Self-Esteem คือ การเห็นคุณค่าในตัวเอง การมีความพึงพอใจในตนเอง เชื่อว่าตัวเราเองก็มีคุณค่าเช่นกัน แสดงออกถึงการรู้สึกภาคภูมิใจ มีความมั่นใจ รวมไปถึงการมีความสุขกับการได้เป็นตัวของตัวเอง
จุดเริ่มต้นทุกอย่างมักเริ่มขึ้นจากตัวเอง เราเองก็มักถูกสอนเสมอว่าก่อนที่จะรักใครก็ตาม เราต้องรักตัวเองให้เป็นเสียก่อน เพราะก่อนที่เราจะรับผิดชอบชีวิตใครก็ตาม เราต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ได้เสียก่อน และก่อนที่จะอยากให้ใครมานับถือเรา เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะนับถือตัวเองอย่างแท้จริงเสียก่อน
The Six Pillars of Self-Esteem หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Nathaniel Branden เขาเป็นนักจิตบำบัดและนักเขียนหนังสือขายดีชาวอเมริกันเชื้อสายแคนาดา โดยเขาได้เล่าถึงหลักการของ 6 เสาหลักที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับผู้คนในการนับถือตนเองได้มากยิ่งขึ้น โดยในหนังสือเล่มนี้ จะสอนพวกเราเกี่ยวกับการรู้จักการรักตัวเอง รู้จักการรับผิดชอบในการกระทำของตัวเราเอง การตั้งเป้าหมาย และความแน่วแน่ในการลงมือทำสิ่งต่างๆ
“ความนับถือที่มีต่อตนเองมักถูกชักจูงโดยผู้คนที่เราให้ค่าและนับถือ”
สิ่งที่เราแสดงออกมามักถูกตีกรอบด้วยข้อมูลที่เราคิดว่าถูกต้องแล้วเก็บสะสมเอาไว้ในสมอง ความเชื่อมากมายของเราล้วนถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ที่เรายังไม่ก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นด้วยซ้ำ ความนับถือตัวเองที่เราจะสามารถมีได้จึงเป็นสิ่งที่ได้รับจากคนรอบข้างที่มีความสำคัญต่อเราอย่างครอบครัว ครู เพื่อน เมื่อมันขึ้นอยู่กับคนอื่นแทนที่จะเป็นตัวเรา จึงมี 2 สิ่งที่เราต้องจำไว้ให้ดีคือ อย่าเฉยเมยต่อความนับถือที่เราได้รับและอย่าประเมินความสามารถของตัวเองต่ำจนเกินไป
“เพราะการนับถือตัวเองเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการโดยทั่วไป ไม่ใช่ความต้องการเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง”
เราไม่สามารถละเลยหรือเพิกเฉยต่อเรื่องของการนับถือตนเองได้ เพราะเรื่องนี้เป็นส่วนผสมที่สำคัญของสูตรสำเร็จในการสร้างความสุขและความสำเร็จของชีวิต การนับถือตัวเองเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนสามารถพัฒนาได้ แต่การแค่พูดมันเหมือนดูง่าย เพราะถ้าหากเราไม่ได้ถูกปลูกฝังหรือไม่ได้รับความนับถือมาตั้งแต่เด็ก การนับถือตัวเราเองก็จะมีน้อย ดังนั้น วิธีการสร้างการนับถือตัวเอง ก็จะเป็นการหยั่งรากความนับถือลงไปในตัวของเราใหม่ ซึ่งหากเทียบกับต้นไม้ ที่มีเนื้อไม้ที่เติบโตมาแต่เก่าก่อนแล้ว การวางรากฐานใหม่ในต้นไม้ต้นเดิมจึงไม่ง่ายอย่างที่พูดเลย
“ความนับถือที่มีต่อตัวเองจะเป็นตัวกำหนดลักษะนิสัย พฤติกรรม และความสำเร็จของคน”
ความนับถือเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการโดยพื้นฐานและมันไม่มีขายตามท้องตลาด ความนับถือถูกสร้างขึ้นและตกทอดมาจากผลงานและการทำงานที่ทำให้ชีวิตของเรา มันสามารถเสริมความแข็งแกร่งด้วยความเชื่อที่เราได้รับ คุณค่าที่เราได้สร้าง หลังจากนั้นจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่เราได้เพลิดเพลินไปกับความสำเร็จที่เราพยายามมาด้วยตัวของเราเอง
“ยิ่งเรานับถือตัวเองน้อยเท่าไร ความนับถือที่คนอื่นมอบให้เราก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น”
นี่จึงเป็นเหตุผลที่สำคัญว่า ทำไมคนที่มั่นใจและนับถือตัวเองในระดับที่สูงถึงเป็นคนที่ต้องการในสังคมเสมอ ถ้าเรายังไม่มีความนับถือให้กับตัวเอง แล้วคนอื่นเขาจะมานับถือเราได้อย่างไร? ผู้คนที่ไม่นับถือตัวเองเป็นคนที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย พวกเขาก็มักจะหาทางที่ทำให้คนอื่นมองพวกเขาด้อยกว่าเสมอ ดังนั้นเมื่อเรามีความนับถือตัวเองในระดับสูง เราจะขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จด้วยความแข็งแกร่ง ความมั่นใจจะเกิดขึ้นและจะช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์และศักยภาพที่ดีในการทำงานและการดำเนินชีวิตได้อีกด้วย
“การนับถือตัวเองเป็นความมั่นใจในการเผชิญหน้าต่อความท้าทายในชีวิต”
การนับถือตัวเองมีส่วนประกอบที่สำคัญ ยกตัวอย่างเช่น ความรู้สึกเคารพตัวเอง และความรู้สึกถึงประสิทธิภาพ หรือ การเชื่อมั่นใจความสามารถของตัวเอง ซึ่งหากอธิบายง่ายๆ ก็คือความมั่นใจที่เรามีต่อความคิด ความสามารถของตัวเอง และกล้าที่จะตัดสินใจลงมือทำอะไรสักอย่าง คนที่เคารพตัวเองจะรู้สึกได้ถึงข้อผิดพลาด ความรู้สึกเครียด ความรู้สึกไม่ปลอดภัย แล้วเลือกที่จะเปิดใจต่อเรื่องนั้นๆ พร้อมๆ ไปกับการคิดวิเคราะห์ หากหนทางใหม่ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยพัฒนาความสามารถได้ดี
“เมื่อคนไม่เข้าใจระดับความนับถือตัวเอง มันจะทำให้การใช้ชีวิตของพวกเขายากขึ้น”
นี่คือ 6 กิจกรรมที่จะช่วยเพิ่มระดับความนับถือตัวเองให้แก่พวกเราได้ Nathaniel เขาเรียกหลักการนี้ว่า
6 เสาหลัก ของการนับถือตัวเอง
1. ใช้ชีวิตอย่างมีสติ
การใช้ชีวิตอย่างมีสติเป็นพื้นฐานของการเอาชีวิตรอดอยู่แล้ว เป็นความสามารถที่เราต้องตระหนักถึงตัวเองและสภาพแวดล้อมที่เรากำลังอาศัยอยู่ นอกจากนี้ยังรวมถึงการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมายในทุกๆ พื้นที่และทุกๆ ช่วงเวลาของชีวิต นอกจากนี้เรายังต้องวิเคราะห์ความสามารถขั้นพื้นฐานของตัวเราเองและต้องสามารถบอกได้ว่าเราทำได้ดีแล้วหรือยัง? เราต้องจดจ่ออยู่กับการกระทำของตัวเองและสนใจผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกระทำเหล่านั้นด้วยว่ามีผลกระทบเชิงบวกหรือลบกับด้านในของเราและกับคนรอบตัวอย่างไรบ้าง?
“ความกลัวและความอับอาย ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้คุณหลับตา แต่มันคือสิ่งที่จะทำให้คุณลืมตาได้กว้างขึ้น”
2. การยอมรับตัวเอง
การนับถือตนเองจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย หากแค่เพียงยอมรับตัวเราเองยังทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นการยอมรับในสิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เรามี และความสามารถที่เราทำได้ สิ่งเหล่านี้เป็นหลักสำคัญของการนับถือตนเอง หัวใจของการยอมรับตัวเองก็คือเราต้องเป็นเพื่อนกับตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง เพราะไม่มีใครสามารถมอบความรักให้เราได้อย่างความรักที่เรามอบให้กับตัวเอง เรียนรู้ที่จะรักตัวเองเพราะความสุขของเรานั้นขึ้นอยู่กับมัน
“เราคือกองเชียร์อันดับ 1 ของตัวเองเราเอง”
3. รับผิดชอบตัวเอง
อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา หรือเกิดขึ้นโดยที่ตัวเราเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย ทั้งหมดนั้นตกอยู่ในความรับผิดชอบของเราทั้งสิ้น ดังนั้นอย่าโทษคนอื่นหรือสถานการณ์เพียงเพราะผลลัพธ์มันไม่ใช่อย่างที่เราต้องการ การมีความรับผิดชอบต่อตัวเองจะส่งผลทำให้คนใส่ใจในตัวเลือกและการกระทำที่ตัดสินใจในแต่ละครั้งมากขึ้น
“ความรับผิดชอบต่อตัวเองจะทำให้เราใช้สติมากขึ้นในการทำงาน”
4. ความแน่วแน่
ความแน่วแน่เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญของการนับถือตัวเอง เพราะมันเป็นการบอกว่าเราจัดลำดับความต้องการ ความจำเป็น และการให้คุณค่าต่อสิ่งต่างๆ ของเราอย่างไร? เราควรทำความเข้าใจสิ่งที่กระตุ้นให้เราออกไปสู้อย่างเต็มใจเพื่อให้ได้สิ่งที่เราต้องการ เต็มใจในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราไม่ชอบหรือไม่สบายใจได้ และสามารถทุ่มความพยายามลงไปเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการ
“ความแน่วแน่ คือการกระโจนลงไปในสนามที่เราเต็มใจยอมให้มือของเราเปรอะเปื้อน”
5. ความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง
ความซื่อสัตย์ต่อตัวเองเป็นการรวมตัวของความคิด ความเชื่อมั่น และมาตรฐานของตัวเองเอาไว้ ความนับถือตัวเองสามารถก่อให้เกิดการพัฒนาในระดับที่สูงขึ้นได้ด้วยการมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและมีเป้าหมายที่ถูกเก็บรักษามาอย่างดี การพัฒนาในลักษณะนี้ คือการตัดสินใจถึงจุดมุ่งหมายส่วนตัวที่เราเลือกจะทำให้สำเร็จนั่นเอง
“คนเรามักจะซื่อสัตย์ก็ต่อเมื่อ เรามั่นใจว่าเราถูก”
6. เป้าหมายของชีวิต
เรื่องนี้คือเสาหลักต้นสุดท้ายของการนับถือตัวเอง เป้าหมายในชีวิตคือสิ่งที่บ่งบอกถึงคุณภาพของชีวิตที่เราเลือกที่จะสร้าง เราทำงานและดำเนินชีวิตไปในแต่ละวันด้วยวิสัยทัศน์อย่างไร? อะไรคือสิ่งที่กระตุ้นให้เราตื่นเช้ามาในแต่ละวันแทนที่จะหลับต่อไปโดยไม่สนใจโลกใบนี้ มันไม่สำคัญเลยว่าเป้าหมายของเราจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ มีมูลค่ามากมายสำหรับใครหรือไม่ เพียงแค่เป้าหมายนั้นเป็นของขวัญสุดวิเศษที่ทำให้เรายิ้มได้เมื่อได้ทำสำเร็จ และเป็นเรื่องพิเศษมากพอที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เรานั่นก็เพียงพอแล้ว
“คุณภาพของชีวิตเป็นผลมาจากความพยายามในการขับเคลื่อนไปให้ถึงเป้าหมาย”
บทสรุป
การพัฒนาระดับความนับถือที่มีต่อตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันเป็นงานที่สำคัญมากสำหรับทุกคน การฝึกฝนโดยใช้ 6 เสาหลักของการนับถือตัวเองเป็นตัวช่วยที่ดีมาก ทำให้มันกลายเป็นกิจกรรมที่เราสามารถยึดติดเป็นชีวิตประจำวันของเราไปโดยปริยาย ไม่ว่าจะเป็น การใช้ชีวิตอย่างมีสติ ยอมรับตัวเอง รับผิดชอบตัวเอง มีความแน่วแน่ ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และ มีเป้าหมายในชีวิต
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เรามีระดับความนับถือต่อตัวเองในระดับไหน ต่ำหรือสูง? ตัวอย่างคำถามเหล่านี้คือ สิ่งที่จะช่วยบอกระดับความนับถือตัวเองของเราว่าเป็นอย่างไร?
- เรารักตัวเองและสามารถจัดลำดับความปรารถนาและคุณค่าของสิ่งต่างๆรอบตัวได้
- เราสบายใจในสีผิวและรูปลักษณ์ของเรา โดยไม่คิดจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร
- เราไม่จำเป็นต้องดึงคนอื่นให้ต่ำเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกสำคัญ หรือ ดีกว่าเขา
- เรามีความสุขที่ได้ช่วยให้คนอื่นเติบโตและได้ในสิ่งดีๆ ที่พวกเขาต้องการ
หากเราตอบได้ทุกข้อ นั่นก็หมายความว่าเรามีระดับการนับถือตัวเองที่ดีอยู่แล้ว หากขาดไปข้อใดข้อนึง หรือ ทั้งหมด ก็อย่าเพิ่งตกใจไป เราสามารถพัฒนาเรื่องนี้ได้ด้วยหลักการ 6 เสาหลักของการนับถือตัวเอง นั่นเอง
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการนับถือตัวเองคือ การที่เรารู้ว่าตัวเองยืนอยู่ตรงไหนตอนนี้? จะทำให้เรามีความคิดจะฝึกฝนเพื่อพัฒนาต่อไป มีอีกสองอย่างที่เราต้องทำตอนนี้เลยก็คือ รู้สึกยินดีเมื่อมีคนกระตุ้นให้คุณทำในสิ่งที่ดีๆ และ เราต้องพยายามฝึกฝนสิ่งที่ทำให้เราสบายใจในการเป็นตัวเองต่อไป
“ความเกียจคร้าน คือเป้าหมายสำคัญที่คุณต้องพิชิตให้ได้ เมื่อคุณพยายามจะพัฒนาระดับความนับถือที่มีต่อตัวเอง”
บทความแนะนำ
GRIT – ความสำเร็จไม่ได้มาจากพรสวรรค์ แต่มาจากความเพียรพยายาม