The Richest Man in Babylon – Six Laws of Wealth เป็นหนังสือที่บอกเล่าถึงเรื่องของ 6 กฎแห่งความมั่งคั่ง จากนิยายยอดนิยมสุดคลาสิกตลอดกาลที่มีผู้อ่านไปทั่วโลกกว่า 1,500,000 คน อย่าง The Richest Man in Babylon เขียนโดย George S. Clason ในหนังสือเล่มนี้ ได้เปิดเผยความลับของการสร้างความมั่งคั่งตลอดจนวิธีการรักษามัน หากเงินเป็นสิ่งที่เราอยากมี หนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือที่เราควรต้องอ่านเช่นกัน
เรื่องของเงินถือเป็นเรื่องสำคัญมากเรื่องนึงในชีวิตของเรา ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะแย้งและบอกว่าเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราจำเป็นต้องมีเงินเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต และ เพื่อซื้อความสุขในรูปแบบของความสะดวกสบายให้กับเราในการดำเนินชีวิต ทุกวันนี้เราต้องยอมรับว่าเงินสามารถซื้อความสุขให้เราได้จริงๆ สาเหตุนึงก็มาจากความต้องการที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น ซื้อบ้านหลังใหญ่ ซื้อรถยนต์ ซื้อของใช้จำเป็น หรือ ฟุ่มเฟือยต่างๆ ในแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการ ผลที่ตามมา ทำให้หลายคนในยุคนี้หายใจเข้าออกเป็นเงินเป็นทอง จะลงมือทำอะไรก็จะมองเรื่องเงินเป็นหลักก่อน ส่วนใครก็ตามที่มีเงินมีทองในมือเยอะมากมายจนกลายเป็นมหาเศรษฐี ก็แทบจะเป็นเจ้าชีวิตของผู้คนมากมาย มีอำนาจมากจนล้นมือ ถึงตรงนี้เราคงต้องยอมรับความจริงที่ว่า แม้เงินจะซื้อไม่ได้ทุกอย่าง แต่มันซื้อได้แทบทุกอย่างที่คนต้องการไม่ใช่เหรอ?
“ถึงแม้เราจะไม่ได้เกิดมาพร้อมช้อนเงินช้อนทอง เราก็สามารถรวยได้”
ความรวยเริ่มต้นด้วยการมีทัศนคติที่ถูกต้อง หลายคนมักจะแก้ตัวว่าที่ทุกวันนี้ไม่รวยก็เพราะไม่ได้เกิดมาร่ำรวยตั้งแต่แรก บางคนที่ไม่สามารถทำตัวเองให้รวยขึ้นมาได้เลือกที่จะบอกว่าเงินเป็นสิ่งของต้องสาป คำพูดเหล่านี้เป็นเพียงคำโกหกที่พวกเขาใช้เพื่อหลอกตัวเองในขณะที่พวกเขาต้องดิ้นรนหาเงินกันในแต่ละวันเท่านั้น เพราะความจริงแล้วเงินคือพลังงานที่ขับเคลื่อนกิจกรรมประจำวันของเราและมอบโอกาสในการค้นหาสิ่งที่เราต้องการให้แก่เราอีกด้วย
“การที่เราจะร่ำรวยขึ้นได้นั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นคนไม่ซื่อสัตย์ เพราะยังมีอีกหลายวิธีในการขูดรีดโชคลาภจากการทำงานหนักและคิดไปข้างหน้า”
ชายคนหนึ่งชื่อนาซีร์ อาศัยอยู่ในบาบิโลนโบราณเมื่อ 7,000 ปีที่แล้ว เขาเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองนี้ จึงทำให้หลายคนอิจฉาและเริ่มกล่าวหาว่าเขาลักทรัพย์คนอื่นมา ในวันหนึ่งในขณะที่เขาเดินไปตามถนนเขาก็ต้องหยุดเดินอย่างฉับพลันหลังจากได้ยินเสียงตะโกนของราวีเพื่อนเก่าของเขา ราวีเพื่อนเก่าของนาซีร์เขาอยากรู้ข้อมูลบางอย่างที่สำคัญ ราวีถามถึงความลับของความร่ำรวยของนาซีร์ และด้วยคำตอบที่ได้ก็ทำให้ราวีมั่นใจมากว่าข้อกล่าวหาที่ว่านาซีร์ลักทรัพย์นั้นเป็นเท็จอย่างแน่นอน เพราะเขารู้ว่าเพื่อนของเขาเป็นคนจริงใจมากและไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้อย่างแน่นอน
“กฎแห่งความมั่งคั่ง”
คำตอบที่ราวีได้ก็คือ นาซีร์แค่ปฏิบัติตามกฎแห่งความมั่งคั่งเท่านั้น เมื่อราวีถามถึงกฎแห่งความมั่งคั่งเหล่านั้น ในตอนแรกเร่ิมนาซีร์ก็มีความลังเลที่จะเปิดเผยให้ราวีได้รู้ เพราะเรื่องนี้เป็นกฎเกณฑ์ของคนรวยที่จะปกปิดกุญแจสู่โชคลาภของพวกเขา แต่เพราะเขารู้สึกสงสารเพื่อนรักของเขาอย่างจับใจ นาซีร์จึงยอมเปิดเผยกฎแห่งความมั่งคั่งทั้ง 6 ประการให้ราวีได้รับรู้ และ ในหนังสือเล่มนี้ เราจะได้เรียนรู้กฎแห่งความมั่งคั่งไปพร้อมกับราวี เราจะได้คำตอบว่า คนเราจะสามารถกลายเป็นคนมั่งคั่งได้อย่างไร? และเราจะรักษาความมั่งคั่งนั้นเอาไว้ได้อย่างไร?
“กฎข้อที่ 1 – ฉันพบหนทางสู่ความมั่งคั่ง เมื่อฉันค้นพบว่าส่วนหนึ่งของทั้งหมดที่ฉันหามาได้คือ ของที่ฉันเก็บไว้”
นาซีร์เคยขัดขืนกฎข้อที่ 1 นี้โดยอ้างว่าทุกอย่างที่เขาทำเป็นของเขาแต่ อาริซากะคนที่มอบกฎแห่งความมั่งคั่งให้แก่นาซีร์ยิ้มและเตือนนาซีร์ว่า ถ้าเขาจ่ายค่าอาหาร ค่าที่พัก และค่าบริการที่คนอื่นจัดหาให้เขา แล้วเขาจะเหลืออะไร? ดังนั้นกฎข้อแรกแห่งความมั่งคั่ง คือการออมอย่างน้อย (และไม่น้อยกว่า) 10% ของรายได้สำหรับตัวคุณเอง เลือกที่จะไม่เสียเงินซื้อเสื้อผ้าแล้วเก็บออมเอาไว้ เพราะการประหยัดเงินเป็นจุดเริ่มต้นของความมั่งคั่ง
“กฎข้อที่ 2 – ยิ่งเราเพาะเมล็ดเร็วเท่าไร ยิ่งเราให้อาหารและรดน้ำต้นไม้ด้วย ต้นไม้ของเราก็จะเติบโตเร็วขึ้นเท่านั้น”
เป็นการเปรียบเทียบที่เห็นภาพชัดเจน ในเรื่องของการเงินยิ่งเราออมและลงทุนมากเท่าไร เราก็จะได้รับความพึงพอใจภายใต้ผลลัพธ์ในที่นี่คือความมั่งคั่งที่เร็วขึ้นเท่านั้น เมื่อเราทำตามกฎข้อแรกอย่างถูกต้อง เราก็จะมีเงินที่ได้จากการเก็บออมแล้วก็มาถึงข้อที่ 2 ก็คือ การนำเงินออมทั้งหมดมาลงทุนด้วยการลงทุนอย่างชาญฉลาด ในขณะที่เรานำเงินไปลงทุน เงินก้อนนี้ก็จะมีแนวโน้มที่จะทวีคูณมากขึ้น ซึ่งจะมากกว่าการเอาเงินไปใช้จ่ายกับสิ่งที่เราอยากได้มาโดยตลอดในช่วงที่ไม่มีเงิน แต่ทุกๆ การลงทุนมีความเสี่ยงจึงต้องระวังอยู่เสมอ ดังนั้นนักลงทุนที่ดีจึงจะต้องเข้าใจวิธีการทำงานของธุรกิจที่ตนเองคิดจะลงทุนเสียก่อน ศึกษาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
“กฎข้อที่ 3 – จงชำระหนี้ที่มีอยู่เสียก่อน อย่าเพิ่งรีบร้อนสร้างหนี้ใหม่”
กฎแห่งความมั่งคั่งข้อที่ 3 คือ สอนให้เราหลีกเลี่ยงการสร้างและการมีหนี้สิน เพราะคนจนจ่ายดอกเบี้ยในขณะที่คนรวยได้ดอกเบี้ย เราจะมีอิสรภาพในระดับสูงสุดเมื่อเรามีความมั่งคั่งที่แท้จริง แต่การทำให้ตัวเองเป็นหนี้เป็นวิธีที่นำตัวเองเข้าไปหมกหมุ่นอยู่กับการเป็นทาส สิ่งสำคัญคือเราไม่สามารถชำระหนี้ของเราด้วยการสร้างใหม่ ดังนั้นควรวางแผนการทำงานและการใช้เงินในแต่ละเดือนอย่างจริงจัง เพื่อชำระหนี้ของเราให้หมดโดยยึดเวลาและทำตามแผนนั้นเอาไว้ให้ได้
“กฎข้อที่ 4 – อย่าสนใจเพียงแผนการรวยอย่างรวดเร็ว แต่ให้ลงทุนในธุรกิจที่ยั่งยืนที่เราเข้าใจ”
เมื่อมีเงินในมือโดยไม่มีหนี้แล้ว กฎแห่งความมั่งคั่งข้อที่ 4 คือ การลงทุนในธุรกิจที่ยั่งยืนซึ่งต้องเป็นธุรกิจที่เราเข้าใจการดำเนินการอย่างทะลุปรุโปร่งด้วย นาซีร์เองก็เคยขาดทุนมหาศาลจากการลงทุนในธุรกิจอัญมณี แต่เนื่องจากเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับอัญมณีเลยจึงทำให้เขาถูกหลอก อาริกาซะสอนนาซีร์ว่า ธุรกิจที่จะลงทุนควรเป็นธุรกิจที่มั่นคง ทำกำไรและจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ หากสนใจในธุรกิจใดๆ ก็ตามที่เรายังไม่เข้าใจ ให้หาคนที่สนใจ หากเราต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับอัญมณีให้ฝึกฝนตัวเองกับช่างอัญมณี หากเราไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับอัญมณีล้ำค่า เราก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าเพชรของแท้หน้าตาเป็นอย่างไร?
“ทักษะด้านภาษาและการสื่อสาร สามารถช่วยให้เราสร้างพื้นฐานร่วมกันกับพันธมิตรทางธุรกิจในอนาคตของเราได้”
หลังจากนั้นนาซีร์ก็ได้ทำตามที่อาริซากะสอน เขาก้าวเข้าสู่ตลาดการค้าโลหะ เลือกทำงานกับบุคคลที่เขารู้จักและไว้ใจ ลงทุนในธุรกิจที่พิสูจน์แล้วว่าแข็งแกร่งจริงๆ การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเขาในการซื้อขายโลหะเท่านั้น แต่เขายังได้รับความรู้ ทักษะ และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องโลหะจริงๆ อีกด้วย การมีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจที่ทำอย่างแท้จริงทำให้ไม่มีใครสามารถหลอกเราได้ในการทำธุรกิจนั้นๆ
“กฎข้อที่ 5 – ผู้รับผลประโยชน์จากการลงทุนของเรา ก็คือ ตัวเราเองเสมอ”
การลงทุนเป็นวิธีที่เสี่ยงแต่มีโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าพอจะเสี่ยงอยู่มาก หลายคนมองข้ามจุดที่ การลงทุนทั้งหมดของเราควรเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองและส่งเสริมการพัฒนาของเรา เราไม่เพียงแต่ลงทุนเงินเพื่อให้ได้เงินมากขึ้นเท่านั้น เราควรลงทุนเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและเติบโตขึ้นด้วย และนี่คือกฎแห่งความมั่งคั่งข้อที่ 5 ลงทุนในตัวเอง รับความรู้และทักษะเพื่อเพิ่มพลังรายได้ของเรา ให้ความรู้กับตัวเองต่อไป เพิ่มทักษะและประสบการณ์ใหม่ๆที่จะทำให้เรามีคุณค่ามากขึ้น
“กฎข้อที่ 6 – ปกป้องโชคลาภที่กำลังเติบโตของเรา ด้วยการกระจายความเสี่ยงและการประกันภัย”
เรื่องราวเกี่ยวกับอัญมณีปลอมเป็นเรื่องที่เปิดหูเปิดตาให้กับนาซีร์อย่างแท้จริง เขาเรียนรู้ที่จะไม่นำเงินทั้งหมดของเขาไปไว้ในที่เดียวหรือมอบให้คนๆเดียว ดังนั้นเขาจึงเริ่มกระจายการลงทุนของเขาแล้วซื้อกรมธรรม์ประกันภัยที่เชื่อถือได้เพื่อปกป้องความมั่งคั่งที่กำลังเติบโตขึ้นของเขาจากภัยพิบัติหรือการโจรกรรมนอกจากนี้ยังเป็นการทำเพื่อหารายได้ให้กับครอบครัวหากวันหนึ่งเกิดเหตุที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ขึ้น นี่คือกฎแห่งความมั่งคั่งข้อที่ 6 ปกป้องโชคลาภที่กำลังเติบโตของเราด้วยการกระจายความเสี่ยงและการประกันภัย
หากเราทำตามกฎแห่งความมั่งคั่งข้อทั้ง 6 นี้ได้ อาจจะถึงเวลาแสดงความยินดีกับความเติบโตทางการเงินของเราแล้ว เราไม่เพียงแต่มั่งคั่งเท่านั้น เรายังสามารถพักผ่อนนอนหายใจทิ้งได้นิดหน่อยโดยที่ยังมีเงินใช้อยู่ เราอาจจะสามารถปล่อยให้ตัวเองได้มีของหรูหราที่เราเคยอยากได้ในตอนเริ่มต้น การใช้จ่ายเงินก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะเงินคือแรงจูงใจในการทำกิจกรรมแต่ละอย่างในแต่ละวันของเรา ดังนั้นเมื่อเราหาเงินได้แล้ว ก็ต้องให้สิ่งที่เราสมควรได้รับด้วย
บทสรุป
เรื่องนี้แสดงให้เราเห็นว่าใครๆ ก็สามารถรวยได้ สิ่งที่ต้องทำ คือปฏิบัติตามกฎที่ควบคุมการสะสมความมั่งคั่งทีละขั้นตอน ในการเริ่มต้น ให้เก็บออมอย่างน้อย 10% ของรายได้สำหรับตัวเราเอง เราสามารถเก็บไว้ใต้ที่นอนของเราก็ได้ แต่เก็บไว้ 10% ของรายได้ต่อเดือนของเราเสมอ เมื่อเราประหยัดเงินได้เพียงพอแล้ว ให้เริ่มลงทุนเงินของเราในธุรกิจที่ยั่งยืนและมีชื่อเสียงที่จ่ายเงินปันผลคืน จากนั้นพยายามใช้หนี้ของเราให้หมด และอย่าเชื่อในเรื่องของการลงทุนเพื่อให้รวยได้ในระยะเวลาอันสั้น การลงทุนในตัวเอง และปกป้องโชคลาภของเราเองด้วยการกระจายความเสี่ยงและการประกันภัย
การเรียนรู้ที่จะรวยเป็นงานหนัก ไม่เคยเกิดขึ้นชั่วข้ามคืน เพื่อเริ่มต้นการเดินทางที่น่าตื่นเต้นนี้ เราต้องเตรียมพร้อมที่จะทำผิดพลาดและยอมรับผลที่ตามมา พึงระลึกไว้เสมอว่าความเสี่ยงเป็นสิ่งสูงส่ง การสูญเสียทรัพย์สินเกือบทั้งหมดของเราไป ไม่ได้หมายความว่าเราต้องหยุดพยายามไปด้วย พวกเราหลายคนอาจมองว่าการสูญเสียเงินเป็นสิ่งที่เลวร้ายและผิดหวังกับตัวเอง ขอให้จงจำเอาไว้ว่าระหว่างหนทางไปสู่ความร่ำรวย เราควรเตรียมพร้อมที่จะประสบกับความล้มเหลวและให้ถือว่ามันเป็นเรื่องปกติ ความล้มเหลวไม่ใช่จุดสิ้นสุดของความพยายามทั้งหมดของเรา มันกำลังสอนเราว่าอะไรได้ผลและอะไรไม่ได้ผล ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเรียนรู้และก้าวต่อไป