม”
กรณี ของการลดตำแหน่ง หรือ ย้ายตำแหน่งงาน
บริษัทหรือนายจ้าง สามารถออกคำสั่งกับพนักงานหรือลูกจ้างได้ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายงาน หรือ สลับตำแหน่ง หรือ การสั่งเปลี่ยนหน้าที่ แต่การกระทำดังกล่าว จะต้องเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมกับพนักงานหรือลูกจ้างด้วย
กรณีศึกษาที่ 1 : อ้างอิง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2548
การย้ายลูกจ้าง ตำแหน่งเลขานุการพนักงานระดับ 4 ไปเป็นพนักงานทั่วไปประจำแผนกผักและผลไม้ ซึ่งหัวหน้าแผนกเป็นพนักงานระดับ 3 เป็นการย้ายที่ลดตำแหน่งของลูกจ้างลง ถึงแม้ว่านายจ้างจะจ่ายค่าจ้างเท่าเดิม ก็ถือเป็นคำสั่งย้ายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้าง การที่ลูกจ้างปฏิเสธ ไม่ยอมไปทำงานในตำแหน่งใหม่ ถือว่าไม่ใช่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมของนายจ้าง นายจ้างจึงไม่อาจลงโทษลูกจ้างได้
สำหรับ กรณีนี้ พนักงานอยู่ในระดับที่ 4 แต่ต้องย้ายไปทำงานในระดับ 3 ซึ่งต่ำกว่าเดิม ถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถึงแม้ว่าเรื่องของการปรับเปลี่ยนหน้าที่ ไม่ได้มีกำหนดเอาไว้ในกฏหมาย แต่ก็มีหลักเกณฑ์ที่ศาลฎีกา ได้วางแนวทางเอาไว้ ดังนี้
เรื่องของลักษณะงาน หากลูกจ้างหรือพนักงาน เคยทำงานที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถ รวมไปถึงประสบการณ์ที่เป็นเฉพาะด้าน หรือ ลักษณะงานที่เป็นพิเศษ แต่ปรากฏว่า ตำแหน่งงานใหม่ หรือ ความรับผิดชอบใหม่ที่ได้รับ กลับกลายเป็นงานที่ไม่ได้ใช้ความรู้ความสามารถที่ลูกจ้างหรือพนักงานมีเลย หรือ ใช้ทักษะความสามารถต่ำกว่าเดิมมาก หากเป็นแบบนี้ ก็เข้าข่ายเป็นการโยกย้ายงาน ที่ต่ำกว่าเดิม
กรณี ของการย้ายสถานที่ทำงาน
กรณี โดนสั่งย้าย ก็อาจจะเป็นไปได้ทั้งเป็นธรรม หรือ ไม่เป็นธรรม ตัวอย่างเช่น
กรณีศึกษาที่ 2 : อ้างอิง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166-167/2546
คำสั่งของนายจ้าง ที่สั่งย้ายลูกจ้างซึ่งมีรายได้น้อย ให้ไปทำงานที่โรงงานผลิตและจำหน่ายสินค้าที่จังหวัดเพชรบุรี ห่างจากสถานที่ทำงานเดิมถึง 120 กิโลเมตร โดยนายจ้างไม่จัดที่พักหรือไม่จัดหารถรับส่งในการไปทำงานให้ อีกทั้งลูกจ้างไม่สามารถเบิกค่าเช่าบ้านได้ เป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายและก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ลูกจ้างเป็นอย่างยิ่ง ยากที่ลูกจ้างซึ่งมีรายได้น้อยอยู่แล้วจะปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างได้ จึงมีลักษณะเป็นการกลั่นแกล้งลูกจ้าง คำสั่งของนายจ้างแม้จะชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ไม่เป็นธรรมกับลูกจ้าง
สำหรับ กรณีนี้ พนักงานมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสูงมาก ถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถึงแม้ว่าเรื่องของการโยกย้ายงาน ไม่ได้มีกำหนดเอาไว้ในกฏหมาย แต่ก็มีหลักเกณฑ์ที่ศาลฎีกา ได้วางแนวทางเอาไว้ ดังนี้
ค่าจ้าง และตำแหน่งใหม่ จะต้องไม่ต่ำกว่าของเดิม และ บริษัท หรือ นายจ้าง ก็ต้องแสดงให้เห็นถึงความเป็นธรรมต่อลูกจ้าง หรือ พนักงานด้วย โดยจะดูจากความจำเป็น และความสุจริตใจ ของ บริษัท หรือ นายจ้าง ที่ต้องย้ายพนักงาน หรือลูกจ้างในครั้งนี้
กรณีศึกษาที่ 3 : อ้างอิง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4105-4108/2550
นายจ้างมีคำสั่งย้ายลูกจ้างทั้งสี่ ที่ทำงานหน่วยงานจังหวัดเชียงใหม่ไปทำงานที่หน่วยงานของนายจ้างในจังหวัดอื่นๆ ซึ่งนายจ้างมีสิทธิกระทำได้ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน แม้การย้ายจะมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันในครอบครัวของลูกจ้างผู้ถูกย้ายก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ตำแหน่งใหม่ก็ไม่ต่ำกว่าตำแหน่งเดิม ไม่ปรากฏว่านายจ้างกลั่นแกล้งย้ายลูกจ้างทั้งสี่ คำสั่งย้ายจึงชอบด้วยข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานและชอบด้วยกฎหมาย ลูกจ้างทั้งสี่ไม่ไปปฏิบัติงาน ณ หน่วยงานตามคำสั่งย้าย แม้จะยังคงปฏิบัติงานตามหน้าที่เดิมที่จังหวัดเชียงใหม่ ก็เป็นการละทิ้งหน้าที่ในตำแหน่งใหม่โดยไม่มีเหตุอันสมควร
สำหรับ กรณีนี้ ถือว่าชอบด้วยกฏหมาย เพราะนายจ้างทำไปด้วยเหตุสมควร และไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งลูกจ้าง
กรณี ของการย้ายสถานที่ทำงานไปสาขาใหม่ เพราะสาขาเดิมปิดทำการ หรือ ปิดกิจการ
ด้วยผลกระทบของโควิด ทำให้หลายๆ ธุรกิจต่างก็ทะยอยปิดสาขาไปเป็นจำนวนมาก และ ก็มีการโยกย้ายพนักงานเป็นจำนวนมากเช่นกัน พนักงานบางส่วนมองว่าการโยกย้าย หลายครั้งก็ไม่เป็นธรรม เพราะย้ายพวกเขาไปทำงานสาขาที่ห่างไกลมาก การกระทแบบนี้ ทำให้ดูเหมือนกับเป็นการบีบให้พนักงานออกเองเลย
อ้างอิง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ฉบับใหม่ 2562 กรณีที่นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการ ไปยังอีกที่หนึ่ง ที่มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของลูกจ้าง และครอบครัวของลูกจ้างสาขาที่ถูกย้ายไป โดยสาขานั้นห่างไกลมากๆ ทำให้ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่แพงขึ้นมาก หรือไม่สามารถย้ายไปอยู่ที่ต่างจังหวัดได้ เพราะมีภาระที่ต้องดูแลครอบครัว
ลูกจ้างมีสิทธิที่จะปฏิเสธการย้าย และบอกเลิกสัญญา โดยได้รับค่าชดเชยการเลิกจ้างตามมาตรา 118 ได้
หลักเกณฑ์การจ่ายค่าชดเชย กฎหมายที่เกี่ยวข้อง มาตรา 118 ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้าง ดังต่อไปนี้
- ลูกจ้างที่มีอายุงานครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 30 วัน
- ลูกจ้างที่มีอายุงานครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 90 วัน
- ลูกจ้างที่มีอายุงานครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 180 วัน
- ลูกจ้างที่มีอายุงานครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 240 วัน
- ลูกจ้างที่มีอายุงานครบ 10ปี ขึ้นไป แต่ไม่ครบ 20 ปี จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 300 วัน
- ลูกจ้างที่มีอายุงานครบ 20ปี ขึ้นไป จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 400 วัน
ถ้านายจ้างไม่จ่ายค่าชดเชย หรือ ค่าบอกกล่าล่วงหน้า ก็เข้าข่าย“การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม” โดยกฎหมายใหม่ได้กำหนดให้บริษัทต้องปิดประกาศการปิดสาขา แจ้งพนักงานอย่างเปิดเผย เป็นเวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน หากบริษัทไม่ปิดประกาศ บริษัทก็จะต้องจ่ายค่าชดเชยแทนการไม่บอกกล่าวล่วงหน้า 1 เดือน ให้กับพนักงานด้วย
บทสรุป
ถึงตรงนี้แล้วคงรู้แล้วว่า โดนสั่งย้าย หรือ โดนลดตำแหน่ง หมายความว่า บริษัทต้องการบีบให้เราลาออกเองใช่หรือไม่?
หากใครโดนกระทำอย่างไม่เป็นธรรมจากนายจ้าง ก็สามารถติดต่สายด่วนแรงงาน 1546 เพื่อขอคำปรึกษา หรือ อาจจะให้เจ้าหน้าที่แรงงานเขาช่วยไกล่เกลี่ยให้ก่อน แต่หากนายจ้างยังไม่ทำให้ถูกต้อง ทางเจ้าหน้าที่แรงงานเขาก็จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการสวัสดิการแรงงานพิจารณาในขั้นตอนต่อไป
เรื่องของ กฎหมายแรงงาน เป็นเรื่องสำคัญ หากไม่อยากโดนเอาเปรียบ หรือ ไม่อยากทำผิดโดยไม่รู้หรือไม่เข้าใจ เราต้องศึกษาถึงเงื่อนไข และข้อกำหนดให้ละเอียดถี่ถ้วน มิฉะนั้น เราอาจจะต้องกลายเป็นผู้เสียผลประโยชน์ และ อาจทำผิดกฏหมายได้
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับกฏหมายแรงงานสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
ลูกจ้างจะไม่ได้รับเงินชดเชย อันเนื่องมาจากการเลิกจ้าง ในกรณีใดบ้าง?